พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๙๘ - ๓๐๐
อิจฉาสูตร
ความอยากได้ลาภ
[๑๗๔] ณ ที่นั้นแล ท่านพระสารีบุตรเรียกภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรอาวุโสทั้งหลาย ภิกษุเหล่านั้นรับคำท่านพระสารีบุตรแล้ว ท่านพระสารีบุตรได้กล่าวว่า ดูกรอาวุโสทั้งหลาย บุคคล ๘ จำพวก นี้ มีปรากฏอยู่ในโลก ๘ จำพวกเป็นไฉน
(๑) ดูกรอาวุโสทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ชอบสงัด ไม่เจริญกรรมฐานให้ติดต่อ เนื่องกันไป ย่อมเกิดความปรารถนาเพื่อได้ลาภ เธอย่อมหมั่นเพียรพยายามเพื่อได้ลาภ เมื่อเธอหมั่นเพียรพยายามเพื่อให้ได้ลาภ ลาภไม่เกิดขึ้น เธอย่อมเศร้าโศก ลำบาก ร่ำไร ทุบอกคร่ำครวญ ถึงความหลงใหลเพราะไม่ได้ลาภนั้น ดูกรอาวุโสทั้งหลาย ภิกษุนี้ เรียกว่า ผู้มีความปรารถนาลาภหมั่นเพียรพยายามเพื่อได้ลาภอยู่ แต่ไม่ได้ลาภ เศร้าโศก ร่ำไร และเคลื่อนจากพระสัทธรรม
(๒) อนึ่ง ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ชอบสงัด ไม่เจริญกรรมฐานให้ติดต่อเนื่องกันไป ย่อมเกิดความปรารถนาเพื่อได้ลาภ เธอย่อมหมั่นเพียรพยายามเพื่อได้ลาภ เมื่อเธอ หมั่นเพียรพยายาม เพื่อได้ลาภ ลาภเกิดขึ้น เธอย่อมมัวเมาถึงความประมาท เพราะลาภ นั้น ดูกรอาวุโสทั้งหลาย ภิกษุนี้เรียกว่าผู้มีความปรารถนาลาภ หมั่นเพียร พยายาม เพื่อ ได้ลาภ ได้ลาภแล้ว มัวเมาประมาท และเคลื่อนจากพระสัทธรรม
(๓) อนึ่ง ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ชอบสงัด ไม่เจริญกรรมฐานให้ติดต่อเนื่องกันไป ย่อมเกิดความปรารถนาเพื่อได้ลาภ เธอไม่หมั่นเพียรพยายามเพื่อได้ลาภ เมื่อเธอ ไม่หมั่นเพียรพยายาม เพื่อได้ลาภ ลาภไม่เกิดขึ้น เธอย่อมเศร้าโศกลำบาก ร่ำไร ทุบอก คร่ำครวญ ถึงความหลงใหล ดูกรอาวุโสทั้งหลาย ภิกษุนี้เรียกว่าผู้มีความ ปรารถนาลาภ ไม่หมั่นเพียรพยายามเพื่อได้ลาภ ไม่ได้ลาภเศร้าโศก ร่ำไร และ เคลื่อนจากพระสัทธรรม
(๔) อนึ่ง ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ชอบสงัด ไม่เจริญกรรมฐานให้ติดต่อเนื่องกันไป ย่อมเกิดความปรารถนาเพื่อได้ลาภ เธอไม่หมั่นเพียรพยายามเพื่อได้ลาภ เมื่อเธอไม่ หมั่นเพียร พยายามเพื่อได้ลาภ ลาภเกิดขึ้น เธอย่อมมัวเมาถึงความประมาท เพราะ ลาภ นั้น ดูกรอาวุโสทั้งหลาย ภิกษุนี้เรียกว่าผู้มีความปรารถนาลาภ ไม่หมั่นเพียร พยายาม เพื่อจะได้ลาภ ได้ลาภแล้ว มัวเมาประมาท และเคลื่อนจากพระสัทธรรม
(๕) อนึ่ง ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ชอบสงัด ไม่เจริญกรรมฐานให้ติดต่อเนื่องกันไป ย่อมเกิดความปรารถนาเพื่อได้ลาภ เธอหมั่นเพียรพยายามเพื่อได้ลาภ เมื่อเธอ หมั่นเพียรพยายาม เพื่อได้ลาภ ลาภไม่เกิดขึ้น เธอไม่เศร้าโศก ไม่ลำบากไม่ร่ำไร ไม่ทุบอก คร่ำครวญ ไม่ถึงความหลงใหลเพราะไม่ได้ลาภนั้น ดูกรอาวุโสทั้งหลาย ภิกษุนี้เรียกว่า ผู้มีความปรารถนาลาภ หมั่นเพียรพยายามเพื่อได้ลาภไม่ได้ลาภแล้ว ไม่เศร้าโศก ไม่ร่ำไร และไม่เคลื่อนจากพระสัทธรรม
(๖) อนึ่ง ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ชอบสงัด ไม่เจริญกรรมฐานให้ติดต่อเนื่องกันไป ย่อมเกิดความปรารถนาเพื่อได้ลาภ เธอหมั่นเพียรพยายามเพื่อได้ลาภ เมื่อเธอ หมั่นเพียรพยายามเพื่อได้ลาภ ลาภเกิดขึ้น เธอไม่มัวเมา ไม่ถึงความประมาท เพราะได้ลาภ นั้น ดูกรอาวุโสทั้งหลาย ภิกษุนี้เรียกว่าผู้มีความ ปรารถนาลาภ หมั่นเพียรพยายาม เพื่อได้ลาภ ได้ลาภแล้ว ไม่มัวเมาประมาท และไม่เคลื่อนจากพระสัทธรรม
(๗) อนึ่ง ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ชอบสงัด ไม่เจริญกรรมฐานให้ติดต่อเนื่องกันไป ย่อมเกิดความปรารถนาเพื่อได้ลาภ เธอไม่หมั่นเพียรพยายามเพื่อได้ลาภ เมื่อเธอ ไม่หมั่นเพียรพยายาม เพื่อได้ลาภ ลาภไม่เกิดขึ้น เธอไม่เศร้าโศกไม่ลำบากไม่ร่ำไร ไม่ทุบอกคร่ำครวญ ไม่ถึงความหลงใหลเพราะไม่ได้ลาภนั้น ดูกรอาวุโสทั้งหลาย ภิกษุนี้เรียกว่าผู้มีความปรารถนาลาภ ไม่หมั่นเพียรพยายามเพื่อได้ลาภอยู่ ไม่ได้ ลาภแล้ว ไม่เศร้าโศก ไม่ร่ำไร และไม่เคลื่อนจากพระสัทธรรม
(๘) อนึ่ง ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ชอบสงัด ไม่เจริญกรรมฐานให้ติดต่อเนื่องกัน ย่อมเกิด ความปรารถนาเพื่อได้ลาภ เธอไม่หมั่นเพียรพยายามเพื่อได้ลาภ เมื่อเธอไม่ หมั่นเพียรพยายาม เพื่อได้ลาภ ลาภเกิดขึ้น เธอไม่มัวเมา ไม่ถึงความประมาท เพราะ ได้ลาภนั้น ดูกรอาวุโสทั้งหลาย ภิกษุนี้เรียกว่าผู้มีความปรารถนาลาภ ไม่หมั่นเพียร พยายาม เพื่อได้ลาภ ได้ลาภแล้ว ไม่มัวเมาประมาท และไม่เคลื่อนจาก พระสัทธรรม
ดูกรอาวุโสทั้งหลาย บุคคล ๘ จำพวกนี้แล มีปรากฏอยู่ในโลกนี้ |