เว็บไซต์ อนาคามี เผยแพร่ พุทธวจน คำสอนของพระศาสดา คำสอนตถาคต รวมพระสูตรสำคัญ อนาคามี เว็บไซต์เผยแพร่คำสอนของพระพุทธเจ้า
 
ค้นหาคำที่ต้องการ          

 
   ปัญหาที่พระศาสดาไม่ทรงพยากรณ์ เขมาเถรีสูตร 1115
 
 
ปัญหาที่พระศาสดาไม่ทรงพยากรณ์

พระเจ้าปเสนทิโกศล ได้ตรัสถาม พระเขมาภิกษุณี ว่า
ป. : ข้าแต่แม่เจ้า สัตว์เบื้องหน้าแต่ ตายแล้ว ย่อมเกิด หรือหนอ
ข. : ปัญหานี้เป็นปัญหาที่ พระผู้มีพระภาคมิได้ทรงพยากรณ์  

ป. : ก็สัตว์เบื้องหน้าแต่ ตายแล้ว ย่อมไม่เกิด อีกหรือ
ข. : แม้ปัญหานี้ก็เป็นปัญหาที่ พระผู้มีพระภาคไม่ทรงพยากรณ์

ป. : สัตว์เบื้องหน้าแต่ ตายแล้วย่อมเกิดอีกก็มี ย่อมไม่เกิดอีกก็มีหรือหนอ
ข. : ปัญหานี้เป็นปัญหาที่ พระผู้มีพระภาคไม่ทรงพยากรณ์

ป. : สัตว์เบื้องหน้าแต่ ตายแล้ว ย่อมเกิดอีกก็หามิได้ ย่อมไม่เกิดอีก ก็หามิได้หรือ
ข. : แม้ปัญหานี้ ก็เป็นปัญหาที่พระผู้มีพระภาค ไม่ทรงพยากรณ์ อีกเหมือนกัน
--------------------------------------------------------------------------------------------

ป.ข้าแต่แม่เจ้าอะไรเล่า เป็นเหตุเป็นปัจจัย ให้พระผู้มีพระภาคไม่ทรงพยากรณ์ปัญหานี้
ข. ถ้าอย่างนั้น อาตมภาพจักขอย้อนถามมหาบพิตร ในปัญหาข้อนี้บ้าง

ข. มหาบพิตรจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน มหาบพิตรมีนักประมาณ ซึ่งสามารถจะ คำนวณทราย ในแม่น้ำคงคา ว่า ทรายมีประมาณเท่านี้พันเม็ด หรือว่า มีทรายเท่านี้แสนเม็ดหรือไม่
ป. ไม่มีเลย แม่เจ้า ฯ

ข.มหาบพิตรมีนักคำนวณซึ่งสามารถ คำนวณน้ำในมหาสมุทร ว่าน้ำมีเท่านี้อาฬหกะ หรือว่ามีน้ำ เท่านี้ ร้อยอาฬหกะ หรือว่ามีน้ำเท่านี้ พันอาฬหกะ หรือว่ามีน้ำเท่านี้แสนอาฬหกะ หรือไม่
ป. ไม่มีเลย แม่เจ้า ฯ

ข. นั่นเพราะเหตุไร
ป. ข้าแต่แม่เจ้า เพราะว่ามหาสมุทรเป็นของลึก ประมาณไม่ได้ หยั่งถึงได้โดยยาก
--------------------------------------------------------------------------------------------

ข. ฉันนั้นนั่นแล บุคคลเมื่อจะบัญญัติสัตว์ พึงบัญญัติ ด้วยรูปใด รูปนั้นอันพระตถาคตละได้แล้ว ตัดรากขาดแล้ว กระทำให้ไม่มีที่ตั้ง ดุจตาล ยอดด้วน กระทำไม่ให้มีไม่ให้เกิดอีกต่อไปเป็นธรรมดา

พระตถาคตพ้นจากการบัญญัติว่าเป็นรูปเป็นของลึก ประมาณไม่ได้ หยั่งถึงได้โดยยาก ดุจ มหาสมุทร ฉะนั้นคำว่า สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้ว ย่อมเกิดอีก ก็ดี ย่อมไม่เกิดอีกก็ดี ย่อมเกิด และ ไม่เกิดอีกก็ดี ย่อมเกิดอีกก็หามิได้ ย่อมไม่เกิดอีก ก็หามิได้ก็ดี ย่อมไม่ควร

เมื่อบุคคลบัญญัติสัตว์ พึงบัญญัติด้วย เวทนาใด ... เมื่อบัญญัติสัตว์ พึงบัญญัติด้วย สัญญาใด ... เมื่อบุคคลบัญญัติสัตว์ พึงบัญญัติด้วย สังขารเหล่าใด ...เมื่อบัญญัติสัตว์ พึงบัญญัติด้วย วิญญาณใด วิญญาณนั้น อันพระตถาคตละได้แล้ว ตัดรากขาดแล้ว กระทำให้ไม่มีที่ตั้ง ดุจตาล ยอดด้วนกระทำไม่ให้มี ไม่ให้เกิดอีก ต่อไปเป็นธรรมดา

ดูกรมหาบพิตร พระตถาคตพ้นแล้วจากการบัญญัติว่าเป็นวิญญาณ เป็นของลึก ประมาณไม่ได้ หยั่งถึงได้โดยยาก ดุจมหาสมุทรฉะนั้น คำว่าสัตว์เบื้องหน้า แต่ตายแล้ว ย่อมเกิดก็ดี ย่อมไม่เกิด ก็ดี ย่อมเกิดอีกและไม่เกิดอีกก็ดี ย่อมเกิด อีก ก็หามิได้ ย่อมไม่เกิดอีกก็หามิได้ก็ดี ก็ย่อมไม่ควร ฯ

พระสูตรอื่นที่มีเนื้อหาใกล้เคียงกัน พระศาสดาตรัสกับวัชฉะ (972)
พระสูตรอื่นที่มีเนื้อหาใกล้เคียงกัน
จินตสูตร อย่าคิดเรื่องโลก  (1084)



   เรื่องสำคัญของพระพุทธเจ้า
   การบำเพ็ญบารมีในอดีตชาติ
   การประสูติ แสงสว่าง แผ่นดินไหว
   แสวงหาสัจจะ บำเพ็ญทุกรกิริยา
   ปัญจวัคคีย์หลีก สิ่งที่ตรัสรู้
   ตรัสรู้ แสดงเทศนาปัญจวัคคีย์
   ปลงสังขาร ปรินิพพาน
   ลำดับขั้นการปรินิพพาน
   เทวดาแสดงฤทธิ์ขณะถวายเพลิง
   แบ่งพระสรีระออกเป็น ๘ ส่วน
 


พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๘ หน้าที่ ๓๗๕


เขมาเถรีสูตร

          [๗๕๒] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อาราม ของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ก็สมัยนั้นแล พระเขมาภิกษุณี เมื่อเที่ยวจาริกไปในแคว้นโกศล เข้าอยู่ ณ ที่โตรณวัตถุ  ในระหว่างพระนครสาวัตถี กับเมืองสาเกต ครั้งนั้นพระเจ้าปเสนทิโกศล เสด็จออก จากเมืองสาเกตจะไปยัง พระนครสาวัตถี ประทับแรม ๑ ราตรีที่ โตรณวัตถุ ระหว่างพระนครสาวัตถี กับเมือง สาเกต

          ครั้งนั้นแล พระเจ้าปเสนทิโกศลตรัสเรียกราชบุรุษคนหนึ่งมาตรัสสั่งว่า ดูกรบุรุษผู้เจริญ ท่านจงไปดูให้รู้ว่า ณ ที่โตรณวัตถุ มีสมณะหรือพราหมณ์ ซึ่งสมควรที่เราจะพึงเข้าไปหา ณ วันนี้หรือไม่ ราชบุรุษนั้นทูลรับพระดำรัสของ พระเจ้าปเสนทิโกศลแล้ว เที่ยวไปยังโตรณวัตถุจนทั่ว ก็ไม่ได้พบเห็นสมณะ หรือ พราหมณ์ซึ่งสมควรที่ พระเจ้าปเสนทิโกศล จะพึงเสด็จเข้าไปหา ฯ

          [๗๕๓] ราชบุรุษนั้นได้พบ พระเขมาภิกษุณี ซึ่งเข้าอาศัยอยู่ ที่โตรณวัตถุ  ครั้นพบแล้ว ได้เข้าไปเฝ้าพระเจ้าปเสนทิโกศลถึงที่ประทับ ครั้นแล้ว พระพุทธเจ้าข้า ที่โตรณวัตถุ ไม่มีสมณะหรือพราหมณ์ ซึ่งสมควรที่พระองค์จะพึงเสด็จเข้าไปหาเลย มีภิกษุณีนามว่า เขมา เป็นสาวิกาของพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์นั้น และพระแม่เจ้านั้นมีกิตติศัพท์อันงามฟุ้งขจรไปแล้วอย่างนี้ว่า พระแม่เจ้าเขมาภิกษุณี เป็นบัณฑิตเฉียบแหลมมีปัญญา เป็นพหูสูต มีถ้อยคำไพเราะ มีปฏิภาณเป็นอย่างดี ขอเชิญพระองค์เสด็จเข้าไปหาพระแม่เจ้านั้นเถิด ขอเดชะ ฯ

          [๗๕๔] ครั้งนั้นแล พระเจ้าปเสนทิโกศล เสด็จเข้าไปหาพระเขมา ภิกษุณี ถึงที่อยู่ ทรงไหว้พระเขมาภิกษุณีแล้ว ประทับอยู่ ณ ที่สมควรส่วนข้างหนึ่ง  ครั้นแล้ว ได้ตรัสถามพระเขมาภิกษุณีว่า

ข้าแต่แม่เจ้า สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้ว ย่อมเกิด หรือหนอ

พระเขมาภิกษุณีถวายพระพรว่า ขอถวายพระพร ปัญหานี้เป็นปัญหาที่พระผู้มีพระภาค มิได้ทรงพยากรณ์

ป. ข้าแต่แม่เจ้า ก็สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้ว ย่อมไม่เกิด อีกหรือ

ข. ขอถวายพระพร แม้ปัญหานี้ก็เป็นปัญหาที่ พระผู้มีพระภาคไม่ทรงพยากรณ์

ป. ข้าแต่แม่เจ้า สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้วย่อมเกิดอีกก็มี ย่อมไม่เกิดอีกก็มีหรือหนอ

ข. ขอถวายพระพร ปัญหานี้เป็นปัญหาที่ พระผู้มีพระภาคไม่ทรงพยากรณ์

ป. ข้าแต่แม่เจ้า สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้ว ย่อมเกิดอีกก็หามิได้ ย่อมไม่เกิดอีก ก็หา มิได้หรือ

ข. ขอถวายพระพร แม้ปัญหานี้ ก็เป็นปัญหาที่พระผู้มีพระภาค ไม่ทรงพยากรณ์ อีกเหมือนกัน

          [๗๕๕] ป. เมื่อข้าพเจ้าถามว่า ข้าแต่แม่เจ้า สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้ว ย่อมเกิดอีกหรือ ท่านก็ตอบว่า ขอถวายพระพร ปัญหานี้เป็นปัญหาที่พระผู้มีพระภาค ไม่ทรงพยากรณ์ เมื่อข้าพเจ้าถามว่า ข้าแต่แม่เจ้า สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้ว ย่อมไม่เกิดอีกหรือ ท่านก็ตอบว่า ขอถวายพระพร

แม้ปัญหานี้ก็เป็นปัญหาที่พระผู้มีพระภาคไม่ทรงพยากรณ์ เมื่อข้าพเจ้าถามว่า ข้าแต่แม่เจ้าสัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้ว ย่อมเกิดอีกก็มี ย่อมไม่เกิดอีกก็มีหรือ ท่านก็ตอบว่าขอถวายพระพร ปัญหานี้เป็นปัญหาที่พระผู้มีพระภาคไม่ทรงพยากรณ์ เมื่อข้าพเจ้าถามว่า

ข้าแต่แม่เจ้า สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้ว ย่อมเกิดอีกก็หามิได้ ย่อมไม่เกิดอีกก็หามิได้ หรือ ท่านก็ตอบว่า ขอถวายพระพร แม้ปัญหานี้ก็เป็นปัญหาที่พระผู้มีพระภาค ไม่ทรง พยากรณ์

ข้าแต่แม่เจ้าอะไรเล่า เป็นเหตุเป็นปัจจัย ให้พระผู้มีพระภาคไม่ทรงพยากรณ์ปัญหานี้ ฯ

          [๗๕๖] ข. ขอถวายพระพร ถ้าอย่างนั้น อาตมภาพจักขอย้อนถามมหาบพิตร ในปัญหาข้อนี้บ้าง ปัญหาข้อนั้นพอพระทัยมหาบพิตรอย่างใด มหาบพิตรพึงทรง พยากรณ์ปัญหาข้อนั้นอย่างนั้นเถิด

ขอถวายพระพร มหาบพิตรจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน มหาบพิตรมีคำนวณ นักประเมิน หรือนักประมาณไรๆ ซึ่งสามารถจะคำนวณทรายในแม่น้ำคงคาว่า ทรายมีประมาณเท่านี้ หรือว่ามีทรายเท่านี้ร้อยเม็ด หรือว่ามีทรายเท่านี้พันเม็ด หรือว่า มีทรายเท่านี้แสนเม็ดหรือไม่ ฯ

ป. ไม่มีเลย แม่เจ้า ฯ

ข. และมหาบพิตรมีนักคำนวณ นักประเมิน หรือนักประมาณไรๆซึ่งสามารถ จะคำนวณ น้ำในมหาสมุทรว่า น้ำมีเท่านี้อาฬหกะ หรือว่ามีน้ำเท่านี้ร้อยอาฬหกะ หรือว่ามีน้ำ เท่านี้ พันอาฬหกะ หรือว่ามีน้ำเท่านี้แสนอาฬหกะ หรือไม่ขอถวายพระพร ฯ

ป. ไม่มีเลย แม่เจ้า ฯ

ข. นั่นเพราะเหตุไร ขอถวายพระพร ฯ

ป. ข้าแต่แม่เจ้า เพราะว่ามหาสมุทรเป็นของลึก ประมาณไม่ได้ หยั่งถึงได้โดยยาก ฯ

          [๗๕๗] ข. ฉันนั้นนั่นแล มหาบพิตร บุคคลเมื่อจะบัญญัติสัตว์ พึงบัญญัติ ด้วยรูปใด รูปนั้นอันพระตถาคตละได้แล้ว ตัดรากขาดแล้ว กระทำให้ไม่มีที่ตั้ง ดุจตาล ยอดด้วน กระทำไม่ให้มีไม่ให้เกิดอีกต่อไปเป็นธรรมดา

ดูกรมหาบพิตร พระตถาคตพ้นจากการบัญญัติว่า เป็นรูปเป็นของลึก ประมาณ ไม่ได้ หยั่งถึงได้โดยยาก ดุจมหาสมุทรฉะนั้น คำว่า สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้ว ย่อมเกิดอีก ก็ดี ย่อมไม่เกิดอีกก็ดี ย่อมเกิดและไม่เกิดอีกก็ดี ย่อมเกิดอีกก็หามิได้ ย่อมไม่เกิดอีก ก็หามิได้ก็ดี ย่อมไม่ควร

เมื่อบุคคลบัญญัติสัตว์ พึงบัญญัติด้วยเวทนาใด ... เมื่อบัญญัติสัตว์ พึงบัญญัติด้วย สัญญาใด ... เมื่อบุคคลบัญญัติสัตว์ พึงบัญญัติด้วย สังขารเหล่าใด ...

เมื่อบัญญัติสัตว์ พึงบัญญัติด้วยวิญญาณใด วิญญาณนั้น อันพระตถาคตละได้แล้ว ตัดรากขาดแล้ว กระทำให้ไม่มีที่ตั้ง ดุจตาลยอดด้วนกระทำไม่ให้มี ไม่ให้เกิดอีก ต่อไปเป็นธรรมดา

ดูกรมหาบพิตร พระตถาคตพ้นแล้วจากการบัญญัติว่าเป็นวิญญาณ เป็นของลึก ประมาณไม่ได้ หยั่งถึงได้โดยยาก ดุจมหาสมุทรฉะนั้น คำว่าสัตว์เบื้องหน้า แต่ตายแล้ว ย่อมเกิดก็ดี ย่อมไม่เกิดก็ดี ย่อมเกิดอีกและไม่เกิดอีกก็ดี ย่อมเกิด อีก ก็หามิได้ ย่อมไม่เกิดอีกก็หามิได้ก็ดี ก็ย่อมไม่ควร

ครั้งนั้นแล พระเจ้าปเสนทิโกศลทรงยินดี อนุโมทนาภาษิตของพระเขมาภิกษุณี เสด็จลุกจากอาสนะ ไหว้พระเขมาภิกษุณีทรงกระทำประทักษิณแล้วเสด็จจากไป ฯ

------------------------------------------------------------------------------------------------------

          [๗๕๘] สมัยต่อมา พระเจ้าปเสนทิโกศลเสด็จไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค ถึงที่ประทับ ทรงอภิวาทพระผู้มีพระภาคแล้ว ประทับ ณ ที่สมควรส่วนหนึ่ง ครั้นแล้ว ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาค ว่า

ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้ว  ย่อมเกิดอีกหรือ พระผู้มีพระภาคตรัสว่า

ดูกรมหาบพิตร ปัญหาข้อนี้เป็นปัญหาที่อาตมภาพไม่พยากรณ์ ฯ

ป. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้วย่อมไม่เกิดอีกหรือ ฯ

พ. ขอถวายพระพร แม้ปัญหาข้อนี้ก็เป็นปัญหาที่อาตมภาพไม่พยากรณ์เหมือนกัน ฯ

ป. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้วย่อมเกิดอีกก็มี ย่อมไม่เกิดอีก ก็มีหรือ ฯ

พ. ขอถวายพระพร ปัญหาข้อนี้เป็นปัญหาที่อาตมภาพไม่พยากรณ์ ฯ

ป. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้ว ย่อมเกิดอีกก็หามิได้ ย่อมไม่เกิดอีกก็หามิได้หรือ ฯ

พ. ขอถวายพระพร แม้ปัญหาข้อนี้ก็เป็นปัญหาที่อาตมภาพไม่พยากรณ์อีกนั่นแหละ ฯ

ป. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เมื่อข้าพระองค์ทูลถามว่า สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้ว  ย่อมเกิดอีกหรือ พระองค์ก็ตรัสตอบว่า ขอถวายพระพร ปัญหาข้อนี้เป็นปัญหา ที่อาตมภาพไม่พยากรณ์ ฯลฯ

ข้าแต่พรองค์ผู้เจริญ เมื่อข้าพระองค์ทูลถามว่า สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้ว ย่อมเกิดอีก ก็หามิได้ ย่อมไม่เกิดอีกก็หามิได้หรือ พระองค์ก็ตรัสตอบว่า ขอถวายพระพร แม้ปัญหาข้อนี้ ก็เป็นปัญหาที่อาตมภาพไม่พยากรณ์อีกนั่นแหละ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรเล่าเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้พระผู้มีพระภาค ไม่พยากรณ์ปัญหาข้อนั้น ฯ

          [๗๕๙] พ. ขอถวายพระพร ถ้าอย่างนั้น อาตมภาพจักย้อนถามมหาบพิตร ในปัญหาข้อนั้นบ้าง ปัญหาข้อนั้นพอพระทัยมหาบพิตรอย่างใด มหาบพิตรพึงทรง พยากรณ์ปัญหาข้อนั้นอย่างนั้นเถิด ขอถวายพระพร มหาบพิตรจะทรงสำคัญความ ข้อนั้นเป็นไฉน มหาบพิตรทรงมีนักคำนวณ นักประเมิน หรือนักประมาณไร ๆ ซึ่งสามารถจะคำนวณเม็ดทรายในแม่น้ำคงคา ว่าเม็ดทรายมีประมาณเท่านี้ ฯลฯ หรือว่ามีทรายประมาณเท่านี้แสนเม็ดหรือไม่ ฯ

ป. ไม่มีเลย พระเจ้าข้า ฯ

พ. และมหาบพิตรทรงมีนักคำนวณ นักประเมิน หรือ นักประมาณไรๆซึ่งสามารถจะ คำนวณน้ำในมหาสมุทรว่า มีน้ำเท่านี้อาฬหกะ ฯลฯ หรือว่ามีน้ำเท่านี้แสนอาฬหกะ หรือไม่ ฯ

ป. ไม่มีเลย พระเจ้าข้า ฯ

พ. ข้อนั้นเป็นเพราะเหตุไร มหาบพิตร ฯ

ป. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เพราะว่ามหาสมุทรเป็นของลึกประมาณ ไม่ได้หยั่งถึง ได้โดยยาก พระเจ้าข้า ฯ

          [๗๖๐] พ. ฉันนั้นนั่นแล มหาบพิตร บุคคลเมื่อจะบัญญัติสัตว์ พึงบัญญัติด้วย รูปใด รูปนั้นอันตถาคตละได้แล้ว ตัดรากขาดแล้ว กระทำให้ไม่มีที่ตั้ง ดุจตาลยอดด้วน กระทำไม่ให้มี ไม่ให้เกิดอีกต่อไปเป็นธรรมดา

ดูกรมหาบพิตร ตถาคตพ้นจากการบัญญัติว่าเป็นรูปเป็นของลึก ประมาณไม่ได้หยั่งถึง ได้โดยยากดุจมหาสมุทร ฉะนั้น คำว่า สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้วย่อมเกิดอีกก็ดี ย่อมไม่เกิดอีกก็ดี ย่อมเกิดอีกและไม่เกิดอีกก็ดี ย่อมเกิดอีกก็หามิได้ย่อมไม่เกิดอีก ก็หามิได้ก็ดี ย่อมไม่ควร

บุคคลเมื่อจะบัญญัติสัตว์ พึงบัญญัติด้วยเวทนาใด ... เมื่อบัญญัติสัตว์ พึงบัญญัติด้วย สัญญาใด ... เมื่อบัญญัติสัตว์ พึงบัญญัติด้วยสังขาร เหล่าใด ... เมื่อบัญญัติสัตว์ พึงบัญญัติด้วยวิญญาณใดวิญญาณนั้น อันตถาคต ละได้แล้ว ตัดรากขาดแล้วกระทำ ให้ ไม่มีที่ตั้ง ดุจตาลยอดด้วน กระทำไม่ให้มี ไม่ให้เกิดขึ้นอีกต่อไปเป็นธรรมดา

ดูกรมหาบพิตร ตถาคตพ้นแล้วจากการบัญญัติว่าเป็นวิญญาณ เป็นของลึก ประมาณไม่ได้ หยั่งถึงได้โดยยาก ดุจมหาสมุทร

ฉะนั้น คำว่า สัตว์เบื้องหน้า แต่ตายแล้ว ย่อมเกิดอีกก็ดี ย่อมไม่เกิดอีกก็ดี ย่อมเกิดอีก และไม่เกิดอีกก็ดี ย่อมเกิดอีก ก็หามิได้ย่อมไม่เกิดอีกก็หามิได้ก็ดีย่อมไม่ควร ฯ

          [๗๖๑] ป. อัศจรรย์จริง พระเจ้าข้า ไม่เคยมี พระเจ้าข้า ในข้อที่อรรถ กับอรรถพยัญชนะ กับพยัญชนะ ของ พระศาสดา กับ ของสาวิกา ย่อมเทียบกันได้ สมกันได้ ไม่ผิดเพี้ยนในบทที่สำคัญ

ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ สมัยหนึ่งข้าพระพุทธเจ้าได้ไปหา พระเขมาภิกษุณี ไต่ถามความ ข้อนี้มาครั้งหนึ่งแล้ว แม้แม่เจ้ารูปนั้นก็ได้พยากรณ์ความข้อนี้ ด้วยบทเหล่านี้ ด้วย พยัญชนะเหล่านี้ แก่ข้าพระพุทธเจ้า ดุจพระผู้มีพระภาคเหมือนกัน น่าอัศจรรย์ พระเจ้าข้า ไม่เคยมีมาพระเจ้าข้า ในข้อที่อรรถกับอรรถ พยัญชนะกับ พยัญชนะ ของพระศาสดากับของสาวก ย่อมเทียบกันได้ สมกันได้ ไม่ผิดเพี้ยนในบท ที่สำคัญ

ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระพุทธเจ้ามีกิจมาก มีกรณีย์มาก ถ้ากระไร จึงขอทูลลา ไป ในบัดนี้ ฯ

พ. ขอถวายพระพร บัดนี้ มหาบพิตรทรงทราบกาลอันสมควรเถิด ครั้งนั้นแล พระเจ้าปเสนทิโกศลทรงยินดี อนุโมทนา พระภาษิตของพระผู้มีพระภาค เสด็จลุกขึ้น จากอาสนะทรงอภิวาทพระผู้มีพระภาค กระทำประทักษิณแล้วเสด็จกลับไป ฯ

 

 
พุทธวจน : อ่านคำสอนพระศาสดา อ่านแบบสบายตา โดยคัดลอกหนังสือทั้งเล่มมาจัดทำเป็นเว็บเพจ (คลิกอ่านพร้อมดาวน์โหลดไฟล์ pdf)
90 90 90 90  
 
พุทธประวัติ ขุมทรัพย
อริยสัจ
ภาคต้น
อริยสัจ
ภาคปลาย
ปฏิจจ ปฐมธรรม ตถาคต อนาคามี อินทรีย์
สังวร
สัตว์
สัตตานัง
ทาน
สกทาคามี
ฆราวาส
ชั้นเลิศ
มรรควิธี
ที่ง่าย
 
   
อริยวินัย เดรัจฉานวิชา กรรม สมถะ
วิปัสสนา
โสดาบัน นา
ปานสติ
จิต มโน
วิญญาณ
ก้าวย่าง
อย่างพุทธะ
ตามรอย
ธรรม
ภพ ภูมิ
พุทธวจน
สาธยาย
ธรรม
สังโยชน์