พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๘ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๓๕-๑๓๘
เวรหัญจานีสูตร
ว่าด้วยเวรหัญจานีพราหมณี
[๒๑๐] สมัยหนึ่ง ท่านพระอุทายี อยู่ ณ สวนมะม่วง ของโตเทยยพราหมณ์ ใกล้กามัณฑานคร ครั้งนั้นแล มาณพผู้เป็นศิษย์ของ นางพราหมณี ผู้เป็นเวรหัญจานิ โคตร ได้เข้าไปหาท่านพระอุทายี ถึงที่อยู่ ได้ปราศรัยกับท่านพระอุทายี ครั้นผ่านการ ปราศรัย พอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว จึงนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
ครั้นแล้ว ท่านพระอุทายี ยังมาณพนั้น ให้เห็นแจ้ง ให้สมาทาน ให้อาจหาญ ให้รื่นเริง ด้วยธรรมีกถา ครั้งนั้นแล มาณพผู้อัน ท่านพระอุทายี ให้เห็นแจ้ง ให้สมาทาน ให้อาจหาญ ให้รื่นเริงด้วยธรรมีกถาแล้ว ลุกขึ้นจากอาสนะ เข้าไปหานางพราหมณี เวรหัญจานิโคตรถึงที่อยู่
ครั้นแล้วได้กล่าวกะ นางพราหมณี เวรหัญจานิโคตรว่า ขอแม่เจ้าผู้เจริญ พึงทราบเถิด พระสมณะอุทายี แสดงธรรมไพเราะในเบื้องต้น ไพเราะในท่ามกลาง ไพเราะในที่สุด ประกาศพรหมจรรย์ พร้อมทั้งอรรถ พร้อมทั้งพยัญชนะ บริสุทธิ์ บริบูรณ์ สิ้นเชิง ดังนี้
นางพราหมณีเวรหัญจานิโคตร กล่าวว่าแน่ะมาณพ ถ้าอย่างนั้นเธอ จงนิมนต์ พระ สมณะอุทายี ตามคำของฉันด้วยภัต อันจะมีในวันพรุ่งนี้ด้วยเถิด มาณพนั้น รับคำ ของนางพราหมณีเวรหัญจานิโคตรแล้ว เข้าไปหาท่านอุทายีถึงที่อยู่
ครั้นแล้วได้กล่าวกะท่าน พระอุทายีว่า ได้ยินว่า ขอท่านอุทายีผู้เจริญจงรับภัต เพื่อภัตตกิจ อันจะมีในวันพรุ่งนี้ ของนางพราหมณี เวรหัญจานิโคตร ผู้เป็นอาจารย์ ของข้าพเจ้าเถิด ท่านพระอุทายีได้รับนิมนต์ ด้วยดุษณีภาพ
ครั้งนั้นแล โดยกาลล่วงไปแห่งราตรีนั้น ในเวลาเช้า ท่านพระอุทายีนุ่งแล้ว ถือบาตรและจีวรเข้าไปยังนิเวศ ของนางพราหมณี เวรหัญจานิโคตร แล้วนั่งบนอาสนะ ที่เขาปูลาดไว้แล้ว
ครั้งนั้นแล นางพราหมณี เวรหัญจานิโคตร ยังท่านพระอุทายีให้อิ่มหนำสำราญ ด้วยขาทนียโภชนียหาร อันประณีต ด้วยมือของตนเองแล้ว ทราบว่าท่านพระอุทายี ผู้ฉันแล้ว ลดมือจากบาตรแล้ว ได้สวมเขียงเท้า นั่งบนอาสนะอันสูง คลุมศีรษะแล้ว ได้กล่าวกะท่านพระอุทายีว่า ท่านสมณะ ขอท่านจงกล่าวธรรม ท่านพระอุทายีกล่าวว่า น้องหญิง เวลาจักมี ดังนี้แล้ว ลุกขึ้นจากอาสนะแล้วหลีกไป
[๒๑๑] แม้ครั้งที่สอง มาณพนั้น ได้เข้าไปหาท่านพระอุทายี ถึงที่อยู่ได้ปราศรัย กับท่านพระอุทายี ครั้นผ่านการปราศรัย พอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว จึงนั่งณ ที่ควร ส่วน ข้างหนึ่ง ครั้นแล้ว ท่านพระอุทายีได้ยังมาณพนั้น ให้เห็นแจ้ง ให้สมาทาน ให้อาจหาญ ให้รื่นเริงด้วยธรรมีกถาแล้ว
มาณพนั้น ผู้อันท่านพระอุทายีให้เห็นแจ้ง ให้สมาทาน ให้อาจหาญ ให้รื่นเริง ด้วย ธรรมีกถาแล้ว ได้ลุกขึ้นจากอาสนะ เข้าไปหานางพราหมณี เวรหัญจานิโคตร ถึงที่อยู่ ครั้นแล้วได้กล่าวกะนางพราหมณี เวรหัญจานิโคตรว่า ขอแม่เจ้าผู้เจริญ พึงทราบเถิด พระสมณะอุทายี แสดงธรรม ไพเราะในเบื้องต้น ไพเราะในท่ามกลาง ไพเราะในที่สุด ประกาศพรหมจรรย์ พร้อมทั้งอรรถ พร้อมทั้งพยัญชนะ บริสุทธิ์บริบูรณ์ สิ้นเชิง
นางพราหมณีเวรหัญจานิโคตร กล่าวว่า แน่ะมาณพ ก็เธอกล่าวคุณของ พระ สมณะ อุทายีอย่างนี้ๆ พระสมณะอุทายี ผู้อันฉันกล่าวแล้วว่า ท่านสมณะ ขอท่านจงกล่าว ธรรม ดังนี้ กล่าวว่า น้องหญิง เวลาจักมี ดังนี้แล้ว ก็ลุกขึ้นจากอาสนะหลีกไปเสีย มาณพ นั้น กล่าวว่า
ข้าแต่แม่เจ้าผู้เจริญ ที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะว่า แม่เจ้าสวมเขียงเท้า นั่งบน อาสนะสูง คลุมศีรษะแล้วได้กล่าวดังนี้ว่า พระสมณะ ขอท่านจงกล่าวธรรม ด้วยว่า ท่านผู้เจริญเหล่านั้นเป็นผู้หนักในธรรม เป็นผู้เคารพธรรมนางพราหมณี เวรหัญจานิโคตร กล่าวว่า
แน่ะมาณพ ถ้าเช่นนั้น เธอจงนิมนต์พระสมณะอุทายี ตามคำของเรา ด้วยภัตเพื่อ ภัตตกิจ อันจะมีในวันพรุ่งนี้ มาณพนั้นรับคำของนางพราหมณี เวรหัญจานิโคตรแล้ว ได้เข้าไปหาท่านพระอุทายีถึงที่อยู่ ครั้นแล้ว ได้กล่าวกะท่านพระอุทายีว่า ได้ยินว่า
ขอท่านพระอุทายีผู้เจริญ จงรับภัตเพื่อภัตตกิจ อันจะมีในวันพรุ่งนี้ของ นางพราหมณี เวรหัญจานิโคตร ผู้เป็นอาจารย์ของข้าพเจ้าดังนี้ ท่านพระอุทายี รับนิมนต์ ด้วยดุษณีภาพ ครั้งนั้นแล โดยล่วงไปแห่งราตรีนั้น ในเวลาเช้า ท่านพระอุทายีนุ่งแล้ว ถือบาตรและจีวร เข้าไปยังนิเวศน์ ของนางพราหมณี เวรหัญจานิโคตร นั่งบนอาสนะ อันเขาปูลาดไว้แล้ว
ครั้งนั้นแล นางพราหมณี เวรหัญจานิโคตร ยังท่านพระอุทายี ให้อิ่มหนำ สำราญ ด้วยขาทนียโภชนียาหาร อันประณีต ด้วยมือของตนเองแล้ว ทราบว่า ท่านพระ อุทายี ฉันเสร็จแล้ว ลดมือจากบาตรแล้ว ได้ถอดเขียงเท้า นั่งบนอาสนะต่ำ เปิดศีรษะ แล้ว ได้กล่าวกะ ท่านพระอุทายีว่า ท่านเจ้าข้า เมื่ออะไรหนอแล มีอยู่ พระอรหันต์ ทั้งหลาย จึงบัญญัติสุขและทุกข์ เมื่ออะไรไม่มี พระอรหันต์ทั้งหลาย จึงไม่บัญญัติสุข และทุกข์
[๒๑๒] ท่านพระอุทายีตอบว่า ดูกรน้องหญิง เมื่อจักษุแลมีอยู่พระอรหันต์ ทั้งหลาย จึงบัญญัติสุขและทุกข์ เมื่อจักษุไม่มีพระอรหันต์ทั้งหลาย จึงไม่บัญญัติสุข และทุกข์ ฯลฯ เมื่อใจมีอยู่ พระอรหันต์ทั้งหลาย จึงบัญญัติสุขและทุกข์ เมื่อใจไม่มี พระอรหันต์ทั้งหลาย จึงไม่บัญญัติสุขและทุกข์
เมื่อท่านพระอุทายีก ล่าวอย่างนี้แล้ว นางพราหมณีเวรหัญจานิโคตร ได้กล่าว กะ ท่านพระอุทายีว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ภาษิตของท่านแจ่มแจ้งนัก ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ภาษิตของท่านแจ่มแจ้งนัก
ข้าแต่ท่านอุทายีผู้เจริญ ดิฉันนี้ขอถึงพระผู้มีพระภาค พระองค์นั้น กับทั้ง พระธรรม และพระภิกษุสงฆ์เป็นสรณะ ขอพระคุณเจ้าอุทายีจงจำดิฉัน ไว้ว่า เป็นอุบาสิกา ผู้ถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะ ตลอดชีวิต ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป |