เว็บไซต์ อนาคามี เผยแพร่คำพระศาสดา เผยแพร่คำสอนตถาคต เว็บไซต์เผยแพร่พระสุตรคำสอนของพระพุทธเจ้า คลิปคำสอน คลิปสาธยายธรรม
 
ค้นหาคำที่ต้องการ          

 
 ธรรมปริยายสูตร อุปบัติคด อุปบัติตรง อุปบัติคด คือกายกรรม-วจีกรรม-มโนกรรมคด 746
 
  พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๔

ธรรมปริยายสูตร เหตุแห่งความกระเสือกกระสน

อุปบัติคด
บุคคลผู้ฆ่าสัตว์ หยาบช้า ตั้งอยู่ในการฆ่า และการทุบตี ไม่มีความเอ็นดูในสัตว์
   กายกรรมของเขาคด
   วจีกรรมของเขาก็คด
   มโนกรรมของเขาคด
   คติของเขาก็คด
   อุบัติของเขาก็คด ...
.
เรากล่าว คติ ๒ อย่าง อย่างใดอย่างหนึ่งคือ นรกอันมี ทุกข์ โดยส่วนเดียว หรือกำเนิดสัตว์ ดิรัจฉาน ที่เห็นมนุษย์แล้วกระเสือกกระสน คือ งู แมลงป่อง ตะขาบ พังพอน แมว หนู นกเค้าแมว
บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้ลักทรัพย์.. ประพฤติผิดในกาม.. พูดเท็จ..ส่อเสียด.. พูดคำหยาบ ..เพ้อเจ้อ.. อยากได้ของผู้อื่น.. เป็นผู้มีความเห็นผิด คือมีความเห็นวิปริตว่า ให้ทานแล้วไม่มีผล ทำดีทำชั่วไม่มี โลกนี้ไม่มี โลกหน้าไม่มี.... เรากล่าวคติ ๒ อย่าง อย่างใดอย่างหนึ่ง คือ นรกอันมี ทุกข์ โดย ส่วนเดียวหรือ กำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน ที่เห็น มนุษย์แล้ว กระเสือกกระสน คือ งู ...

อุปบัติตรง
บุคคลละการฆ่าสัตว์ เว้นขาดจากการฆ่าสัตว์ มีความละอาย มีความเอ็นดู มีความกรุณา เป็นผู้มีอุบัติตรง เรากล่าวว่า.. ผู้มีสุขโดยส่วนเดียว หรือสกุลที่สูงๆ คือสกุลกษัตริย์มหาศาล สกุลพราหมณ์มหาศาล หรือ สกุลคฤหบดีมหาศาล อันมั่งคั่ง มีทรัพย์มาก โภคะมาก เงินทองมาก

 
 
 


พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๔ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๙๙-๓๐๓

ธรรมปริยายสูตร
เหตุแห่งความกระเสือกกระสน

(อุปบัติคด)

           [๑๙๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงธรรมปริยายอันเป็นเหตุแห่งความ กระเสือกกระสนแก่เธอทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงฟัง จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าว ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคแล้ว พระผู้มีพระภาคตรัสว่า

           ดูกรภิกษุทั้งหลายธรรมปริยาย อันเป็นเหตุแห่งความกระเสือกกระสน เป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลายสัตว์ทั้งหลายเป็นผู้มีกรรมเป็นของๆตน เป็นผู้รับผลของ กรรม เป็นผู้มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นพวกพ้อง มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย กระทำกรรม ใดไว้ เป็นกรรมดีหรือกรรมชั่วก็ตาม ย่อมเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น

           ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้ฆ่าสัตว์ หยาบช้า มีมือ ชุ่มด้วย โลหิตตั้งอยู่ในการฆ่าและการทุบตี ไม่มีความเอ็นดูในสัตว์ที่มีชีวิต ทั้งปวง บุคคลนั้นย่อมกระเสือกกระสนด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ กายกรรม ของเขาคด วจีกรรมของเขา ก็คด มโนกรรมของเขาคด คติของเขาก็คดอุบัติของเขา ก็คด ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรากล่าว คติ ๒ อย่าง อย่างใด อย่างหนึ่งคือ นรกอันมี ทุกข์ โดยส่วนเดียว หรือกำเนิดดิรัจฉาน อันมีปรกติกระเสือกกระสนของบุคคล ผู้มีคติคด ผู้มีอุบัติอันคด

           ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ กำเนิดดิรัจฉานมีปรกติกระเสือกกระสนนั้นเป็นไฉน คือ งูแมลงป่อง ตะขาบ พังพอน แมว หนู นกเค้าแมว หรือสัตว์ทั้งหลายผู้เข้าถึง กำเนิด สัตว์ดิรัจฉานเหล่าใด เหล่าหนึ่ง แม้อื่นๆ ที่เห็นมนุษย์แล้วย่อม กระเสือก กระสน ดูกรภิกษุทั้งหลาย การอุบัติของสัตว์ย่อมมีเพราะกรรม อันมีแล้วด้วยประการ ดังนี้แล คือ เขาย่อมอุปบัติด้วยกรรมที่เขาทำ ผัสสะอันเป็นวิบากย่อม ถูกต้องเขา ผู้อุบัติแล้ว

           ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราย่อมกล่าวว่าสัตว์ทั้งหลายเป็นผู้รับผลของกรรม ด้วย ประการฉะนี้

           อนึ่ง บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้ลักทรัพย์.. เป็นผู้ประพฤติผิดในกาม.. เป็นผู้พูดเท็จ.. เป็นผู้พูดส่อเสียด.. เป็นผู้พูดคำหยาบ ...เป็นผู้พูดเพ้อเจ้อ.. เป็นผู้อยากได้ของผู้อื่น.. เป็นผู้คิดปองร้าย.. เป็นผู้มีความเห็นผิด คือมีความเห็น วิปริตว่า ทานที่ให้แล้วไม่มีผลการ เซ่นสรวง ไม่มีผล การบูชาไม่มีผล ผลวิบากแห่งกรรมที่บุคคลทำดี ทำชั่วไม่มี โลกนี้ไม่มี โลกหน้าไม่มี มารดาไม่มี บิดาไม่มี สัตว์ผู้เป็นอุปปาติกะไม่มี สมณพราหมณ์ผู้ดำเนินไปโดยชอบ ผู้ปฏิบัติชอบ ผู้ทำโลกนี้ และโลกหน้าให้แจ้งชัด ด้วย ปัญญาอันยิ่งด้วยตนเอง แล้วสอนผู้อื่น ให้รู้ตามไม่มีในโลกดังนี้

           บุคคลนั้น ย่อมกระเสือก กระสนด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ กายกรรมของเขา คด วจีกรรม ของเขาก็คด มโนกรรมของเขา ก็คด คติของเขาก็คด การอุบัติของเขา ก็คด ดูกรภิกษุทั้งหลายเรากล่าวคติ ๒ อย่าง อย่างใดอย่างหนึ่ง คือ นรกอันมีทุกข์โดย ส่วนเดียวหรือกำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน อันมี ปรกติกระเสือกกระสน ของบุคคลผู้มีคติ อันคด ผู้มีการอุบัติอันคด ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็กำเนิดสัตว์ดิรัจฉานอันมีปรกติ กระเสือก กระสน นั้นเป็นไฉน คือ งู แมลงป่องตะขาบ พังพอน แมว หนู นกเค้าแมว หรือ สัตว์ทั้งหลาย ผู้เข้าถึงกำเนิดสัตว์ดิรัจฉานเหล่าใดเหล่าหนึ่ง แม้อื่นๆ ที่เห็นมนุษย์แล้ว ย่อมกระเสือก กระสน

           ดูกรภิกษุทั้งหลาย การอุปบัติของสัตว์ย่อมมีเพราะกรรม อันมีแล้วด้วยประการ ดังนี้แล คือ เขาย่อมอุบัติด้วยกรรมที่เขาทำผัสสะ อันเป็นวิบากย่อมถูกต้องเขา ผู้อุบัติแล้ว

           ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราย่อมกล่าวว่าสัตว์ทั้งหลายย่อมเป็นผู้รับผลของกรรม ด้วยประการฉะนี้

           ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัตว์ทั้งหลาย เป็นผู้มีกรรมเป็นของๆ ตน เป็นผู้รับผลของ กรรม เป็นผู้มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นพวกพ้อง มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย ทำกรรม อันใดไว้ เป็นกรรมดีหรือกรรมชั่วก็ตาม ย่อมเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น

(อุปบัติตรง)

           ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลบางคนในโลกนี้ ละการฆ่าสัตว์เว้นขาดจากการ ฆ่าสัตว์ วางทัณฑะ วางศาตรา มีความละอาย มีความเอ็นดูมีความกรุณา หวังประโยชน์ เกื้อกูล แก่สัตว์ทั้งปวงอยู่ บุคคลนั้นย่อมไม่กระเสือกกระสนด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ กายกรรมของเขาตรง วจีกรรมของเขาก็ตรงมโนกรรมของเขาก็ตรง คติของเขาก็ตรง การอุบัติของเขาก็ตรง

           ดูกรภิกษุทั้งหลายเราย่อมกล่าวคติ ๒ อย่างอย่างใดอย่างหนึ่ง ของบุคคล ผู้มีคติ อันตรง ผู้มีการอุบัติอันตรง คือสัตว์ทั้งหลายผู้มีสุขโดยส่วนเดียว หรือสกุล ที่สูงๆ คือสกุลกษัตริย์มหาศาล สกุลพราหมณ์มหาศาล หรือ สกุลคฤหบดีมหาศาล อันมั่งคั่ง มีทรัพย์มาก มีโภคะมาก มีเงินทองมาก มีเครื่องอุปกรณ์แห่งทรัพย์ เครื่องปลื้มใจมาก มีทรัพย์และข้าวเปลือกมาก

           ดูกรภิกษุทั้งหลาย การอุบัติของสัตว์ย่อมมีเพราะกรรม อันมีแล้วด้วยประการ ดังนี้แล คือ สัตว์นั้นย่อมอุบัติด้วยกรรมที่ตนทำไว้ ผัสสะอันเป็นวิบากทั้งหลาย ย่อม ถูกต้องเขา ผู้อุบัติแล้ว ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราย่อมกล่าวว่า สัตว์ทั้งหลาย เป็นผู้รับผล ของกรรม ด้วยประการฉะนี้

            อนึ่ง บุคคลบางคนในโลกนี้ ละการลักทรัพย์ เว้นขาดจากการลักทรัพย์ ...ละการ ประพฤติผิดในกาม เว้นขาดจากการประพฤติผิดในกาม.. ละการพูดเท็จ เว้นขาด จากการพูดเท็จ ... ละคำส่อเสียด เว้นขาดจากคำส่อเสียด... ละคำหยาบ เว้นขาด จาก คำหยาบ ... ละการพูดเพ้อเจ้อเว้นขาดจากการพูดเพ้อเจ้อ ... เป็นผู้ไม่ อยากได้ของ ผู้อื่น ... เป็นผู้มีจิตไม่คิดปองร้าย ... เป็นผู้มีความเห็นชอบ คือ มีความเห็น ไม่วิปริตว่า ทานที่ให้แล้วมีผล การเซ่นสรวงมีผล การบูชามีผล ผลวิบาก แห่งกรรม ที่บุคคลทำดี ทำชั่วมีอยู่ โลกนี้มี โลกหน้ามีมารดามี บิดามี สัตว์ทั้งหลาย ผู้เป็นอุปปาติกะมีอยู่

           สมณพราหมณ์ผู้ดำเนินไปโดยชอบ ผู้ปฏิบัติชอบ ผู้ทำโลกนี้และโลกหน้าให้ แจ้งชัด ด้วยปัญญา อันยิ่งด้วยตนเองแล้ว สอนผู้อื่นให้รู้ตาม มีอยู่ในโลกดังนี้ บุคคลนั้น ย่อมไม่กระเสือกกระสนด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ กายกรรมของเขาตรง  วจีกรรม ของเขาก็ตรง มโนกรรมของเขาก็ตรง คติของเขาก็ตรง การอุบัติของเขา ก็ตรง

           ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราย่อมกล่าวคติ ๒ อย่าง อย่างใดอย่างหนึ่ง ของบุคคล ผู้มีคติตรง ผู้มีการอุบัติตรง คือ สัตว์ทั้งหลายผู้มีสุขโดยส่วนเดียว หรือสกุลที่สูงๆ คือสกุลกษัตริย์ มหาศาล สกุลพราหมณ์มหาศาล หรือสกุลคฤหบดีมหาศาล อันมั่งคั่ง มีทรัพย์มาก มีโภคะมาก มีเงินทองมาก มีเครื่องอุปกรณ์แก่ทรัพย์เครื่องปลื้มใจมาก

           การอุบัติของ สัตว์ ย่อมมีเพราะกรรมอันมีแล้วด้วยประการดังนี้แล คือ เขาย่อม อุบัติ ด้วยกรรมที่ตน ทำไว้ ผัสสะอันเป็นวิบากทั้งหลายย่อมถูกต้อง เขาผู้อุบัติแล้ว ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราย่อมกล่าวว่าสัตว์ทั้งหลาย เป็นผู้รับผลของกรรมด้วยประการ ฉะนี้

           ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัตว์ทั้งหลายเป็นผู้มีกรรมเป็นของๆ ตนเป็นผู้รับผลของ กรรม เป็นผู้มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นพวกพ้อง มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัยทำกรรม อันใดไว้ เป็นกรรมดีหรือกรรมชั่วก็ตาม ย่อมเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น

           ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมปริยายอันเป็นเหตุแห่งกระเสือกกระสนเป็นดังนี้แล



 


 
 
พุทธวจน ออนไลน์
90 90 90 90  
 
พุทธประวัติ ขุมทรัพย์
อริยสัจ
ภาคต้น
อริยสัจ
ภาคปลาย
ปฏิจจ ปฐมธรรม ตถาคต อนาคามี อินทรีย์
สังวร
สัตว์
สัตตานัง
ทาน
สกทาคามี
ฆราวาส
ชั้นเลิศ
มรรควิธี
ที่ง่าย
 
   
อริยวินัย เดรัจฉานวิชา กรรม สมถะ
วิปัสสนา
โสดาบัน อานา
ปานสติ
จิต มโน
วิญญาณ
ก้าวย่าง
อย่างพุทธะ
ตามรอย
ธรรม
ภพ ภูมิ
พุทธวจน
สาธยาย
ธรรม
สังโยชน์