พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๔ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๗๐-๒๗๑
ติวิธสูตร
ว่าด้วยต้นเหตุแห่งกรรม
[๑๖๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย
เรากล่าวแม้ซึ่งการฆ่าสัตว์ ว่ามี ๓ อย่าง คือ
มีโลภะเป็นเหตุบ้าง
มีโทสะเป็นเหตุบ้าง
มีโมหะเป็นเหตุบ้าง
เรากล่าวแม้ซึ่งการลักทรัพย์ ว่ามี ๓ อย่าง คือ
มีโลภะเป็นเหตุบ้าง
มีโทสะเป็นเหตุบ้าง
มีโมหะเป็นเหตุบ้าง
เรากล่าวแม้ซึ่งการประพฤติผิดในกาม ว่ามี ๓ อย่าง คือ
มีโลภะเป็นเหตุบ้าง
มีโทสะเป็นเหตุบ้าง
มีโมหะเป็นเหตุบ้าง
เรากล่าวแม้ซึ่งการพูดเท็จ ว่ามี ๓ อย่าง คือ
มีโลภะเป็นเหตุบ้าง
มีโทสะเป็นเหตุบ้าง
มีโมหะเป็นเหตุบ้าง
เรากล่าวแม้ซึ่งการพูดส่อเสียด ว่ามี ๓ อย่าง คือ
มีโลภะเป็นเหตุบ้าง
มีโทสะเป็นเหตุบ้าง
มีโมหะเป็นเหตุบ้าง
เรากล่าวแม้ซึ่งการพูดคำหยาบ ว่ามี ๓ อย่าง คือ
มีโลภะเป็นเหตุบ้าง
มีโทสะเป็นเหตุบ้าง
มีโมหะเป็นเหตุบ้าง
เรากล่าวแม้ซึ่งการพูดเพ้อเจ้อ ว่ามี ๓ อย่าง คือ
มีโลภะเป็นเหตุบ้าง
มีโทสะเป็นเหตุบ้าง
มีโมหะเป็นเหตุบ้าง
เรากล่าวแม้ซึ่งการอยากได้ของผู้อื่น (ความโลภ) ว่ามี ๓ อย่างคือ
มีโลภะเป็นเหตุบ้าง
มีโทสะเป็นเหตุบ้าง
มีโมหะเป็นเหตุบ้าง
เรากล่าวแม้ซึ่งความปองร้าย (พยาบาท) ว่ามี ๓ อย่าง คือ
มีโลภะเป็นเหตุบ้าง
มีโทสะเป็นเหตุบ้าง
มีโมหะเป็นเหตุบ้าง
เรากล่าวแม้ซึ่งความเห็นผิด (มิจฉาทิฎฐิ) ว่ามี ๓ อย่าง คือ
มีโลภะเป็นเป็นเหตุบ้าง
มีโทสะเป็นเหตุบ้าง
มีโมหะเป็นเหตุบ้าง
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
โลภะ เป็นแดนเกิดแห่งเหตุของกรรม
โทสะ เป็นแดนเกิดแห่งเหตุของกรรม
โมหะ เป็นแดนเกิดแห่งเหตุของกรรม
ความสิ้นไปแห่งเหตุของกรรม ย่อมมีได้เพราะความสิ้นไปแห่งโลภะ
ความสิ้นไปแห่งเหตุของกรรม ย่อมมีได้เพราะความสิ้นไปแห่งโทสะ
ความสิ้นไปแห่งเหตุของกรรม ย่อมมีได้เพราะความสิ้นไปแห่งโมหะ
ด้วยประการดังนี้แล
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๔ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๗๑
สปริกกมนสูตร
ว่าด้วยธรรมเป็นทางหลีกเลี่ยง
[๑๖๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมนี้ควรงดเว้น มิใช่ธรรมที่ไม่ควรงดเว้น ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมนี้ควรงดเว้น มิใช่ธรรมที่ไม่ควรงดเว้นอย่างไร
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
๑ การงดเว้นจากการฆ่าสัตว์ ของบุคคลผู้ฆ่าสัตว์ เป็นการงดเว้นอย่างหนึ่ง
๒ การงดเว้นจากการลักทรัพย์ ของบุคคลผู้ลักทรัพย์ เป็นการงดเว้นอย่างหนึ่ง
๓ การงดเว้นจากการประพฤติผิดในกาม ของบุคคลผู้ประพฤติผิดในกาม เป็นการงดเว้นอย่างหนึ่ง
๔ การงดเว้นจากการพูดเท็จ ของบุคคลผู้พูดเท็จ เป็นการงดเว้นอย่างหนึ่ง
๕ การงดเว้นจากการพูดส่อเสียด ของบุคคลผู้พูดส่อเสียด เป็นการงดเว้น อย่างหนึ่ง
๖ การงดเว้นจากการพูดคำหยาบ ของบุคคลผู้พูดคำหยาบ เป็นการงดเว้น อย่างหนึ่ง
๗ การงดเว้นจากการพูดเพ้อเจ้อ ของบุคคลผู้พูดเพ้อเจ้อ เป็นการงดเว้นอย่างหนึ่ง
๘ ความไม่อยากได้ของผู้อื่น ของบุคคลผู้มีความอยากได้ของผู้อื่น เป็นการงดเว้น อย่างหนึ่ง
๙ ความไม่ปองร้าย ของบุคคลผู้ปองร้าย เป็นการงดเว้นอย่างหนึ่ง
๑๐ ความเห็นชอบ ของบุคคลผู้มีความเห็นผิด เป็นการงดเว้นอย่างหนึ่ง
ดูกรภิกษุทั้งหลาย การงดเว้นย่อมมีด้วยประการอย่างนี้ ธรรมนี้ควรงดเว้น มิใช่ธรรมที่ไม่ควรงดเว้น
|