เว็บไซต์ อนาคามี เผยแพร่คำพระศาสดา เผยแพร่คำสอนตถาคต เว็บไซต์เผยแพร่พระสุตรคำสอนของพระพุทธเจ้า คลิปคำสอน คลิปสาธยายธรรม
ค้นหาคำที่ต้องการ            

(อรรถกถา) ปัญหาของมานพ ๑๖ คน อชิตปัญหา ติสสเมตเตยย ปุณณกปัญหา เมตตคูปัญหา 2471
 

พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕
(พระสูตรนี้เป็นอรรถกถา)

ปัญหาของพราหมณ์มานพ ๑๖ คน (ชายหนุ่มในลัทธิพราหมณ์)

อชิตปัญหาที่ ๑ ว่าด้วยปัญหาของอชิตมาณพ

ติสสเมตเตยยปัญหาที่ ๒ ว่าด้วยปัญหาของติสสเมตเตยยมาณพ

ปุณณกปัญหาที่ ๓ ว่าด้วยปัญหาของปุณณกมาณพ

เมตตคูปัญหาที่ ๔ ว่าด้วยปัญหาของเมตตคูมาณพ

เรื่องสำคัญของพระพุทธเจ้า
การบำเพ็ญบารมีในอดีตชาติ
การประสูติ แสงสว่าง แผ่นดินไหว
แสวงหาสัจจะบำเพ็ญทุกรกิริยา
ปัญจวัคคีย์หลีก สิ่งที่ตรัสรู้
ตรัสรู้ แสดงเทศนาปัญจวัคคีย์
ปลงสังขาร ปรินิพพาน
ลำดับขั้นการปรินิพพาน
เทวดาแสดงฤทธิ์ขณะถวายเพลิง
แบ่งพระสรีระออกเป็น ๘ ส่วน
 
รวมพระสูตรบุคคลสำคัญ
พระโมคคัลลานะ
พระสารีบุตร
พระเทวทัต
นิครนถ์ปริพาชก
พระมหากัปปินะ
พระอนุรุทธะ
พระอุบาลี
(ดูทั้งหมด)
 
สารบาญพระไตรปิฎก
เล่มที่ ๘-๓๓ (๒๕ เล่ม) ทุกพระสูตร
1. ฉบับหลวง
2. ฉบับมหาจุฬาฯ
3. อรรถกถาไทย
4. ฉบับภาษาบาลี
5. อรรถกถา-บาลี
6. Pali Roman (Roman Script)
7. Atthakatha PaliRoman
 

 


 


พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๔๗๔-๔๗๕
(พระสูตรนี้เป็นอรรถกถา)

อชิตปัญหาที่ ๑
ว่าด้วยปัญหาของอชิตมาณพ

            [๔๒๕] อชิตมาณพ ทูลถามปัญหาว่า
โลกคือหมู่สัตว์อันอะไรหุ้มห่อไว้ โลกย่อมไม่แจ่มแจ้งเพราะ อะไร พระองค์ตรัสอะไรว่า เป็นเครื่องฉาบทาโลกไว้ อะไร เป็นภัยใหญ่ของโลกนั้น

            พระผู้มีพระภาคตรัสพยากรณ์ว่า ดูกรอชิตะ โลกอันอวิชชาหุ้มห่อไว้ โลกไม่ แจ่มแจ้ง เพราะความตระหนี่ (เพราะความประมาท) เรากล่าวตัณหา ว่าเป็นเครื่องฉาบ ทาโลกไว้ ทุกข์เป็นภัยใหญ่ของโลกนั้น

            อ. กระแสทั้งหลายย่อมไหลไปในอารมณ์ทั้งปวง อะไรเป็น เครื่องกั้นกระแส ทั้งหลาย ขอพระองค์จงตรัสบอกเครื่องกั้น กระแสทั้งหลาย กระแสทั้งหลายอันบัณฑิต ย่อมปิดได้ด้วย ธรรมอะไร

            พ. ดูกรอชิตะ สติเป็นเครื่องกั้นกระแสในโลก เรากล่าวสติว่า เป็นเครื่องกั้น กระแสทั้งหลาย กระแสเหล่านั้นอันบัณฑิต ย่อมปิดได้ด้วยปัญญา

            อ. ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ ปัญญา สติ และนามรูป ธรรม ทั้งหมดนี้ย่อมดับไป ณ ที่ไหน พระองค์อันข้าพระองค์ทูลถาม แล้ว ขอจงตรัสบอกปัญหาข้อนี้ แก่ข้าพระองค์ เถิด

            พ. ดูกรอชิตะ เราจะบอกปัญหาที่ท่านได้ถามแล้วแก่ท่าน นาม และรูปย่อมดับ ไป ไม่มีส่วนเหลือ ณ ที่ใด สติและปัญญานี้ ย่อมดับไป ณ ที่นั้นเพราะความดับ แห่ง วิญญาณ

            อ. ชนเหล่าใดผู้มีธรรมอันพิจารณาเห็นแล้ว และชนเหล่าใดผู้ยัง ต้องศึกษา อยู่เป็นอันมากมีอยู่ในโลกนี้ ข้าแต่พระองค์ผู้ นิรทุกข์ พระองค์ผู้มีปัญญารักษาตน อันข้าพระองค์ ทูลถามแล้ว ขอจงตรัสบอกความเป็นไปของชนเหล่านั้นแก่ข้า พระองค์เถิด

            พ. ภิกษุไม่กำหนัดยินดีในกามทั้งหลาย มีใจไม่ขุ่นมัว ฉลาดใน ธรรมทั้งปวง มีสติ พึงเว้นรอบ

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๔๗๖
(พระสูตรนี้เป็นอรรถกถา)

ติสสเมตเตยยปัญหาที่ ๒
ว่าด้วยปัญหาของติสสเมตเตยยมาณพ

            [๔๒๖] ติสสเมตเตยยมาณพทูลถามปัญหาว่า ใครชื่อว่าผู้ยินดีในโลกนี้ ความหวั่นไหวทั้งหลายย่อมไม่มีแก่ ใคร ใครรู้ส่วนทั้งสอง (คืออดีตกับอนาคต) แล้วไม่ติดอยู่ ในส่วนท่ามกลาง (ปัจจุบัน) ด้วยปัญญา พระองค์ตรัส สรรเสริญใครว่า เป็นมหาบุรุษ ใครล่วงตัณหาเครื่องร้อยรัดใน โลกนี้ได้

            พระผู้มีพระภาคตรัสพยากรณ์ว่า ดูกรเมตเตยยะ ภิกษุเห็นโทษในกาม ทั้งหลาย แล้วประพฤติพรหมจรรย์ มี ตัณหาปราศไปแล้ว มีสติทุกเมื่อ พิจารณาเห็น ธรรมแล้ว ดับกิเลสได้แล้ว ชื่อว่าผู้ยินดีในโลกนี้ ความหวั่นไหว ทั้งหลายย่อมไม่มีแก่ ภิกษุนั้น ภิกษุนั้นรู้ซึ่งส่วนทั้งสองแล้ว ไม่ติดอยู่ในส่วนท่ามกลางด้วยปัญญา เรากล่าว สรรเสริญ ภิกษุนั้นว่าเป็นมหาบุรุษ ภิกษุนั้นล่วงตัณหาเครื่องร้อยรัดใน โลกนี้เสียได้


-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก ๔๗๖-๔๗๘
(พระสูตรนี้เป็นอรรถกถา)

ปุณณกปัญหาที่ ๓
ว่าด้วยปัญหาของปุณณกมาณพ

            [๔๒๗] ปุณณกมาณพทูลถามปัญหาว่า
ข้าพระองค์มีความต้องการด้วยปัญหา จึงมาเฝ้าพระองค์ผู้ไม่มี ความหวั่นไหว ผู้ทรงเห็น รากเหง้ากุศลและอกุศล สัตว์ ทั้งหลายผู้เกิดเป็นมนุษย์ในโลกนี้ คือ ฤาษี กษัตริย์ พราหมณ์ เป็นอันมาก อาศัยอะไร จึงบูชายัญแก่เทวดา ทั้งหลาย ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ข้าพระองค์ขอทูลถามพระองค์ ขอพระองค์จงตรัสบอกความข้อนั้นแก่ข้าพระองค์เถิด

            พระผู้มีพระภาคทรงพยากรณ์ว่า ดูกรปุณณกะ สัตว์ทั้งหลายผู้เกิดเป็นมนุษย์ เหล่าใด เหล่าหนึ่งเป็นอันมากใน โลกนี้ คือ ฤาษี กษัตริย์ พราหมณ์ ปรารถนาความเป็น มนุษย์เป็นต้น อาศัยของมีชรา จึงบูชายัญแก่เทวดา ทั้งหลาย

            ป. สัตว์ทั้งหลายผู้เกิดเป็นมนุษย์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง เป็นอันมาก ในโลกนี้ คือ ฤาษี กษัตริย์ พราหมณ์ บูชายัญแก่เทวดา ทั้งหลาย ข้าแต่พระผู้มีพระภาคผู้นิรทุกข์ สัตว์ทั้งหลายผู้ เกิดเป็นมนุษย์เหล่านั้น เป็นคนไม่ประมาทในยัญ ข้ามพ้น ชาติ และ ชราได้บ้างแลหรือ ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ข้าพระองค์ ขอทูลถามพระองค์ ขอพระองค์ตรัสบอกความข้อนั้นแก่ ข้าพระองค์เถิด

            พ. ดูกรปุณณกะ สัตว์ทั้งหลายผู้เกิดเป็นมนุษย์เหล่านั้น ย่อม มุ่งหวัง ย่อม ชมเชย ย่อมปรารถนา ย่อมบูชา ย่อมรำพัน ถึงกาม ก็เพราะอาศัยลาภ เรากล่าวว่า สัตว์เหล่านั้นประกอบ การบูชา ยังเป็นคนกำหนัดยินดีในภพ ไม่ข้ามพ้นชาติและชรา ไปได้

            ป. ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ ถ้าหากว่าสัตว์เหล่านั้นผู้ประกอบการ บูชา ไม่ข้าม พ้น ชาติและชราไปได้ด้วยยัญญวิธีทั้งหลายไซร้ เมื่อเป็นเช่นนี้ ใครเล่าในเทวโลกและ มนุษยโลก ข้ามพ้น ชาติและชราไปได้ในบัดนี้ ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ข้าพระองค์ ขอทูลถามพระองค์ ขอพระองค์จงตรัสบอกความข้อนั้นแก่ ข้าพระองค์เถิด

            พ. ดูกรปุณณกะ ผู้ใดไม่มีความหวั่นไหว (ดิ้นรน) ในโลก ไหนๆ เพราะได้ พิจารณา เห็นธรรมที่ยิ่งและหย่อนในโลก ผู้นั้นสงบแล้ว ไม่มีความประพฤติชั่ว อันจะ ทำให้มัวหมอง ดุจควันไฟ ไม่มีกิเลสอันกระทบจิต หาความ (ปรารถนา) หวังมิได้ เรากล่าวว่า ผู้นั้นข้ามพ้นชาติและชราไปได้ แล้ว


-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก ๔๗๘-๔๘๐
(พระสูตรนี้เป็นอรรถกถา)

เมตตคูปัญหาที่ ๔
ว่าด้วยปัญหาของเมตตคูมาณพ

            [๔๒๘] เมตตคูมาณพทูลถามปัญหาว่า
ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ข้าพระองค์ขอทูลถามพระองค์ ขอ พระองค์จงตรัสบอก ข้อความ นั้น แก่ข้าพระองค์เถิด ข้าพระองค์ ย่อมสำคัญพระองค์ว่าทรงถึงเวท มีจิตอันอบรมแล้ว ความ ทุกข์เหล่าใดเหล่าหนึ่งในโลกเป็นอันมาก มีมาแล้วแต่ อะไร

            พระผู้มีพระภาคตรัสพยากรณ์ว่า ดูกรเมตตคู ท่านได้ถามเราถึงเหตุ เป็นแดน เกิดแห่งทุกข์ เราจะบอกเหตุ นั้นแก่ท่านตามที่รู้ ความทุกข์เหล่าใด เหล่าหนึ่ง ในโลกเป็น อันมาก ย่อมเกิดเพราะอุปธิเป็นเหตุ ผู้ใดไม่รู้แจ้งย่อมกระทำ อุปธิ ผู้นั้น เป็นคน เขลา ย่อมเข้าถึงทุกข์บ่อยๆ เพราะ ฉะนั้น เมื่อบุคคลมารู้ชัด เห็นชาติว่าเป็นเหตุ เกิด แห่งทุกข์ ไม่พึงกระทำอุปธิ

            ม. ข้าพระองค์ได้ทูลถามความข้อใด พระองค์ก็ทรงแสดงความ ข้อนั้น แก่ข้าพระองค์แล้ว ข้าพระองค์ขอทูลถามความข้ออื่นอีก ขอเชิญพระองค์จงตรัสบอก ความข้อนั้นเถิด นักปราชญ์ ทั้งหลายย่อมข้ามโอฆะ คือ ชาติ ชรา โสกะและปริเทวะ ได้อย่างไรหนอ ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นมุนี ขอพระองค์จง ตรัสพยากรณ์ธรรมอันเป็นเครื่อง ข้ามโอฆะให้สำเร็จประโยชน์ แก่ข้าพระองค์เถิด เพราะว่าธรรมนี้ พระองค์ทรงทราบชัด แล้วด้วยประการนั้น

            พ. ดูกรเมตตคู เราจักแสดงธรรมแก่ท่านในธรรมที่เราได้เห็น แล้ว เป็นธรรม ประจักษ์ แก่ตนที่บุคคลทราบชัดแล้ว พึง เป็นผู้มีสติ ดำเนินข้ามตัณหา อันซ่านไป ในอารมณ์ต่างๆ ในโลกเสียได้

            ม. ข้าแต่พระองค์ผู้แสวงหาคุณอันใหญ่ ก็ข้าพระองค์ยินดีอย่าง ยิ่ง ซึ่งธรรม อันสูงสุดที่บุคคลทราบชัดแล้ว เป็นผู้มีสติ พึงดำเนินข้ามตัณหาอันซ่านไป ในอารมณ์ ต่างๆ ในโลก เสียได้

            พ. ดูกรเมตตคู ท่านรู้ชัดซึ่งส่วนอย่างใดอย่างหนึ่งในส่วนเบื้อง บน (คืออนาคต) ในส่วนเบื้องต่ำ (คืออดีต) และแม้ใน ส่วนเบื้องขวางสถานกลาง (คือปัจจุบัน) จงบรรเทาความ เพลิดเพลินและความยึดมั่นในส่วนเหล่านั้นเสีย วิญญาณ (ของท่าน) จะไม่พึงตั้งอยู่ในภพ ภิกษุผู้มีธรรมเป็นเครื่องอยู่ อย่างนี้ มีสติ ไม่ประมาท ได้รู้แจ้งแล้ว เที่ยวไปอยู่ ละความ ถือมั่นว่าของเราได้แล้ว พึงละทุกข์ คือ ชาติ ชรา โสกะ และ ปริเทวะ ในอัตภาพนี้เสีย

            ม. ข้าพระองค์ยินดีอย่างยิ่งซึ่งพระวาจานี้ ของพระองค์ผู้แสวงหา คุณอันใหญ่ ข้าแต่พระผู้มีพระภาคผู้โคตมโคตร ธรรมอัน ไม่มีอุปธิพระองค์ทรงแสดงชอบแล้ว พระองค์ทรงละทุกข์ได้ แน่แล้ว เพราะว่าธรรมนี้พระองค์ทรงรู้แจ้งชัดแล้วด้วยประการ นั้น ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นมุนี พระองค์พึงทรงสั่งสอนชน เหล่าใดไม่หยุดยั้ง แม้ชน เหล่านั้น ก็พึงละทุกข์ได้เป็นแน่ ข้าแต่พระองค์ผู้ประเสริฐ เพราะเหตุนั้นข้าพระองค์ จึงได้มา ถวายบังคมพระองค์ ด้วยคิดว่า แม้ไฉน พระผู้มีพระภาค พึงทรงสั่งสอน ข้าพระองค์ไม่หยุดหย่อนเถิด

            พ. ท่านพึงรู้ผู้ใดว่าเป็นพราหมณ์ผู้ถึงเวท ไม่มีกิเลสเครื่องกังวล ไม่ติดข้อง อยู่ในกามภพ ผู้นั้นแลข้ามโอฆะนี้ได้แน่แล้ว ผู้ นั้นข้ามถึงฝั่งแล้ว เป็นผู้ไม่มีตะปู คือ กิเลส ไม่มีความ สงสัย นรชนนั้นรู้แจ้งแล้วแล เป็นผู้ถึงเวทในศาสนานี้ สละธรรม เป็นเครื่องข้องนี้ในภพน้อยและภพใหญ่ (ในภพและ มิใช่ภพ) เสียได้แล้ว เป็นผู้มีตัณหา ปราศไปแล้ว ไม่มี กิเลสอันกระทบจิต หาความหวังมิได้ เรากล่าวว่าผู้นั้นข้าม ชาติและ ชราได้แล้ว

 





หนังสือพุทธวจน ธรรมะของพระศาสดา
90 90 90 90
พุทธประวัติ ขุมทรัพย์ อริยสัจ
ภาคต้น
อริยสัจ
ภาคปลาย
ปฏิจจ ปฐมธรรม ตถาคต อนาคามี อินทรีย์
สังวร
สัตว์
สัตตานัง
ทาน
สกทาคามี
ฆราวาส
ชั้นเลิศ
มรรควิธี
ที่ง่าย
อริยวินัย เดรัจฉานวิชา กรรม สมถะ
วิปัสสนา
โสดาบัน นา
ปานสติ
จิต มโน
วิญญาณ
ก้าวย่าง
อย่างพุทธะ
ตามรอย
ธรรม
ภพ ภูมิ
พุทธวจน
สาธยาย
ธรรม
สังโยชน์