(เนื้อหาพอสังเขป)
ปุถุชนผู้มิได้สดับ... จะเบื่อหน่าย คลายกำหนัด หลุดพ้น ในร่างกาย ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะว่า ความเจริญก็ดี ความเสื่อมก็ดี การเกิดก็ดี การตายก็ดี ของ ย่อมปรากฏ (ยอมรับการเกิด แก่เจ็บ ตาย ของกาย)
แต่ตถาคตเรียกร่างกายอันเป็นที่ประชุมแห่งมหาภูตทั้ง ๔ นี้ว่า จิตบ้าง มโนบ้าง วิญญาณบ้าง ปุถุชนผู้มิได้สดับ ไม่อาจจะเบื่อหน่าย คลายกำหนัด หลุดพ้น ในจิต นี้ได้เลย (ปุถุชนมองไม่ออก ว่า ร่างกายนี้ มีทั้งกายและใจ จึงมองไม่เห็นความเสื่อมของจิตหรือวิญญาณ)
เพราะเหตุไร เพราะเหตุว่าจิตนี้ อันปุถุชนผู้มิได้สดับ รวบรัดถือไว้ด้วย ตัณหา ยึดถือด้วยทิฐิว่า นั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นเป็นตัวตนของเรา ดังนี้ ตลอดกาล จึงจะเบื่อหน่าย คลายกำหนัด หลุดพ้นในจิตนั้นไม่ได้เลย (ปุถุชนยังยึดว่า ร่างกายนี้เป็นเรา จึงไม่อาจคลายความรู้สึกในความ เป็นตัวตน)
อริยสาวกผู้ได้สดับ ย่อมใส่ใจด้วยดี โดยแยบคาย ถึง ปฏิจจสมุปบาท ในร่างกาย และจิต ที่ตถาคตกล่าวมานั้นว่า เพราะเหตุดังนี้ เมื่อสิ่งนี้มีสิ่งนี้จึงมี เพราะสิ่งนี้เกิดขึ้น สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น
เมื่อสิ่งนี้ไม่มี สิ่งนี้จึงไม่มี เพราะสิ่งนี้ดับ สิ่งนี้จึงดับ (อริยะสาวกผู้ได้สดับ ย่อมรู้ชัดตามปฏิจจ-ว่าสิ่งนี้มี สิ่งนี้ย่อมมี เกิดเพราะปัจจัย ดับเพราะปัจจัย)
เพราะอาศัยผัสสะอันเป็นปัจจัยแห่งสุขเวทนา จึงเกิดสุขเวทนา เพราะผัสสะอันเป็น ปัจจัย แห่ง สุขเวทนานั้นดับไป…. |