| เวสาลี
 จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
 
 เวสาลี หรือ ไวศาลี (อังกฤษ: Vaishali) คือเมืองโบราณในสมัยพุทธกาล  มีความสำคัญในฐานะที่เป็นเมืองหลวงของคณะเจ้าลิจฉวี  ที่มีปกครองแคว้นวัชชี ด้วยระบอบคณาธิปไตยแห่งแรก ๆ ของโลก  (บ้างก็ว่าด้วยระบอบประชาธิปไตย)  เมืองนี้เป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรืองอย่างยิ่งในสมัยพุทธกาล  เป็นเมืองที่มั่น แห่งสำคัญของพระพุทธศาสนาในสมัยนั้น  โดยพระพุทธเจ้าเคยเสด็จเยี่ยมเมืองแห่งนี้ในปีที่ 5 หลังการตรัสรู้  ตามการกราบบังคมทูลเชิญจากเจ้าผู้ครองแคว้น และในช่วงหลังพุทธกาล
 
 เมืองแห่งนี้ได้ตกเป็นของแคว้นมคธโดยการนำของ พระเจ้าอชาตศัตรูพระราชา แห่งเมืองราชคฤห์  และหลังการล่มสลายของราชวงศ์พิมพิสารในเมืองราชคฤห์  พระราชาองค์ต่อมาจึงได้ย้ายเมืองหลวง แห่งแคว้นมคธมายังเมืองเวสาลี  ทำให้เมืองแห่งนี้เจริญถึงขีดสุด  และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมืองนี้ ได้เป็นสถานที่ทำทุติยสังคายนาของพระพุทธศาสนา  ก่อนที่จะเสื่อมความสำคัญ และถูกทิ้งร้างลงเมื่อมีการย้ายเมืองหลวงของแคว้นมคธ ไปยังเมืองปาฏลีบุตรหรือเมืองปัตนะ อันเป็นเมืองหลวงของรัฐพิหารในปัจจุบัน
 
 ความสำคัญ
 เวสาลีมีความสำคัญมาตั้งแต่สมัยก่อนพุทธกาล  โดยเป็นเมืองหลวงแห่งแคว้น ที่มีความเจริญรุ่งเรืองมากแคว้นหนึ่งในบรรดา 16 แคว้นของชมพูทวีป มีการปกครอง ด้วยระบบสามัคคีธรรมหรือคณาธิปไตย  ที่สามารถเรียกได้ว่าเป็นการปกครองแบบประชาธิปไตยระบบหนึ่ง  คือไม่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ทรงอำนาจสิทธิ์ขาด  มีแต่ผู้เป็นประมุขแห่งรัฐซึ่งบริหารงานโดยความเห็นชอบจากรัฐสภา  ซึ่งจะประกอบไปด้วยเหล่าสมาชิกจากเจ้าวงศ์ต่าง ๆ วึ่งรวมเป็นคณะผู้ครองแคว้น  ในคัมภีร์พระพุทธศาสนา กล่าวว่าเจ้าวงศ์ต่าง ๆ มีถึง 8 วงศ์  และในจำนวนนี้วงศ์เจ้าลิจฉวีแห่งเวสาลี และวงศ์เจ้าวิเทหะแห่งเมือง มิถิลา เป็นวงศ์ที่มีอิทธิพลที่สุดในสมัยพุทธกาล
 ในสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าเคยเสด็จมาที่เวสาลีหลายครั้ง  แต่ละครั้งจะทรงประทับที่ กูฏาคารศาลา ป่ามหาวันเป็นส่วนใหญ่  พระสูตรหลายพระสูตร เกิดขึ้นที่เมืองแห่งนี้ และที่ กูฏาคารศาลา นี่เอง ที่เป็นที่  ๆ พระพุทธองค์ทรงอนุญาตให้พระนางมหาปชาบดี โคตมีเถรี พระน้านางของพระพุทธองค์  พร้อมกับบริวาร สามารถอุปสมบทเป็นภิกษุณีได้เป็นครั้งแรกในโลก และในการเสด็จครั้งสุดท้ายของพระพุทธองค์  พระองค์ได้ทรงรับสวนมะม่วงของ นางอัมพปาลี นางคณิกาประจำเมือง เวสาลี ซึ่งนางได้อุทิศถวายเป็นอารามในพระพุทธศาสนา  พระพุทธองค์ได้ทรงจำพรรษาสุดท้ายที่ เวฬุวคาม  และได้ทรงปลงอายุสังขารที่ปาวาลเจดีย์ และเมื่อหลังพุทธปรินิพพานแล้วได้ 100 ปี ได้มีการทำสังคายาครั้งที่ 2 ณ วาลิการาม ซึ่งทั้งหมดล้วนอยู่ในเมืองเวสาลี  ในช่วงไม่นานหลังพุทธปรินิพพานของพระพุทธเจ้า  เมืองเวสาลีได้ตกไปอยู่ในอำนาจของแคว้นมคธ โดยการนำของพระเจ้าอชาตศัตรู  กษัตริย์แห่ง ราชคฤห์ คัมภีร์พระพุทธศาสนากล่าวว่า สาเหตุของการเสียเมืองแก่แคว้นมคธเพราะความแตกสามัคคีของเจ้าวัชชี  เพราะการยุยงของ วัสสการพราหมณ์
 พราหมณ์ที่ พระเจ้าอชาตศัตรู ส่งเป็นไส้สึกเพื่อบ่อนทำลายภายใน เมื่อ พระเจ้าอชาตศัตรู  ยกกองทัพมายึดเมืองจึงสามารถยึดได้โดยง่าย เพราะไม่มีเจ้าวัชชี องค์ใดต่อสู้  เพราะขัดแย้งกันเอง ทำให้แคว้นวัชชีล่มสลาย และเมือง เวสาลี หมดฐานะเมืองหลวงแห่งแคว้น และตกไปอยู่ในอำนาจของ แคว้นมคธ
 
 แต่จากเหตุการณ์ย้ายเมืองหลวงแห่งแคว้นมคธหลายครั้งในช่วง พ.ศ. 70 ที่เริ่มจากอำมาตย์ และราษฎรพร้อมใจกันถอดกษัตริย์นาคทัสสก์  แห่งราชวงศ์ของ พระเจ้าพิมพิสาร แห่งราชคฤห์ ออกจากพระราชบัลลังก์  และยกสุสูนาคอำมาตย์ซึ่งมีเชื้อสาย เจ้าลิจฉวี ใน กรุงเวสาลี แห่งแคว้นวัชชีเก่า  ให้เป็นกษัตริย์ตั้ง ราชวงศ์ใหม่แล้ว  พระเจ้าสุสูนาคจึงได้ทำการย้ายเมืองหลวงของแคว้นมคธไปยัง เมืองเวสาลีอั นเป็นเมืองเดิมของตน  ทำให้ เมืองเวสาลี มีความสำคัญ ในฐานะเมืองหลวงอีกครั้ง  แต่ทว่าก็เป็นเมืองหลวงได้ไม่นาน เพราะกษัตริย์พระองค์ต่อมาคือพระเจ้ากาลาโศกราช  ผู้เป็นพระราชโอรสของพระเจ้าสุสูนาค ได้ย้ายเมืองหลวงของแคว้นมคธอีก จาก เมืองเวสาลี  ไปยัง เมืองปาตลีบุตร ทำให้ เมืองเวสาลี ถูกลดความสำคัญลงและถูกทิ้งร้าง  ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญ ที่ทำให้เมืองแห่งนี้ถูกทิ้งร้างอย่างสิ้นเชิงในช่วงพันปีถัดมา
 
 
   
 
   เสาพระเจ้าอโศกและบรรยากาศ โบราณสถานเมืองเวสาลีในปัจจุบัน
 
 
 |