เว็บไซต์ อนาคามี เผยแพร่คำพระศาสดา เผยแพร่คำสอนตถาคต เว็บไซต์เผยแพร่พระสุตรคำสอนของพระพุทธเจ้า คลิปคำสอน คลิปสาธยายธรรม
ค้นหาคำที่ต้องการ            

อลํสูตร ว่าด้วยผู้สามารถทำประโยชน์ตนและผู้อื่น 2285
 

พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒

อลํสูตร ว่าด้วยผู้สามารถทำประโยชน์ตนและผู้อื่น

อลํสูตรที่ ๑ ธรรม ๖ ประการเป็นไฉน
เป็นผู้สามารถปฏิบัติทั้งเพื่อตนเอง และเพื่อผู้อื่น

อลํสูตรที่ ๒ ธรรม ๕ ประการเป็นไฉน
เป็นผู้สามารถปฏิบัติทั้งเพื่อตนเอง และเพื่อผู้อื่น
-------------------------------------------------------------------------------------------

อลํสูตรที่ ๓ ธรรม ๔ ประการเป็นไฉน
สามารถปฏิบัติทั้งเพื่อตนเอง แต่ไม่ปฏิบัติเพื่อผู้อื่น

อลํสูตรที่ ๔ ธรรม ๔ ประการเป็นไฉน
เป็นผู้สามารถปฏิบัติทั้งเพื่อผู้อื่น แต่ไม่ปฏิบัติเพื่อตนเอง
-------------------------------------------------------------------------------------------

อลํสูตรที่ ๕ ธรรม ๓ ประการเป็นไฉน
เป็นผู้สามารถปฏิบัติทั้งเพื่อตนเอง แต่ไม่ปฏิบัติเพื่อผู้อื่น

อลํสูตรที่ ๖ ธรรม ๓ ประการเป็นไฉน
เป็นผู้สามารถปฏิบัติทั้งเพื่อผู้อื่น แต่ไม่ปฏิบัติเพื่อตนเอง
-------------------------------------------------------------------------------------------

อลํสูตรที่ ๗ ธรรม ๒ ประการเป็นไฉน
เป็นผู้สามารถปฏิบัติเพื่อตนเอง แต่ไม่ปฏิบัติเพื่อผู้อื่น

อลํสูตรที่ ๘ ธรรม ๒ ประการเป็นไฉน
เป็นผู้สามารถปฏิบัติทั้งเพื่อผู้อื่น แต่ไม่ปฏิบัติเพื่อตนเอง

เรื่องสำคัญของพระพุทธเจ้า
การบำเพ็ญบารมีในอดีตชาติ
การประสูติ แสงสว่าง แผ่นดินไหว
แสวงหาสัจจะบำเพ็ญทุกรกิริยา
ปัญจวัคคีย์หลีก สิ่งที่ตรัสรู้
ตรัสรู้ แสดงเทศนาปัญจวัคคีย์
ปลงสังขาร ปรินิพพาน
ลำดับขั้นการปรินิพพาน
เทวดาแสดงฤทธิ์ขณะถวายเพลิง
แบ่งพระสรีระออกเป็น ๘ ส่วน
 
รวมพระสูตรบุคคลสำคัญ
พระโมคคัลลานะ
พระสารีบุตร
พระเทวทัต
นิครนถ์ปริพาชก
พระมหากัปปินะ
พระอนุรุทธะ
พระอุบาลี
(ดูทั้งหมด)
 
สารบาญพระไตรปิฎก
เล่มที่ ๘-๓๓ (๒๕ เล่ม) ทุกพระสูตร
1. ฉบับหลวง
2. ฉบับมหาจุฬาฯ
3. อรรถกถาไทย
4. ฉบับภาษาบาลี
5. อรรถกถา-บาลี
6. Pali Roman (Roman Script)
7. Atthakatha PaliRoman
 

 


 


พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๖๙-๒๗๓

อลํสูตรที่ ๑
ว่าด้วยผู้สามารถทำประโยชน์ตนและผู้อื่น

            [๑๕๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๖ ประการ เป็นผู้สามารถ ในอันปฏิบัติ เพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่ทั้งตน และผู้อื่น

ธรรม ๖ ประการเป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้
๑ เป็นผู้มีความเข้าใจได้เร็วในกุศลธรรมทั้งหลาย
๒ เป็นผู้ทรงจำธรรมที่ได้ฟังแล้ว
๓ พิจารณาเนื้อความแห่งธรรมที่ทรงจำแล้ว
๔ รู้อรรถรู้ธรรมแล้วปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม
๕ เป็นผู้มีวาจางาม กล่าวถ้อยคำไพเราะ ประกอบด้วยวาจาของชาวเมืองอันสละสลวย ไม่มีโทษ ให้รู้ประโยชน์
๖ เป็นผู้ชี้แจงสพรหมจารีให้เห็นแจ้ง ให้สมาทาน ให้อาจหาญร่าเริง

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๖ ประการนี้แลเป็นผู้สามารถ ในอันปฏิบัติเพื่อประโยชน์เกื้อกูล แก่ทั้งตนเองและผู้อื่น


พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๖๙-๒๗๓

อลํสูตรที่ ๒

            [๑๕๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุประกอบด้วยธรรม ๕ ประการ เป็นผู้สามารถ ในอันปฏิบัติ เพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่ทั้งตนและผู้อื่น

ธรรม ๕ ประการเป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้
๑ เป็นผู้ไม่มีความเข้าใจได้เร็วในอกุศลธรรมทั้งหลาย แต่เป็นผู้ทรงจำธรรมที่ได้ฟังแล้ว ๒ พิจารณาเนื้อความแห่งธรรมที่ทรงจำแล้ว
๓ รู้อรรถรู้ธรรมแล้ว ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม
๔ เป็นผู้มีวาจางาม กล่าวถ้อยคำไพเราะ ประกอบด้วยวาจาของชาวเมือง อันสละสลวย ไม่มีโทษ ให้รู้ประโยชน์
๕ เป็นผู้ชี้แจงสพรหมจารีให้เห็นแจ้ง ให้สมาทานให้อาจหาญร่าเริง

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุประกอบด้วยธรรม ๕ ประการนี้แลเป็นผู้สามารถ ในอันปฏิบัติเพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่ทั้งตนเอง และผู้อื่น


พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๖๙-๒๗๓

อลํสูตรที่ ๓

             [๑๕๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการ เป็นผู้สามารถ ในอันปฏิบัติ เพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่ตน แต่ไม่สามารถในอันปฏิบัติเพื่อ ประโยชน์ เกื้อกูลแก่ผู้อื่น

ธรรม ๔ ประการเป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้
๑ เป็นผู้มีความเข้าใจได้เร็วในอกุศลธรรมทั้งหลาย
๒ เป็นผู้ทรงจำธรรมที่ฟังแล้ว
๓ พิจารณาเนื้อความแห่งธรรมที่ได้ทรงจำแล้ว
๔ รู้อรรถรู้ธรรมแล้วปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม
หาเป็นผู้มีวาจางาม กล่าวถ้อยคำไพเราะ ประกอบด้วยวาจาของชาวเมืองอันสละสลวย ไม่มีโทษ ให้รู้ประโยชน์ไม่หาชี้แจง สพรหมจารีให้เห็นแจ้ง ให้สมาทาน ให้อาจหาญร่าเริงไม่

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการนี้แล เป็นผู้สามารถ ในอันปฏิบัติ เพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่ตน แต่ไม่เป็นผู้สามารถในอันปฏิบัติ เพื่อประโยชน์ เกื้อกูลแก่ผู้อื่น


พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๖๙-๒๗๓

อลํสูตรที่ ๔

             [๑๕๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการ เป็นผู้สามารถ ในอันปฏิบัติ เพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่ผู้อื่น แต่ไม่เป็นผู้สามารถในอันปฏิบัติ เพื่อประโยชน์ เกื้อกูลแก่ตน

ธรรม ๔ ประการเป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้
๑ เป็นผู้มีความเข้าใจได้เร็วในกุศลธรรม ทั้งหลาย

๒ เป็นผู้ทรงจำธรรมที่ได้ฟังแล้ว
แต่ไม่พิจารณาเนื้อความแห่งธรรมที่ได้ฟังแล้ว และ หารู้อรรถรู้ธรรมแล้ว ปฏิบัติธรรม สมควร แก่ธรรมไม่

๓ เป็นผู้มีวาจางาม กล่าวถ้อยคำไพเราะ ประกอบด้วยวาจาของ ชาวเมือง อันสละสลวย ไม่มีโทษ ให้รู้ประโยชน์

๔ เป็นผู้ชี้แจงสพรหมจารีให้เห็นแจ้ง ให้สมาทาน ให้อาจหาญร่าเริง


             ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการนี้แล เป็นผู้สามารถ ในอันปฏิบัติ เพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่ผู้อื่น แต่ไม่เป็นผู้สามารถในอันปฏิบัติ เพื่อประโยชน์ เกื้อกูลแก่ตน

พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๖๙-๒๗๓

อลํสูตรที่ ๕

             [๑๕๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๓ ประการ เป็นผู้สามารถ ในอันปฏิบัติ เพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่ตน แต่ไม่เป็นผู้สามารถในอันปฏิบัติ เพื่อประโยชน์ เกื้อกูลแก่ผู้อื่น

ธรรม ๓ ประการเป็นไฉน
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้
๑ ไม่เป็นผู้มีความเข้าใจได้เร็วในกุศลธรรมทั้งหลาย แต่เป็นผู้ทรงจำธรรมที่ได้ฟังแล้ว
๒ พิจารณาเนื้อความแห่งธรรมที่ทรงจำแล้ว
๓ รู้อรรถรู้ธรรม แล้วปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม
หาเป็นผู้มีวาจางาม กล่าวถ้อยคำ ไพเราะ ประกอบด้วยวาจา ของชาวเมืองอันสละสลวย ไม่มีโทษ ให้รู้ประโยชน์ไม่ และหาชี้แจงสพรหมจารีให้เห็นแจ้ง ให้สมาทาน ให้อาจหาญ ร่าเริงไม่

              ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๓ ประการนี้แล เป็นผู้สามารถ ในอันปฏิบัติ เพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่ตน แต่ไม่เป็นผู้สามารถในอันปฏิบัติเพื่อ ประโยชน์ เกื้อกูลแก่ผู้อื่น


พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๖๙-๒๗๓

อลํสูตรที่ ๖

             [๑๕๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุประกอบด้วยธรรม ๓ ประการ เป็นผู้สามารถ ในอันปฏิบัติ เพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่ผู้อื่น แต่ไม่เป็นผู้สามารถในอันปฏิบัติ เพื่อ ประโยชน์ เกื้อกูลแก่ตน

ธรรม ๓ ประการเป็นไฉน
ดูกรภิกษุทั้งหลายภิกษุในธรรมวินัยนี้

ไม่เป็นผู้มีความเข้าใจได้เร็วในกุศลธรรม ทั้งหลาย แต่เป็นผู้ทรงจำธรรมที่ได้ฟังแล้ว

ไม่พิจารณาเนื้อความแห่งธรรมที่ได้ทรงจำแล้ว หารู้อรรถรู้ธรรม แล้วปฏิบัติธรรม สมควรแก่ธรรมไม่ เป็นผู้มีวาจางาม กล่าวถ้อยคำไพเราะ ประกอบด้วยวาจาของ ชาวเมือง อันสละสลวย ไม่มีโทษ ให้รู้ประโยชน์

ชี้แจงสพรหมจารีให้เห็นแจ้ง ให้สมาทาน ให้อาจหาญร่าเริง

              ดูกรภิกษุทั้งหลายภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๓ ประการนี้แล เป็นผู้สามารถ ในอัน ปฏิบัติเพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่ผู้อื่น แต่ไม่เป็นผู้สามารถในอันปฏิบัติเพื่อ ประโยชน์เกื้อกูลแก่ตน


พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๖๙-๒๗๓

อลํสูตรที่ ๗

             [๑๕๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุประกอบด้วยธรรม ๒ ประการ เป็นผู้สามารถ ในอันปฏิบัติ เพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่ตน แต่ไม่เป็นผู้สามารถในอันปฏิบัติ เพื่อประโยชน์ เกื้อกูลแก่ผู้อื่น

ธรรม ๒ ประการเป็นไฉน
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้

๑ ไม่เป็นผู้มีความเข้าใจได้เร็ว ในกุศลธรรมทั้งหลาย ไม่เป็นผู้ทรงจำธรรมที่ได้ฟังแล้ว แต่พิจารณาเนื้อความแห่งธรรม ที่ได้ทรงจำแล้ว

๒ รู้อรรถรู้ธรรมแล้ว ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม
หาเป็นผู้มีวาจางาม กล่าวถ้อยคำ ไพเราะ ประกอบด้วยวาจาของชาวเมืองอันสละสลวย ไม่มีโทษ ให้รู้ประโยชน์ไม่ ไม่ชี้แจงสพรหมจารีให้เห็นแจ้ง ให้สมาทาน ให้อาจหาญ ร่าเริง

              ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๒ ประการนี้แล เป็นผู้สามารถ ในอันปฏิบัติ เพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่ตน แต่ไม่สามารถในอันปฏิบัติ เพื่อประโยชน์ เกื้อกูลแก่ผู้อื่น


พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๖๙-๒๗๓

อลํสูตรที่ ๘

             [๑๕๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๒ ประการ เป็นผู้ สามารถในอันปฏิบัติ เพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่ผู้อื่น แต่ไม่เป็นผู้สามารถในอันปฏิบัติ เพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่ตน

ธรรม ๒ ประการเป็นไฉน
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้

๑ ไม่เป็นผู้มีความเข้าใจได้เร็วในกุศลธรรมทั้งหลาย ไม่ทรงจำธรรมที่ได้ฟังแล้ว ไม่พิจารณาเนื้อความแห่งธรรมที่ได้ทรงจำแล้ว หารู้อรรถรู้ธรรมแล้ว ปฏิบัติธรรมสมควร แก่ธรรมไม่ แต่เป็นผู้มีวาจางาม กล่าวถ้อยคำไพเราะ ประกอบด้วยวาจาของชาวเมือง อันสละสลวย ไม่มีโทษ ให้รู้ประโยชน์

๒ ชี้แจงสพรหมจารีให้เห็นแจ้ง ให้สมาทาน ให้อาจหาญร่าเริง


             ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุประกอบด้วยธรรม ๒ ประการนี้แล เป็นผู้สามารถ ในอันปฏิบัติ เพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่ผู้อื่น แต่ไม่เป็นผู้สามารถในอันปฏิบัติ เพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่ตน

 





หนังสือพุทธวจน ธรรมะของพระศาสดา
90 90 90 90
พุทธประวัติ ขุมทรัพย์ อริยสัจ
ภาคต้น
อริยสัจ
ภาคปลาย
ปฏิจจ ปฐมธรรม ตถาคต อนาคามี อินทรีย์
สังวร
สัตว์
สัตตานัง
ทาน
สกทาคามี
ฆราวาส
ชั้นเลิศ
มรรควิธี
ที่ง่าย
อริยวินัย เดรัจฉานวิชา กรรม สมถะ
วิปัสสนา
โสดาบัน นา
ปานสติ
จิต มโน
วิญญาณ
ก้าวย่าง
อย่างพุทธะ
ตามรอย
ธรรม
ภพ ภูมิ
พุทธวจน
สาธยาย
ธรรม
สังโยชน์