เว็บไซต์ อนาคามี เผยแพร่คำพระศาสดา เผยแพร่คำสอนตถาคต เว็บไซต์เผยแพร่พระสุตรคำสอนของพระพุทธเจ้า คลิปคำสอน คลิปสาธยายธรรม
ค้นหาคำที่ต้องการ            

อธรรมสูตรที่ ๒ สิ่งที่เป็นธรรม บุคคลควรทราบ..พระศาสดาแสดงธรรมโดยย่อแก่ภิกษุแล้วลุกจากอาสนะ 2367
 

พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๔

อธรรมสูตรที่ ๒ สิ่งที่เป็นธรรม บุคคลควรทราบ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย สิ่งที่ไม่เป็นธรรม และสิ่งที่เป็นธรรม บุคคลควรทราบ สิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ และ สิ่งที่เป็นประโยชน์ บุคคลควรทราบ ครั้นทราบสิ่งที่ไม่เป็นธรรม และสิ่งที่เป็นธรรม สิ่งที่เป็นประโยชน์ และสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์แล้ว พึงปฏิบัติตามสิ่งที่ เป็นธรรม ตามสิ่งที่เป็นประโยชน์ พระผู้มีพระภาคผู้สุคต ครั้นตรัสพระพุทธพจน์นี้แล้ว เสด็จลุกขึ้นจาก อาสนะ เข้าไปสู่พระวิหาร

ภิกษุยังไม่เข้าใจตามที่พระศาสดาทรงแสดงอุเทศโดยย่อ จึงพากันเข้าพบ พระมหากัจจายนะ ผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็นเลิศ ทางด้านการแจกแจงข้ออรรถข้อธรรม พระมหากัจจายนะได้อธิบาย จนภิกษุเข้าใจ โดยจำแนกตาม อกุศลกรรมบถ๑๐ และกุศลกรรมบถ๑๐ เช่น
-การฆ่าสัตว์ เป็นสิ่งที่ไม่เป็นธรรม เจตนางดเว้นการฆ่าสัตว์เป็นสิ่งที่เป็นธรรม
-การลักทรัพย์ เป็นสิ่งที่
ไม่เป็นธรรม เจตนาเครื่องงดเว้น จากการลักทรัพย์ เป็นสิ่งที่เป็นธรรม
-ความเห็นผิด เป็นสิ่งที่
ไม่เป็นธรรม ความเห็นชอบ เป็นสิ่งที่เป็นธรรม
- ...ฯลฯ

พระกัจจายนะแนะให้ภิกษุไปถามพระศาสดา (เพื่อความแน่ใจ)
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย มหากัจจายนะเป็นบัณฑิตเป็นผู้มีปัญญามาก แม้หาก เธอทั้งหลายพึงเข้ามาหาเราแล้ว ถามอรรถข้อนั้น แม้เราพึงพยากรณ์อรรถข้อนั้น อย่างที่ มหากัจจายนะ พยากรณ์แล้วนั้นแหละ นั่นเป็นอรรถแห่งอุเทศนั้น และเธอทั้งหลาย พึงทรงจำ อรรถนั้นไว้ อย่างนั้นเถิด
(พระมหากัจจายนะ เป็นอตทัคคะ ด้านผู้จำแนกอรรถ)

เรื่องสำคัญของพระพุทธเจ้า
การบำเพ็ญบารมีในอดีตชาติ
การประสูติ แสงสว่าง แผ่นดินไหว
แสวงหาสัจจะบำเพ็ญทุกรกิริยา
ปัญจวัคคีย์หลีก สิ่งที่ตรัสรู้
ตรัสรู้ แสดงเทศนาปัญจวัคคีย์
ปลงสังขาร ปรินิพพาน
ลำดับขั้นการปรินิพพาน
เทวดาแสดงฤทธิ์ขณะถวายเพลิง
แบ่งพระสรีระออกเป็น ๘ ส่วน
 
รวมพระสูตรบุคคลสำคัญ
พระโมคคัลลานะ
พระสารีบุตร
พระเทวทัต
นิครนถ์ปริพาชก
พระมหากัปปินะ
พระอนุรุทธะ
พระอุบาลี
(ดูทั้งหมด)
 
สารบาญพระไตรปิฎก
เล่มที่ ๘-๓๓ (๒๕ เล่ม) ทุกพระสูตร
1. ฉบับหลวง
2. ฉบับมหาจุฬาฯ
3. อรรถกถาไทย
4. ฉบับภาษาบาลี
5. อรรถกถา-บาลี
6. Pali Roman (Roman Script)
7. Atthakatha PaliRoman
 

 


 


พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๔ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๖๐-๒๖๙

อธรรมสูตรที่ ๒
สิ่งที่เป็นธรรม บุคคลควรทราบ

            [๑๖๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย สิ่งที่ไม่เป็นธรรม และสิ่งที่เป็นธรรม บุคคลควรทราบ สิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์และสิ่งที่เป็นประโยชน์ บุคคลควรทราบ ครั้นทราบสิ่งที่ไม่เป็นธรรม และสิ่งที่เป็นธรรม สิ่งที่เป็นประโยชน์และสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์แล้ว พึงปฏิบัติตามสิ่งที่ เป็นธรรม ตามสิ่งที่เป็นประโยชน์พระผู้มีพระภาคผู้สุคต ครั้นตรัสพระพุทธพจน์นี้แล้ว เสด็จลุกขึ้นจากอาสนะเข้าไปสู่พระวิหาร

            ลำดับนั้น เมื่อพระผู้มีพระภาคทรงหลีกไปแล้วไม่นาน ภิกษุเหล่านั้นได้พูดกัน ดังนี้ว่า ดูกรอาวุโสทั้งหลาย พระผู้มีพระภาคของเราทั้งหลาย ทรงแสดงอุทเทศนี้ โดยย่อว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย สิ่งที่ไม่เป็นธรรม และ สิ่งที่เป็นธรรมบุคคลควรทราบ สิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ และสิ่งที่เป็นประโยชน์บุคคลควรทราบ

            ครั้นทราบสิ่งที่ไม่เป็นธรรมและสิ่งที่เป็นธรรม สิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ และสิ่งที่ เป็นประโยชน์แล้ว พึงปฏิบัติตามสิ่งที่เป็นธรรม ตามสิ่งที่เป็นประโยชน์ดังนี้ ไม่ได้ทรง จำแนกอรรถโดยพิสดาร เสด็จลุกจากอาสนะเข้าไปสู่พระวิหารเสีย ใครหนอแล พึงจำแนกอรรถแห่งอุทเทศ ที่พระผู้มีพระภาค ทรงแสดงโดยย่อไม่ทรงจำแนก โดยพิสดารนี้ โดยพิสดารได้

            ลำดับนั้น ภิกษุเหล่านั้นมีความเห็นร่วมกันว่า ท่านพระมหากัจจายนะ นี้แล พระศาสดาทรงสรรเสริญ และเพื่อนสพรหมจารีทั้งหลายผู้เป็นวิญญูยกย่อง ท่านพระมหากัจจายนะ คงสามารถเพื่อจำแนกอรรถแห่งอุทเทศ ที่พระผู้มีพระภาค ทรงแสดงโดยย่อ ไม่ทรงจำแนกโดยพิสดารนี้ โดยพิสดารได้ ไฉนหนอ พวกเราพึงเข้าไปหาท่าน พระมหากัจจายนะถึงที่อยู่

            ครั้นแล้วพึงถามอรรถข้อนี้ กะท่านพระมหากัจจายนะเถิด ท่านพระมหา กัจจายนะ จักพยากรณ์แก่เราทั้งหลาย ด้วยประการใด เราทั้งหลายจักทรงจำ เนื้อความ นั้น ไว้ด้วยประการนั้นลำดับนั้น ภิกษุเหล่านั้นได้เข้าไปหาท่านพระมหากัจจายนะถึงที่อยู่ ได้ปราศรัยกับท่านพระมหากัจจายนะ

            ครั้นผ่านการปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว จึงนั่งณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้กล่าวกะท่านพระมหากัจจายนะว่า ดูกรท่านกัจจายนะผู้มีอายุ พระผู้มีพระภาค ของเราทั้งหลาย ทรงแสดงอุเทศนี้โดยย่อว่าดูกรภิกษุทั้งหลาย สิ่งที่ไม่เป็นธรรม และสิ่งที่เป็นธรรมบุคคลควรทราบ ... พึงปฏิบัติตามสิ่งที่เป็นธรรม ตามสิ่งที่เป็นประโยชน์ ดังนี้ ไม่ทรงจำแนกอรรถโดยพิสดาร เสด็จลุกจากอาสนะ เข้าไปสู่พระวิหาร

            ดูกรท่านผู้มีอายุ เมื่อพระผู้มีพระภาคของเราทั้งหลาย ทรงหลีกไปแล้วไม่นาน กระผมทั้งหลายได้พูดกันดังนี้ว่า ดูกรอาวุโสทั้งหลาย พระผู้มีพระภาคของเราทั้งหลาย ทรงแสดงอุทเทศนี้โดยย่อว่าดูกรภิกษุทั้งหลาย สิ่งที่ไม่เป็นธรรม และสิ่งที่เป็นธรรม บุคคลควรทราบ ... พึงปฏิบัติตามสิ่งที่เป็นธรรม ตามสิ่งที่เป็นประโยชน์ ดังนี้ ไม่ทรง จำแนกอรรถโดยพิสดาร เสด็จลุกจากอาสนะ เข้าไปสู่พระวิหาร ใครหนอแลพึงจำแนก อรรถ แห่งอุทเทศ ที่พระผู้มีพระภาค ทรงแสดงโดยย่อ ไม่ทรงจำแนกอรรถ โดยพิสดารนี้โดยพิสดารได้ ดังนี้

            ดูกรท่านผู้มีอายุ กระผมทั้งหลาย ได้มีความเห็นร่วมกันว่า ท่านพระมหา กัจจายนะ นี้แล พระศาสดาทรงสรรเสริญแล้ว และเพื่อนสพรหมจารีทั้งหลาย ผู้เป็นวิญญูยกย่องแล้ว ท่านพระมหากัจจายนะ คงสามารถเพื่อจำแนกอรรถแห่งอุทเทศ ที่พระผู้มีพระภาค ทรงแสดงโดยย่อ ไม่ทรงจำแนกอรรถโดยพิสดารนี้โดยพิสดารได้

            ไฉนหนอ เราทั้งหลายพึงเข้าไปหาท่าน พระมหากัจจายนะถึงที่อยู่ ครั้นแล้ว พึงถามอรรถข้อนี้กะท่านพระมหากัจจายนะเถิด ท่านพระมหากัจจายนะ จักพยากรณ์ แก่เราทั้งหลาย ด้วยประการใด เราทั้งหลายจักทรงจำอรรถนั้นไว้ ด้วยประการนั้น ขอท่านพระมหากัจจายนะโปรดจำแนกเถิด

            ท่านพระมหากัจจายนะกล่าวว่า ดูกรอาวุโสทั้งหลาย เปรียบเหมือนบุรุษ ต้องการแก่นไม้ แสวงหาแก่นไม้ เที่ยวเสาะหาแก่นไม้อยู่ เมื่อต้นไม้ใหญ่มีแก่นตั้งอยู่ ล่วงเลยรากไปเสีย ล่วงเลยลำต้นไปเสีย พึงสำคัญกิ่งและใบว่าเป็นแก่นไม้ ที่ตนพึงแสวงหา แม้ฉันใด ข้ออุปไมยนี้ก็ฉันนั้น เมื่อพระศาสดาประทับอยู่เฉพาะหน้า ท่านผู้มีอายุทั้งหลาย ท่านทั้งหลายผ่านพ้น พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้นเสียแล้ว ย่อมสำคัญอรรถอันนั้นว่า ควรถามข้าพเจ้า

            ดูกรอาวุโสทั้งหลาย พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น เป็นผู้มีจักษุ มีพระญาณ มีธรรม เป็นผู้ยิ่งใหญ่เป็นผู้ตรัสบอก ทรงให้เป็นไป ทรงแสดงประโยชน์ ประทาน อมตธรรม เป็นเจ้าของธรรม เป็นพระตถาคต ทรงรู้ธรรมที่ควรรู้ ทรงเห็นธรรมที่ควรเห็น ก็แลกาลนั้น เป็นการควรแก่พระผู้มีพระภาค ที่ท่านทั้งหลายเข้าไปเฝ้าแล้ว พึงทูลถาม อรรถอันนั้น พระผู้มีพระภาคของเราทั้งหลาย ทรงพยากรณ์ด้วยประการใดท่านทั้งหลาย พึงทรงอรรถนั้น ไว้ด้วยประการนั้นเถิด

            ภิกษุเหล่านั้นกล่าวว่า ดูกรท่านพระกัจจายนะผู้มีอายุ พระผู้มีพระภาค เป็นผู้มีจักษุ มีพระญาณ มีธรรม เป็นผู้ยิ่งใหญ่ เป็นผู้ตรัสบอก ทรงให้เป็นไปทรงแสดง ประโยชน์ ประทานอมตธรรม เป็นเจ้าของธรรม เป็นพระตถาคตทรงรู้ธรรมที่ควรรู้ ทรงเห็นธรรมที่ควรเห็นโดยแท้ ก็และกาลนั้นเป็นการควรแก่พระผู้มีพระภาค ที่กระผม ทั้งหลายเข้าไปเฝ้าแล้ว พึงทูลถามอรรถอันนั้น พระผู้มีพระภาคของเราทั้งหลาย ทรงพยากรณ์ด้วยประการใด กระผมทั้งหลายพึงทรงจำอรรถนั้นไว้ด้วยประการนั้น

            ก็แต่ว่าท่านพระมหากัจจายนะ พระศาสดาทรงสรรเสริญ และเพื่อน สพรหมจารี ทั้งหลาย ผู้เป็นวิญญูยกย่อง ท่านพระมหากัจจายนะ ย่อมสามารถเพื่อจำแนกอรรถ แห่งอุทเทศ ที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงโดยย่อ ไม่ได้ทรงจำแนกอรรถโดยพิสดารนี้ โดยพิสดารได้ ขอท่านพระมหากัจจายนะไม่ทำความหนักใจแล้ว จงจำแนกเถิด

            ท่านพระมหากัจจายนะกล่าวว่า ดูกรอาวุโสทั้งหลาย ถ้าเช่นนั้น ท่านทั้งหลาย จงฟัง จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าว ภิกษุเหล่านั้นรับคำท่านพระมหากัจจายนะแล้ว ท่านพระมหากัจจายนะได้กล่าวว่า ดูกรอาวุโสทั้งหลาย พระผู้มีพระภาคของเราทั้งหลาย ทรงแสดงอุทเทศโดยย่อว่า

            ดูกรภิกษุทั้งหลาย สิ่งที่ไม่เป็นธรรมและสิ่งที่เป็นธรรมบุคคลควรทราบ ... พึงปฏิบัติตามสิ่งที่เป็นธรรม ตามสิ่งที่เป็นประโยชน์ ดังนี้ ไม่ได้ทรงจำแนกอรรถ โดยพิสดาร เสด็จลุกจากอาสนะเข้าไปสู่พระวิหาร ดูกรอาวุโสทั้งหลาย ก็สิ่งที่ ไม่เป็นธรรม เป็นไฉน สิ่งที่เป็นธรรมเป็นไฉน สิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์เป็นไฉน สิ่งที่เป็น ประโยชน์เป็นไฉน

            ดูกรอาวุโสทั้งหลาย การฆ่าสัตว์เป็นสิ่งที่ไม่เป็นธรรม เจตนาเครื่อง งดเว้นจาก การฆ่าสัตว์เป็นสิ่งที่เป็นธรรม ส่วนอกุศลธรรมอันลามกมิใช่น้อย ที่เกิดขึ้น เพราะการ ฆ่าสัตว์ เป็นปัจจัย นี้เป็นสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ ส่วนกุศลธรรมมิใช่น้อย ย่อมถึง ความเจริญเต็มที่ เพราะเจตนาเครื่องงดเว้น จากการฆ่าสัตว์เป็นปัจจัย นี้เป็นสิ่งที่เป็น ประโยชน์

            ดูกรอาวุโสทั้งหลาย การลักทรัพย์เป็นสิ่งที่ไม่เป็นธรรม เจตนาเครื่องงดเว้น จากการลักทรัพย์ เป็นสิ่งที่เป็นธรรม ส่วนอกุศลธรรมอันลามกมิใช่น้อย ที่เกิดขึ้นเพราะ การลักทรัพย์เป็นปัจจัย นี้เป็นสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ ส่วนกุศลธรรมมิใช่น้อย ย่อมถึง ความเจริญเต็มที่ เพราะเจตนาเครื่องงดเว้นจากการลักทรัพย์เป็นปัจจัย นี้เป็นสิ่งที่เป็น ประโยชน์

            ดูกรอาวุโสทั้งหลาย การประพฤติผิดในกามเป็นสิ่งที่ไม่เป็นธรรม เจตนาเครื่อง งดเว้นจากการประพฤติผิดในกาม เป็นสิ่งที่เป็นธรรม ส่วนอกุศลธรรมอันลามกมิใช่น้อย ที่เกิดขึ้นเพราะการประพฤติผิดในกาม เป็นปัจจัย นี้เป็นสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ ส่วน กุศลธรรมมิใช่น้อย ย่อมถึงความเจริญเต็มที่ เพราะเจตนาเครื่องงดเว้น จากการประพฤติ ผิดในกาม เป็นปัจจัย นี้เป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์

            ดูกรอาวุโสทั้งหลาย การพูดเท็จเป็นสิ่งที่ไม่เป็นธรรม เจตนาเครื่องงดเว้น จากการพูดเท็จเป็นสิ่งที่เป็นธรรม ส่วนอกุศลธรรมอันลามกมิใช่น้อย ที่เกิดขึ้นเพราะ การพูดเท็จเป็นปัจจัย นี้เป็นสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ ส่วนกุศลธรรมมิใช่น้อย ย่อมถึง ความเจริญเต็มที่ เพราะเจตนาเครื่องงดเว้นจากการพูดเท็จเป็นปัจจัย นี้เป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์

            ดูกรอาวุโสทั้งหลาย การพูดส่อเสียดเป็นสิ่งที่ไม่เป็นธรรม เจตนาเครื่องงดเว้น จากการพูดส่อเสียดเป็นสิ่งที่เป็นธรรม ส่วนอกุศลธรรมอันลามกมิใช่น้อย ที่เกิดขึ้น เพราะการพูดส่อเสียดเป็นปัจจัย นี้เป็นสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ ส่วนกุศลธรรมมิใช่น้อย ย่อมถึงความเจริญเต็มที่ เพราะเจตนาเครื่องงดเว้น จากการพูดส่อเสียดเป็นปัจจัย นี้เป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์

            ดูกรอาวุโสทั้งหลาย การพูดคำหยาบ เป็นสิ่งที่ไม่เป็นธรรม เจตนาเครื่อง งดเว้นจากการพูดคำหยาบ เป็นสิ่งที่เป็นธรรม ส่วนอกุศลธรรมอันลามกมิใช่น้อย ที่เกิดขึ้นเพราะการพูดคำหยาบเป็นปัจจัย นี้เป็นสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ ส่วนกุศลธรรม มิใช่น้อย ย่อมถึงความเจริญเต็มที่ เพราะเจตนาเครื่องงดเว้น จากการพูดคำหยาบ เป็นปัจจัย นี้เป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์

            ดูกรอาวุโสทั้งหลาย การพูดเพ้อเจ้อเป็นสิ่งที่ไม่เป็นธรรม เจตนาเครื่องงดเว้น จากการพูดเพ้อเจ้อ เป็นสิ่งที่เป็นธรรม ส่วนอกุศลธรรมอันลามกมิใช่น้อย ที่เกิดขึ้น เพราะการพูดเพ้อเจ้อเป็นปัจจัย นี้เป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ ส่วนกุศลธรรมมิใช่น้อย ย่อมถึงความเจริญเต็มที่ เพราะเจตนาเครื่องงดเว้น จากการพูดเพ้อเจ้อเป็นปัจจัย นี้เป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์

            ดูกรอาวุโสทั้งหลาย การอยากได้ของผู้อื่น เป็นสิ่งที่ไม่เป็นธรรม การไม่อยาก ได้ ของผู้อื่นเป็นสิ่งที่เป็นธรรม ส่วนอกุศลธรรมอันลามกมิใช่น้อย ที่เกิดขึ้นเพราะ การอยากได้ของผู้อื่นเป็นปัจจัย นี้เป็นสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ ส่วนกุศลธรรมมิใช่น้อย ย่อมถึงความเจริญเต็มที่ เพราะความไม่อยากได้ของผู้อื่นเป็นปัจจัย นี้เป็นสิ่งที่เป็น ประโยชน์

            ดูกรอาวุโสทั้งหลาย ความปองร้ายเป็นสิ่งที่ไม่เป็นธรรม ความไม่ปองร้าย เป็นสิ่งที่เป็นธรรม ส่วนอกุศลธรรมอันลามกมิใช่น้อย ที่เกิดขึ้นเพราะความปองร้าย เป็นปัจจัย นี้เป็นสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ ส่วนกุศลธรรม มิใช่น้อยย่อมถึงความเจริญเต็มที่ เพราะความไม่ปองร้ายเป็นปัจจัย นี้เป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์

            ดูกรอาวุโสทั้งหลาย ความเห็นผิดเป็นสิ่งที่ไม่เป็นธรรม ความเห็นชอบ เป็นสิ่งที่เป็นธรรม ส่วนอกุศลธรรมอันลามกมิใช่น้อย ที่เกิดขึ้นเพราะความเห็นผิด เป็นปัจจัย นี้เป็นสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ ส่วนกุศลธรรมมิใช่น้อย ย่อมถึงความเจริญเต็มที่ เพราะความเห็นชอบเป็นปัจจัย นี้เป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์

            ดูกรอาวุโสทั้งหลาย พระผู้มีพระภาคของเราทั้งหลาย ทรงแสดงอุเทศ โดยย่อ ว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย สิ่งที่ไม่เป็นธรรมและสิ่งที่เป็นธรรมบุคคลควรทราบ ...พึงปฏิบัติ ตามสิ่งที่เป็นธรรม ตามสิ่งที่เป็นประโยชน์ ดังนี้ ไม่ทรงจำแนกอรรถ โดยพิสดาร เสด็จ ลุกจากอาสนะเข้าไปสู่พระวิหาร

            ดูกรอาวุโสทั้งหลาย เราย่อมรู้อรรถแห่งอุเทศ อันพระผู้มีพระภาค ทรงแสดง โดยย่อ ไม่ทรงจำแนกโดยพิสดารนี้ได้โดยพิสดาร ด้วยประการอย่างนี้

            ก็แลท่านทั้งหลายจำนงอยู่ พึงเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคแล้ว พึงทูลถามอรรถ นั้นเถิด พระผู้มีพระภาค ของเราทั้งหลาย ทรงพยากรณ์ด้วยประการใด ท่านทั้งหลาย พึงทรงจำอรรถนั้นไว้ด้วยประการนั้นเถิด (พระกัจจายนะแนะให้ภิกษุไปถามพระศาสดา)

            ภิกษุเหล่านั้นรับคำท่านพระมหากัจจายนะ ชื่นชมอนุโมทนา ภาษิตของท่าน พระมหากัจจายนะแล้ว ลุกจากอาสนะ เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค ถึงที่ประทับ ถวายบังคม พระผู้มีพระภาค นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้ว ได้กราบทูล พระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระผู้มีพระภาคทรงแสดงอุเทศโดยย่อว่า

            ดูกรภิกษุทั้งหลาย สิ่งที่ไม่เป็นธรรมและสิ่งที่เป็นธรรมบุคคลควรทราบ ...พึง ปฏิบัติตามสิ่งที่เป็นธรรม ตามสิ่งที่เป็นประโยชน์ ดังนี้ ไม่ทรงจำแนกอรรถโดยพิสดาร แก่ข้าพระองค์ทั้งหลาย เสด็จลุกจากอาสนะเข้าไปสู่พระวิหาร ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เมื่อพระผู้มีพระภาคเสด็จหลีกไปแล้วไม่นาน ข้าพระองค์ทั้งหลายได้พูดกันว่า

            ดูกรอาวุโสทั้งหลาย พระผู้มีพระภาค ทรงแสดงอุเทศนี้โดยย่อว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย สิ่งที่ไม่เป็นธรรม และสิ่งที่เป็นธรรมบุคคลควรทราบ ...พึงปฏิบัติตาม สิ่ง ที่เป็นธรรม ตามสิ่งที่เป็นประโยชน์ ดังนี้ ไม่ทรงจำแนกอรรถโดยพิสดาร แก่เราทั้งหลาย เสด็จลุกจากอาสนะเข้าไปสู่พระวิหาร ใครหนอแลพึงจำแนกอรรถ แห่งอุเทศอันพระผู้มีพระภาคทรงแสดงแล้วโดยย่อ ไม่ทรงจำแนกอรรถโดยพิสดารนี้ โดยพิสดารได้ ดังนี้

            ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์เหล่านั้น แลได้มีความเห็นร่วมกันว่า ท่านพระมหากัจจายนะนี้แล พระศาสดาทรงสรรเสริญ และเพื่อนสพรหมจารีทั้งหลาย ผู้เป็นวิญญูยกย่อง ท่านพระมหากัจจายนะคงสามารถเพื่อจำแนกอรรถแห่งอุเทศ ที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงโดยย่อ ไม่ทรงจำแนกอรรถโดยพิสดารนี้ โดยพิสดารได้ ไฉนหนอ เราทั้งหลายพึงเข้าไปหาท่านพระมหากัจจายนะถึงที่อยู่

            ครั้นแล้วพึงถามอรรถข้อนั้น กะท่านพระมหากัจจายนะเถิด ท่านพระมหา กัจจายนะ จักพยากรณ์แก่เราทั้งหลายด้วยประการใด เราทั้งหลาย จักทรงจำอรรถนั้นไว้ ด้วยประการนั้น ดังนี้ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญลำดับนั้นแล ข้าพระองค์ทั้งหลาย ได้เข้าไป หา ท่านพระมหากัจจายนะถึงที่อยู่ ครั้นแล้ว ได้ถามอรรถข้อนั้นกะท่าน พระมหากัจจายนะ ท่านพระมหากัจจายนะได้จำแนกอรรถด้วยดีแก่ข้าพระองค์ทั้งหลาย ด้วยอาการเหล่านี้ ด้วยบทเหล่านี้ ด้วยพยัญชนะเหล่านี้พระเจ้าข้า

            พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ดีแล้ว ดีแล้ว ดูกรภิกษุทั้งหลาย มหากัจจายนะเป็นบัณฑิต มหากัจจายนะ เป็นผู้มีปัญญามาก

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม้หากเธอทั้งหลายพึงเข้ามาหาเราแล้ว ถามอรรถข้อนั้น แม้เราพึงพยากรณ์อรรถข้อนั้น อย่างที่มหากัจจายนะพยากรณ์แล้วนั้นแหละ นั่นเป็นอรรถแห่งอุเทศนั้น และเธอทั้งหลาย พึงทรงจำอรรถนั้นไว้อย่างนั้นเถิด

 





หนังสือพุทธวจน ธรรมะของพระศาสดา
90 90 90 90
พุทธประวัติ ขุมทรัพย์ อริยสัจ
ภาคต้น
อริยสัจ
ภาคปลาย
ปฏิจจ ปฐมธรรม ตถาคต อนาคามี อินทรีย์
สังวร
สัตว์
สัตตานัง
ทาน
สกทาคามี
ฆราวาส
ชั้นเลิศ
มรรควิธี
ที่ง่าย
อริยวินัย เดรัจฉานวิชา กรรม สมถะ
วิปัสสนา
โสดาบัน นา
ปานสติ
จิต มโน
วิญญาณ
ก้าวย่าง
อย่างพุทธะ
ตามรอย
ธรรม
ภพ ภูมิ
พุทธวจน
สาธยาย
ธรรม
สังโยชน์