พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๙ หน้าที่ ๒๙๘
ทรงสรรเสริญพระโมคคัลลานว่ามีฤทธิ์มาก
(โมคคัลลานสูตร)
[๑๒๔๑] ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาค ตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายมาแล้วตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลาย จะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน ภิกษุโมคคัลลานะ มีฤทธิ์มากอย่างนี้มีอานุภาพมากอย่างนี้ เพราะได้เจริญ ได้กระทำให้มาก ซึ่งธรรม เหล่าไหน? ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ธรรมทั้งหลายของ ข้าพระองค์ทั้งหลาย มีพระผู้มีพระภาค เป็นรากฐาน ฯลฯ
[๑๒๔๒] พ. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุโมคคัลลานะ มีฤทธิ์มากอย่างนี้ มีอานุภาพมาก อย่างนี้ เพราะได้เจริญ ได้กระทำให้มาก ซึ่งอิทธิบาท ๔
อิทธิบาท ๔ เป็นไฉน?
ภิกษุโมคคัลลานะ ย่อมเจริญอิทธิบาท อันประกอบด้วย ฉันทสมาธิ และ ปธานสังขาร ดังนี้ว่า
ฉันทะของเราจักไม่ย่อหย่อนเกินไป
ไม่ต้องประคองเกินไป
ไม่หดหู่ในภายใน
ไม่ฟุ้งซ่านไปในภายนอก
และเธอมีความสำคัญในเบื้องหลัง และ เบื้องหน้า
อยู่ว่าเบื้องหน้าฉันใด เบื้องหลังก็ฉันนั้น
เบื้องหลังฉันใด เบื้องหน้าก็ฉันนั้น
เบื้องล่างฉันใด เบื้องบนก็ฉันนั้น
เบื้องบนฉันใด เบื้องล่างก็ฉันนั้น
กลางวัน ฉันใด กลางคืนก็ฉันนั้น
กลางคืนฉันใด กลางวันก็ฉันนั้น
เธอมีใจเปิดเผย ไม่มีอะไร หุ้มห่อ อบรมจิตใจให้สว่างอยู่ ย่อมเจริญอิทธิบาท อันประกอบด้วย วิริยสมาธิ ... จิตตสมาธิ ...วิมังสาสมาธิ และปธานสังขาร ดังนี้ว่า วิมังสาของเรา จักไม่ย่อหย่อนเกินไป ไม่ต้องประคองเกินไป ฯลฯ เธอมีใจ เปิดเผย ไม่มีอะไรหุ้มห่อ อบรมจิตให้สว่างอยู่
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุโมคคัลลานะ มีฤทธิ์มากอย่างนี้ มีอานุภาพมากอย่างนี้ เพราะได้เจริญ ได้กระทำให้มากซึ่งอิทธิบาท ๔ เหล่านี้แล
[๑๒๔๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ภิกษุโมคคัลลานะ แสดงฤทธิ์ได้หลาย อย่าง คือ คนเดียวเป็นหลายคนก็ได้ หลายคนเป็นคนเดียวก็ได้ ฯลฯ ใช้อำนาจ ทางกาย ไปตลอดพรหมโลกก็ได้ เพราะได้เจริญ ได้กระทำให้มากซึ่งอิทธิบาท ๔ เหล่านี้
[๑๒๔๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ภิกษุโมคคัลลานะ
ย่อมกระทำให้แจ้ง ซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันหาอาสวะมิได้
เพราะ อาสวะทั้งหลายสิ้นไป ด้วยปัญญา อันยิ่งเอง ในปัจจุบัน เข้าถึงอยู่
เพราะ ได้เจริญ ได้กระทำให้มากซึ่งอิทธิบาท ๔ เหล่านี้ |