อริยสัจจากพระโอษฐ์ ภาค 1 หน้า 186 
                         
                        เวทนาคือทางไปแห่งจิตของสัตว์ 
                           
                          ภิกษุ ท. ! คำที่เรากล่าวว่า พึงรู้จักทางไป (แห่งจิต) ของสัตว์ ๓๖ อย่าง ดังนี้นั้น ข้อนั้น เรากล่าวอาศัยหลักเกณฑ์อะไรเล่า ?  
                           
                          ภิกษุ ท. ! ข้อนั้นเรากล่าวอาศัยหลักเกณฑ์คือ  
                          ความโสมนัส เนื่องด้วยเหย้าเรือน ๖ อย่าง ความโสมนัสเนื่องด้วยการหลีกออกจากเหย้าเรือน ๖ อย่าง  
                           
                          ความโทมนัส เนื่องด้วยเหย้าเรือน ๖ อย่าง 
                          ความโทมนัสเนื่องด้วยการหลีกออกจากเหย้าเรือน ๖ อย่าง 
                           
                          อุเบกขา เนื่องด้วยเหย้าเรือน ๖ อย่าง  
อุเบกขาเนื่องด้วยการหลีกออกจากเหย้าเรือน ๖ อย่าง.
                           
                         
                                                  (โสมนัส) 
                          ภิกษุ ท. ! ในเวทนาทั้งหลายเหล่านั้น ความโสมนัส เนื่องด้วยเหย้าเรือน ๖ อย่าง เป็นอย่างไรเล่า ?  
                           
                          ภิกษุ ท. ! เมื่อคนเรามองเห็นการได้ซึ่งรูปอันน่าปรารถนาน่ารักใคร่ น่าพอใจ น่ารื่นรมย์ใจ อันเนื่องในความเป็นเหยื่อโลกในทางตา ว่าเป็นสิ่งที่ตนกำลังได้อยู่ ก็ตาม หรือว่าเมื่อระลึกถึงรูปเช่นนั้น อันตนเคยได้แล้วแต่กาลก่อนซึ่งล่วงแล้ว ดับสิ้น แปรปรวนไปแล้วก็ตาม แล้วเกิดความโสมนัสขึ้น ความโสมนัสใด มีลักษณะเช่นนี้ ความโสมนัสนี้ เรียกว่าความโสมนัสเนื่องด้วยเหย้าเรือน (เคหสิตโสมนัส)  
                           
                          (ในกรณีที่เกี่ยวกับเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะ และธรรมารมณ์อีก๕อย่างก็ตรัสทำนองเดียวกับ ข้อว่ารูปผิดกันแต่ชื่อเท่านั้น). 
                                                  ภิกษุ ท. ! เหล่านี้คือ ความโสมนัสเนื่องด้วยเหย้าเรือน ๖ อย่าง.                           
                          ................................................................  
                                                  ภิกษุ ท. ! ในเวทนาทั้งหลายเหล่านั้น ความโสมนัสเนื่องด้วยการหลีก ออกจาก เหย้าเรือน ๖ อย่าง เป็นอย่างไรเล่า ? 
                           
                          ภิกษุ ท. ! เมื่อคนเรารู้แจ้งถึงความเป็นของไม่เที่ยงของรูปทั้งหลาย ความแปรปรวน ความจางคลายความกำหนัดยินดี และความดับไม่เหลือของรูปทั้งหลาย เห็นอยู่ด้วย ปัญญาอันชอบ ตรงตามที่เป็นจริงอย่างนี้ ว่า “รูปทั้งหลาย ในกาลก่อน หรือในบัดนี้ ก็ตามรูปทั้งหมดเหล่านั้น เป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา” ดังนี้ แล้วเกิดความโสมนัสขึ้น. 
                           
                          ความโสมนัสใด มีลักษณะเช่นนี้ ความโสมนัสนี้ เรียกว่า ความโสมนัสเนื่องด้วย การหลีกออกจากเหย้าเรือน (เนกขัมม-สิตโสมนัส). (ในกรณีที่เกี่ยวกับ เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ และธรรมารมณ์ อีก ๕ อย่าง ก็ตรัสทำนองเดียวกับข้อว่า รูป ผิดกันแต่ชื่อเท่านั้น). 
                           
                          ภิกษุ ท. ! เหล่านี้คือ ความโสมนัสเนื่องด้วยการหลีกออกจากเหย้าเรือน ๖ อย่าง.                           
                         
                                                  (โทมนัส) 
ภิกษุ ท. ! ในเวทนาทั้งหลายเหล่านั้น ความโทมนัสเนื่องด้วยเหย้าเรือน ๖ อย่าง เป็นอย่างไรเล่า ?  
                           
                          ภิกษุ ท. ! เมื่อคนเรามองเห็นการไม่ได้ซึ่งรูป อันน่าปรารถนา น่ารักใคร่ น่าพอใจ น่ารื่นรมย์ใจ อันเนื่องในความเป็นเหยื่อโลก ในทางตา ว่า เป็นสิ่งที่ตนไม่ได้ก็ตาม หรือว่า เมื่อระลึกถึง รูปเช่นนั้น อันตนยังไม่เคยได้แต่กาลก่อน ซึ่งล่วงลับ ดับสิ้นแปรปรวนไปแล้วก็ตาม แล้วเกิดความโทมนัสขึ้น. 
                           
                          ความโทมนัสใดมีลักษณะเช่นนี้ ความโทมนัสนี้ เรียกว่า ความโทมนัสเนื่องด้วย เหย้าเรือน (เคหสิตโทมนัส). (ในกรณีที่เกี่ยวกับ เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ และธรรมารมณ์ อีก ๕ อย่าง ก็ตรัสทำนองเดียวกับข้อว่า รูป ผิดกันแต่ชื่อเท่านั้น). 
                             
                          ภิกษุ ท. ! เหล่านี้คือ ความโทมนัสเนื่องด้วยเหย้าเรือน ๖ อย่าง.                           
                          ................................................................                          
                                                  ภิกษุ ท. ! ในเวทนาทั้งหลายเหล่านั้น ความโทมนัสเนื่องด้วยการหลีกออกจาก เหย้าเรือน ๖ อย่าง เป็นอย่างไรเล่า ?  
                           
                          ภิกษุ ท. ! เมื่อคนเรารู้แจ้งถึงความเป็นของไม่เที่ยงของรูปทั้งหลาย ความแปรปรวน ความจาง-คลายความกำหนัดยินดี และความดับไม่เหลือของรูปทั้งหลาย เห็นอยู่ด้วย ปัญญาอันชอบตรงตามที่เป็นจริงอย่างนี้ ว่า “รูปทั้งหลาย ในกาลก่อนหรือในบัดนี้ ก็ตามรูปทั้งหมดเหล่านั้นเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา” ดังนี้แล้ว เขา ย่อมเข้าไปตั้งไว้ ซึ่งความกระหยิ่ม ในอนุตตรวิโมกข์ทั้งหลายว่า “เมื่อไรหนอ ! เราจักเข้าถึงซึ่งอายตนะนั้น แล้วแลอยู่ อันเป็นอายตนะที่พระอริยเจ้า ทั้งหลาย เข้าถึงซึ่งอายตนะนั้นแล้วแลอยู่ ในบัดนี้” ดังนี้. 
                           
                          เมื่อเขาเข้าไปตั้งไว้ ซึ่งความกระหยิ่ม ในอนุตตรวิโมกข์ทั้งหลาย อยู่ดังนี้ ย่อมเกิดความโทมนัสขึ้น เพราะความ กระหยิ่มนั้นเป็นปัจจัย. ความโทมนัสใด มีลักษณะเช่นนี้ ความโทมนัสนี้ เรียกว่าความโทมนัสเนื่องด้วยการ หลีกออกจากเหย้าเรือน (เนกขัมมสิตโทมนัส) (ในกรณีที่เกี่ยวกับ เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะและธรรมารมณ์ อีก ๕ อย่าง ก็ตรัสทำนองเดียวกับข้อว่า รูป ผิดกันแต่ชื่อเท่านั้น). 
                           
                          ภิกษุ ท. !เหล่านี้คือ ความโทมนัสเนื่องด้วยการหลีกออกจากเหย้าเรือน ๖ อย่าง.                           
                         
                                                  (อุเบกขา)  
                          ภิกษุ ท. ! ในเวทนาทั้งหลายเหล่านั้น อุเบกขาเนื่องด้วยเหย้าเรือน (เคหสิตอุเบกขา) ๖ อย่าง เป็นอย่างไรเล่า ? 
                           
                          ภิกษุ ท. ! เพราะเห็นรูปด้วยตาแล้วอุเบกขาก็เกิดขึ้นแก่คนพาล ผู้หลง ผู้เขลา ผู้บุถุชน ผู้ยังไม่ชนะกิเลส ผู้ยังไม่ชนะวิบาก ผู้ไม่เห็นโทษ ผู้ไม่ได้ยินได้ฟัง. อุเบกขาใด ซึ่งเป็นอุเบกขาของบุถุชน อุเบกขานั้น ไม่อาจจะเป็นไปล่วง ซึ่งวิสัยแห่งรูป เพราะเหตุนั้น เราเรียกอุเบกขานั้น ว่า อุเบกขาเนื่องด้วย เหย้าเรือน. (ในกรณีที่เกี่ยวกับ เสียงกลิ่น รส โผฏฐัพพะ และธรรมารมณ์ อีก ๕ อย่าง ก็ตรัสทำนองเดียว กับข้อว่า รูป ผิดกันแต่ชื่อเรียกเท่านั้น). 
                           
                          ภิกษุ ท. ! เหล่านี้คือ อุเบกขาเนื่องด้วยเหย้าเรือน ๖ อย่าง.                       
                          ................................................................  
                                                  ภิกษุ ท. ! ในเวทนาทั้งหลายเหล่านั้น อุเบกขาเนื่องด้วยการหลีกออกจาก เหย้าเรือน ๖ อย่าง เป็นอย่างไรเล่า ?  
                           
                          ภิกษุ ท. ! เมื่อคนเรารู้แจ้งถึงความเป็นของไม่เที่ยงของรูปทั้งหลาย ความแปรปรวน ความจางคลายความกำหนัดยินดี และความดับไม่เหลือของรูปทั้งหลาย เห็นอยู่ด้วยปัญญาอันชอบตรงตามที่เป็นจริงอย่างนี้ว่า “รูปทั้งหลาย ในกาลก่อน หรือในบัดนี้ ก็ตามรูปทั้งหมดเหล่านั้น เป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา”ดังนี้ แล้วเกิดอุเบกขาขึ้น. 
                           
                          อุเบกขาใด มีลักษณะเช่นนี้ อุเบกขานั้น ไม่อาจจะเป็นไปล่วง ซึ่งวิสัยแห่งรูป เพราะเหตุนั้น เราเรียกอุเบกขานั้น ว่าอุเบกขาเนื่องด้วยการหลีกออกจากเหย้าเรือน (เนกขัมมสิตอุเบกขา). (ในกรณีที่เกี่ยวกับ เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ และธรรมารมณ์ อีก ๕ อย่าง ก็ตรัสทำนองเดียวกับข้อว่า รูป ผิดกันแต่ชื่อเรียกเท่านั้น).  
                           
                          ภิกษุ ท. ! เหล่านี้คือ อุเบกขาเนื่องด้วยการหลีกออกจากเหย้าเรือน ๖ อย่างแล. 
                           
                          ภิกษุ ท. ! คำใดที่เรากล่าวว่า “พึงรู้จักทางไป (แห่งจิต) ของสัตว์๓๖ อย่าง” ดังนี้นั้น คำนั้น เรากล่าวอาศัยความข้อนี้แล. 
                         
                        
                          
                            |   | 
                            เวทนา คือทางไปแห่งจิตของสัตว์ ๓๖ อย่าง | 
                             
                          
                            |   | 
                              | 
                            มิจฉาทิฐิ (ปุถุชน) | 
                            สัมมาทิฐิ (อริยะ) | 
                           
                          
                            |   | 
                              | 
                            เวทนา เนื่องด้วย 
                              เหย้าเรือน 
                              (เคหสิต) | 
                            เวทนา เนื่องด้วยการ 
                              หลีกออกจากเหย้าเรือน 
                              (เนกขัมม-สิต) | 
                             
                          
                            |   | 
                            อายตนะ 6 | 
                            เคหสิตโสมนัส(สุข) | 
                            เคหสิต 
                              โทมนัส(ทุกข์) | 
                            เคหสิตอุเบกขา | 
                            เนกขัมมสิต 
                              โสมนัส                             | 
                            เนกขัมมสิต 
                              โทมนัส                             | 
                            เนกขัมมสิต 
                              อุเบกขา | 
                           
                          
                            | 1 | 
                            รูป | 
                              | 
                              | 
                              | 
                              | 
                              | 
                              | 
                           
                          
                            | 2 | 
                            เสียง | 
                              | 
                              | 
                              | 
                              | 
                              | 
                              | 
                             
                          
                            | 3 | 
                            กลิ่น  | 
                              | 
                              | 
                              | 
                              | 
                              | 
                              | 
                             
                          
                            | 4 | 
                            รส | 
                              | 
                              | 
                              | 
                              | 
                              | 
                              | 
                             
                          
                            | 5 | 
                            สัมผัส | 
                              | 
                              | 
                              | 
                              | 
                              | 
                              | 
                             
                          
                            | 6 | 
                            ธรรมารมณ์ | 
                              | 
                              | 
                              | 
                              | 
                              | 
                              | 
                             
                          
                            |   | 
                            รวม | 
                            6 | 
                            6 | 
                            6 | 
                            6 | 
                            6 | 
                            6 | 
                           
                          
                            |   | 
                              | 
                            เวทนาด้วยเหย้าเรือน | 
                            18 | 
                            เวทนา-หลีกออกเหย้าเรือน | 
                            18 | 
                           
                          
                            |   | 
                              | 
                            ทางไปแห่งจิตของสัตว์ (เวทนา 36 อย่าง)    | 
                            36 | 
                           
                          
                            |   | 
                              | 
                            เคหสิต แปลว่า เหย้าเรือน.. เนกขัมม-สิต คือ ออกจากเหย้าเรือน | 
                              | 
                           
                     
                                                   
                           
                        |