การรู้ลมหายใจ 
                           
                          จะเป็นเหตุให้ สติปัฎฐาน 4  บริบูรณ์  
                          จะเป็นเหตุให้โพชฌงค์ 7  บริบูรณ์  
                          จะเป็นเหตุให้ วิชาวิมุติ บริบูรณ์ 
                           
                          สติปัฎฐาน 4  
                           
                          1 กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน - การมีสติระลึกรู้กายเป็นฐาน ซึ่งกายในที่นี่หมายถึงประชุม หรือรวม นั่นคือธาตุ 4 ได้แก่ ดิน น้ำ  ลม ไฟมาประชุมร วมกันเป็นร่างกาย ไม่มองกายด้วยความเป็นคน สัตว์ เรา เขา  แต่มองแยกเป็น รูปธรรมหนึ่งๆ เห็นความเกิดดับ กายล้วนไม่เที่ยง เป็นทุกข์  และเป็นอนัตตา 
                           
                          2 เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน - การมีสติระลึกรู้เวทนาเป็นฐาน ไม่มองเวทนาด้วยความเป็นคน สัตว์ เรา เขาคือไม่มองว่าเรากำลังทุกข์  หรือเรากำลัง สุข หรือเราเฉยๆ แต่มองแยกเป็นนามธรรมอย่างหนึ่ง เห็นความเกิดดับ  เวทนาล้วน ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และเป็นอนัตตา 
                           
                          3 จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน - การมีสติระลึกรู้จิตเป็นฐาน เป็นการนำจิตมาระลึกรู้เจตสิกหรือรู้จิตก็ได้ ไม่มองจิตด้วยความเป็นคน สัตว์ เรา  เขา คือไม่มองว่าเรากำลังคิด เรากำลังโกรธ หรือเรากำลังเหม่อลอย  แต่มองแยกเป็น นามธรรมอย่างหนึ่ง เห็นความเกิดดับ จิตล้วนไม่เที่ยง เป็นทุกข์  และเป็นอนัตตา 
                           
                          4 ธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน -  การมีสติระลึกรู้สภาวะธรรมเป็นฐานทั้งรูปธรรมและนามธรรมล้วนมีความเกิดดับ  ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และเป็นอนัตตา  
                           
                          โพชฌงค์ 7 
                        โพชฌงค์ 7 คือธรรมที่เป็นองค์แห่งการตรัสรู้ หรือองค์ของผู้ตรัสรู้  มีเจ็ดอย่างคือ  
                           
                          1 สติ (สติสัมโพชฌงค์) ความระลึกได้ สำนึกพร้อมอยู่ ใจอยู่กับกิจ  จิตอยู่กับเรื่อง  
                          2 ธัมมวิจยะ (ธัมมวิจยสัมโพชฌงค์) ความเฟ้นธรรม ความสอดส่องสืบค้นธรรม  
                          3 วิริยะ (วิริยสัมโพชฌงค์) ความเพียร  
                          4 ปีติ (ปีติสัมโพชฌงค์) ความอิ่มใจ  
                          5 ปัสสัทธิ (ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์) ความสงบกายใจ  
                          6 สมาธิ (สมาธิสัมโพชฌงค์) ความมีใจตั้งมั่น จิตแน่วในอารมณ์  
                          7 อุเบกขา (อุเบกขาสัมโพชฌงค์) ความมีใจเป็นกลาง เพราะเห็นตามเป็นจริง  
                           
                        โพชฌงค์คู่ปรับกับอนุสัย 
                           
                          1 สติ เป็นคู่ปรับกับ อวิชชา (ความไม่รู้ในอริยสัจจสี่) 
                          2 ธัมมวิจยะ เป็นคู่ปรับกับ ทิฏฐิ (สักกายทิฏฐิ และ สีลัพพัตปรามาส)  
                          3 วิริยะ เป็นคู่ปรับกับ วิจิกิจฉา (ลังเลสงสัยในพระธรรม) 
                          4 ปีติ เป็นคู่ปรับกับ ปฏิฆะ (ความคับแค้น  ความขัดใจ หงุดหงิด) 
                          5 ปัสสัทธิ เป็นคู่ปรับกับ กามราคะ (ความกำหนัดในกาม) 
                          6  สมาธิ เป็นคู่ปรับกับ ภวราคะ (รูปราคะ อรูปราคะ ภพที่สงบ) กับ  อุทธัจจะกุกกุจจะ (ภพที่ไม่สงบ)) 
                          7  อุเบกขา เป็นคู่ปรับกับ มานะ  
                        ธัมมวิจยะและวิริยะ ทำลายทิฏฐิ และวิจิกิจฉาอนุสัย  บรรลุเป็นพระโสดาบัน และ หรือพระสกทาคามี  
                          ปีติและปัสสัทธิ ทำลายปฏิฆะ และกามราคะอนุสัย  บรรลุเป็นพระอนาคามี  
                          สมาธิ อุเบกขา และ สติ ทำลายรูปราคะ  อรูปราคะ อุทธัจจกุกกุจจะ มานะ อวิชชาอนุสัย บรรลุเป็นพระอรหันต์  
                           
                        วิชาวิมุติ  
                           
                          วิมุตติ 2 คือ ความหลุดพ้นด้วย สมาธิ และ ปัญญา ได้แก่  
                           
                          1  เจโตวิมุตติ หมายถึง ความหลุดพ้นแห่งจิต ความหลุดพ้นด้วยอำนาจการฝึกจิต  ความหลุดพ้นแห่งจิตจากราคะ ด้วยกำลังแห่งสมาธิ  
                           
                          2 ปัญญาวิมุตติ หมายถึง ความหลุดพ้นด้วยปัญญา ความหลุดพ้นด้วยอำนาจการ เจริญปัญญา  ความหลุดพ้นแห่งจิตจากจากอวิชชา ด้วยปัญญาที่รู้เห็นตามเป็นจริง  |