ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! เธอทั้งหลาย จะสำคัญความข้อนี้ว่าอย่างไร
รูปเที่ยง หรือ ไม่เที่ยง?
ไม่เที่ยง พระเจ้าข้า !
ก็สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้น เป็นทุกข์หรือ ?
เป็นทุกข์ พระเจ้าข้า !
ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ควรหรือหนอที่จะตามเห็น สิ่งนั้นว่า นั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นเป็นตัวตนของเรา?
ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !
(ในกรณีแห่งเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ก็มีการถามตอบด้วยข้อความ อย่างเดียวกัน ทุกตัวอักษร กับในกรณีแห่งรูป ต่างกันแต่ชื่อแห่งขันธ์ แต่ละขันธ์ เท่านั้น.)
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! เพราะเหตุนั้น ในเรื่องนี้
รูปอย่างใดอย่างหนึ่ง ทั้งที่เป็น อดีต อนาคต และปัจจุบัน อันมีอยู่ในภายในหรือ ภายนอกก็ดี หยาบหรือละเอียดก็ดี เลวหรือปราณีตก็ดี อยู่ห่างไกลหรืออยู่ใกล้ก็ดี รูปทั้งหมดนั้น อันเธอ ทั้งหลาย พึงเห็นด้วยปัญญาอันชอบตรงตามที่เป็นจริง อย่างนี้ว่า “นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่เป็นเรา นั่นไม่ใช่ตัวตน ของเรา” ดังนี้
(ในกรณีแห่งเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ก็มีการถามตอบด้วยข้อความ อย่างเดียวกัน ทุกตัวอักษร)
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย !
อริยสาวก ผู้ได้สดับแล้ว เห็นอยู่อย่างนี้ ย่อมเบื่อหน่าย แม้ในรูป แม้ในเวทนา แม้ในสัญญา แม้ในสังขารทั้งหลาย แม้ในวิญญาณ
อริยสาวก นั้น
เมื่อเบื่อหน่าย- ย่อมคลายกำหนัด
เพราะความคลายกำหนัด- ย่อมหลุดพ้น
เมื่อหลุดพ้นแล้ว- ย่อมมีญาณหยั่งรู้ว่าหลุดพ้นแล้ว
อริยสาวกนั้น ย่อมรู้ชัดอย่างนี้ว่า
“ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์ อันเราอยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำ ได้ทำสำเร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็น อย่างนี้ มิได้มีอีก” ดังนี้ แล |