พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๖๗-๒๖๙
อิจฉาสูตร
ความอยากได้ลาภ
[๑๕๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๘ จำพวกมีปรากฏอยู่ในโลก ๘ จำพวก เป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลาย (๑) ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ชอบสงัด ไม่เจริญกรรมฐานให้ติดต่อ เนื่องกันไป ย่อมเกิดความปรารถนาลาภ เธอย่อมหมั่นเพียรพยายามเพื่อจะได้ลาภ เมื่อเธอหมั่นเพียรพยายามเพื่อที่จะได้ลาภ ลาภไม่เกิดขึ้นเธอย่อมเศร้าโศก ลำบาก ร่ำไร ทุบอกคร่ำครวญ ถึงความหลงใหลเพราะไม่ได้ลาภนั้น ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุนี้เรียกว่าผู้ปรารถนาลาภ หมั่นเพียรพยายามเพื่อจะได้ลาภ แต่ไม่ได้ลาภ เศร้าโศก ร่ำไร และเคลื่อนจากสัทธรรม
อนึ่ง (๒) ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ชอบสงัด ไม่เจริญกรรมฐานให้ติดต่อเนื่องกันไป ย่อมเกิดความปรารถนาลาภ เธอย่อมหมั่นเพียรพยายามเพื่อจะได้ลาภเมื่อเธอหมั่น เพียรพยายามเพื่อจะได้ลาภ ลาภเกิดขึ้น เธอย่อมมัวเมาถึงความประมาทเพราะลาภนั้น ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุนี้เรียกว่าผู้มีความปรารถนาลาภ ย่อมหมั่นเพียรพยายาม เพื่อจะได้ลาภ ได้ลาภแล้ว มัวเมา ประมาท และเคลื่อนจากสัทธรรม
อนึ่ง (๓) ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ชอบสงัด ไม่เจริญกรรมฐานให้ติดต่อเนื่องกันไป ย่อมเกิดความปรารถนาลาภ เธอไม่หมั่นเพียรพยายามเพื่อจะได้ลาภ เมื่อเธอไม่หมั่น เพียรพยายาม เพื่อจะได้ลาภ ลาภไม่เกิดขึ้น เธอย่อมเศร้าโศก ลำบากร่ำไร ทุบอก คร่ำครวญ ถึงความหลงใหลเพราะไม่ได้ลาภนั้น ดูกรภิกษุทั้งหลายภิกษุนี้เรียกว่า ผู้มีความปรารถนาลาภ ไม่หมั่นเพียรพยายามเพื่อจะได้ลาภ ไม่ได้ลาภเศร้าโศก ร่ำไร และเคลื่อนจากสัทธรรม
อนึ่ง (๔) ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ชอบสงัด ไม่เจริญกรรมฐานให้ติดต่อเนื่องกันไป ย่อมเกิดความปรารถนาลาภ เธอไม่หมั่นเพียรพยายามเพื่อจะได้ลาภ เมื่อเธอไม่หมั่น เพียรพยายามเพื่อจะได้ลาภ ลาภเกิดขึ้น เธอย่อมมัวเมาถึงประมาทเพราะลาภนั้น ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุนี้เรียกว่าผู้มีความปรารถนาลาภ ไม่หมั่นเพียรพยายาม เพื่อจะได้ลาภ ได้ลาภแล้ว มัวเมา ประมาท และเคลื่อนจากสัทธรรม
อนึ่ง(๕) ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ชอบสงัด ไม่เจริญกรรมฐานให้ติดต่อเนื่องกันไป ย่อมเกิดความปรารถนาลาภ เธอหมั่นเพียรพยายามเพื่อจะได้ลาภ เมื่อเธอหมั่นเพียร พยายามเพื่อจะได้ลาภ ลาภไม่เกิดขึ้น เธอไม่เศร้าโศก ไม่ลำบากไม่ร่ำไร ไม่ทุบอก คร่ำครวญ ไม่ถึงความหลงใหลเพราะไม่ได้ลาภนั้น ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุนี้เรียกว่า ผู้มีความปรารถนาลาภ หมั่นเพียรพยายามเพื่อจะได้ลาภไม่ได้ลาภแล้ว ไม่เศร้าโศก ไม่ร่ำไร และไม่เคลื่อนจากสัทธรรม
อนึ่ง(๖) ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ชอบสงัด ไม่เจริญกรรมฐานให้ติดต่อเนื่องกันไป ย่อมเกิดความปรารถนาลาภ เธอหมั่นเพียรพยายามเพื่อจะได้ลาภ เมื่อเธอหมั่นเพียร พยายามเพื่อจะได้ลาภ ลาภเกิดขึ้น เธอไม่มัวเมา ไม่ถึงความประมาทเพราะได้ลาภนั้น ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุนี้เรียกว่าผู้มีความปรารถนาลาภ ย่อมหมั่นเพียรพยายาม เพื่อจะได้ลาภ ได้ลาภแล้ว ก็ไม่มัวเมาประมาท และไม่เคลื่อนจากสัทธรรม
อนึ่ง(๗) ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ชอบสงัด ไม่เจริญกรรมฐานให้ติดต่อเนื่องกันไป ย่อมเกิดความปรารถนาลาภ เธอไม่หมั่นเพียรพยายามเพื่อจะได้ลาภ เมื่อเธอไม่หมั่น เพียร พยายาม เพื่อจะได้ลาภ ลาภไม่เกิดขึ้น เธอไม่เศร้าโศก ไม่ร่ำไรไม่ทุบอก คร่ำครวญ ไม่ถึงความหลงใหลเพราะไม่ได้ลาภนั้น ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุนี้เรียกว่าผู้ม ีความปรารถนาลาภ ไม่หมั่นเพียรพยายามเพื่อจะได้ลาภ ไม่ได้ลาภแล้ว ไม่เศร้าโศก ไม่ร่ำไร และไม่เคลื่อนจากสัทธรรม
อนึ่ง (๘) ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ชอบสงัด ไม่เจริญกรรมฐานให้ติดต่อเนื่องกันไป ย่อมเกิดความปรารถนาลาภ เธอไม่หมั่นเพียรพยายามเพื่อจะได้ลาภ เมื่อเธอไม่หมั่น เพียร พยายามเพื่อจะได้ลาภ ลาภเกิดขึ้น เธอไม่มัวเมา ไม่ถึงความประมาท เพราะได้ ลาภ นั้น ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุนี้เรียกว่าผู้มีความปรารถนาลาภ ไม่หมั่นเพียรพยายาม เพื่อได้ลาภ ได้ลาภแล้ว ไม่มัวเมาประมาท และไม่เคลื่อนจากสัทธรรม
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๘ จำพวกนี้แล มีปรากฏอยู่ในโลก |