ภิกษุ ท. ! 
                          เนกขัมมวิตก ย่อมเกิดอย่างมีเหตุให้เกิด (นิทาน) ไม่ใช่เกิดอย่าง ไม่มีเหตุ ให้เกิด
อัพ๎ยาปาทวิตก ย่อมเกิดอย่างมีเหตุให้เกิด ไม่ใช่เกิด
                          อย่างไม่มีเหตุ ให้เกิด
                          อวิหิงสาวิตก ย่อมเกิดอย่างมีเหตุให้เกิด ไม่ใช่เกิดอย่างไม่มีเหตุ ให้เกิด
                          
                          (สังกัปปะ แปลว่า ดำริ)
                          (สัมมาสังกับปะ แปลว่า ดำริชอบ)
                          --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
                        
                                                      ก. กรณี เนกขัมมวิตก (ความตริในทางออกจากกาม)
                            ภิกษุ ท. ! เนกขัมมวิตก [ความตริตรึกในเนกขัมมะ (ออกจากกาม)] ย่อมเกิดอย่างมี เหตุให้เกิด ไม่ใช่เกิดอย่างไม่มีเหตุให้เกิด  นั้นเป็นอย่างไรเล่า ? 
                            
                            ภิกษุ ท.! เพราะอาศัยเนกขัมมธาตุ จึงเกิดเนกขัมมสัญญา 
                            เพราะอาศัยเนกขัมมสัญญา จึงเกิดเนกขัมมสังกัปปะ 
                            เพราะอาศัยเนกขัมมสังกัปปะ จึงเกิดเนกขัมมฉันทะ 
                            เพราะอาศัยเนกขัมมฉันทะ จึงเกิดเนกขัมมปริฬาหะ(ความเร่าร้อนเพื่อจะได้ เนกขัมมะ) 
                            เพราะอาศัยเนกขัมมปริฬาหะ จึงเกิดเนกขัมมปริเยสนา
                            
                            ภิกษุ ท. ! อริยสาวกผู้มีการสดับ เมื่อแสวงหาอยู่อย่างแสวงหาเนกขัมมะ ย่อมปฏิบัติ
                            ถูกโดยฐานะสาม คือโดยกาย โดยวาจา โดยใจ.
                            --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
                          ข. กรณี อัพ๎ยาปาทวิตก (ความตริในทางไม่พยาบาท)
                            ภิกษุ ท. ! อัพ๎ยาปาทวิตก (ความตริตรึกในอัพ๎ยาบาท) ย่อมเกิดอย่างมีเหตุให้เกิด ไม่ใช่เกิดอย่างไม่มีเหตุให้เกิด  นั้นเป็นอย่างไรเล่า ? 
                            
                            ภิกษุท. ! เพราะอาศัยอัพ๎ยาปาทธาตุ จึงเกิดอัพ๎ยาปาทสัญญา 
                            เพราะอาศัยอัพ๎ยาปาทสัญญา จึงเกิดอัพ๎ยาปาทสังกัปปะ เพราะอาศัยอัพ๎ยาปาทสังกัปปะ จึงเกิดอัพ๎ยาปาทฉันทะ 
                            เพราะอาศัยอัพ๎ยาปาทฉันทะ จึงเกิดอัพ๎ยาปาทปริฬาหะ(ความเร่าร้อนเพื่อจะได้ อัพ๎ยาบาท) 
                            เพราะอาศัยอัพ๎ยาปาทปริฬาหะ จึงเกิดอัพ๎ยาปาทปริเยสนา.
                            
                            ภิกษุ ท. ! อริยสาวกผู้มีการสดับ เมื่อแสวงหาอยู่อย่างแสวงหาอัพ๎ยาบาท ย่อมปฏิบัติถูกโดยฐานะสาม คือ โดยกาย โดยวาจา โดยใจ.
                            --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
                          ค. กรณี อวิหิงสาวิตก (ความตริในทางไม่เบียดเบียน)
                            ภิกษุ ท. ! อวิหิงสาวิตก (ความตริตรึกในอวิหิงสา) ย่อมเกิดอย่างมีเหตุ
                            ให้เกิด ไม่ใช่เกิดอย่างไม่มีเหตุให้เกิด  นั้นเป็นอย่างไรเล่า ?
                            
                            ภิกษุท.! เพราะอาศัยอวิหิงสาธาตุ จึงเกิดอวิหิงสาสัญญา 
                            เพราะอาศัยอวิหิงสาสัญญา จึงเกิดอวิหิงสาสังกัปปะ
                            เพราะอาศัยอวิหิงสาสังกัปปะ จึงเกิดอวิหิงสาฉันทะ 
                            เพราะอาศัยอวิหิงสาฉันทะ จึงเกิดอวิหิงสาปริฬาหะ                            (ความเร่าร้อนเพื่อจะได้ อวิหิงสา) 
                            เพราะอาศัยอวิหิงสาปริฬาหะ จึงเกิดอวิหิงสาปริเยสนา 
                            
                            ภิกษุ ท. ! อริยสาวกผู้มีการสดับ เมื่อแสวงหาอยู่อย่างแสวงหาอวิหิงสา ย่อมปฏิบัติถูกโดยฐานะสาม คือ โดยกาย โดยวาจา โดยใจ.
                          - นิทาน.สํ. ๑๖/๑๘๒ - ๑๘๓/๓๕๘ - ๓๕๙.