เว็บไซต์ อนาคามี เผยแพร่คำพระศาสดา เผยแพร่คำสอนตถาคต เว็บไซต์เผยแพร่พระสุตรคำสอนของพระพุทธเจ้า คลิปคำสอน คลิปสาธยายธรรม
ค้นหาคำที่ต้องการ            

สีวถิกาสูตร โทษในป่าช้าเหมือนบุคคลผู้ไม่สะอาด ปุคคลปสาทสูตร โทษในความเลื่อมใสกับบุคคลที่ตนศรัทธา 2239
 

พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒

สีวถิกาสูตร โทษในป่าช้า
โทษในป่าช้า ๕ ประการ
     ๑ เป็นที่ไม่สะอาด
     ๒ มีกลิ่นเหม็น
     ๓ มีภัยเฉพาะหน้า
     ๔ เป็นที่อยู่ของพวกมนุษย์ร้าย
     ๕ เป็นที่รำพันทุกข์ของชนหมู่มาก
บุคคลเปรียบเหมือนป่าช้า
     ๑ กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม อันไม่สะอาด (อุปมาเป็นที่ไม่สะอาดเหมือนป่าช้า)
     ๒ กิตติศัพท์ที่ชั่ว อันไม่สะอาดย่อมฟุ้งไป (มีกลิ่นเหมือนป่าช้า)
     ๓ เพื่อนพรหมจรรย์ผู้มีศีล ย่อมเว้นไกลเพราะเขามีภัยเฉพาะหน้า (ป่าช้ามีภัยเฉพาะหน้า)
     ๔ ย่อมอยู่ร่วมกับบุคคลผู้เสมอกัน ทำชั่วเสมอกัน (เหมือนป่าช้าเป็นที่อยู่ของอมนุษย์ร้าย)
     ๕ เขารำพันว่า โอเป็นทุกข์ของพวกเรา (เหมือนป่าช้า เป็นที่รำพันทุกข์ของชนหมู่มาก)


ปุคคลปสาทสูตร โทษในความเลื่อมใส ที่เกิดขึ้นกับบุคคล

เมื่อบุคคลที่ตนเลื่อมใสศรัทธานั้น
-เมื่อบุคคลนั้น ต้องอาบัติ ถูกยกวัตร (ถูกลงโทษ) เขาไม่คบหาภิกษุเหล่าอื่น
เมื่อไม่คบหา จึงไม่ฟังสัทธรรม สัทธรรมจึงเสื่อม นี้เป็นโทษ...

-เมื่อบุคคลนั้น ต้องอาบัติ ถูกบังคับให้นั่งท้ายสุด... เขาจึงไม่มีความเลื่อมใสในพวกภิกษุอื่น
เมื่อไม่เลื่อมใส จึงไม่ฟังสัทธรรม สัทธรรมจึงเสื่อม นี้เป็นโทษ...

-เมื่อบุคคลนั้น หลีกไปที่อื่นเสีย... เขาจึงไม่มีความเลื่อมใสในพวกภิกษุอื่น
เมื่อไม่เลื่อมใส จึงไม่ฟังสัทธรรม สัทธรรมจึงเสื่อม นี้เป็นโทษ...

-เมื่อบุคคลที่ตนเลื่อมใส ลาสิกขา ...เขาจึงไม่คบหาภิกษุเหล่าอื่น
เมื่อไม่คบหา จึงไม่ฟังสัทธรรม สัทธรรมจึงเสื่อม นี้เป็นโทษ...

-เมื่อบุคคลที่ตนเลื่อมใส ทำกาละเสีย ...เขาจึงไม่คบหาภิกษุเหล่าอื่น
เมื่อไม่คบหา จึงไม่ฟังสัทธรรม สัทธรรมจึงเสื่อม นี้เป็นโทษ...

(พระสูตรนี้หมายถึงความศรัทธา ความรัก หรือความยึดมั่นต่อบุคคลมากเกินไป จึงปิดโอกาสที่จะฟังธรรมของ คนอื่น นี้เป็นโทษของความเลื่อมใสศรัทธา ที่ไม่ยอมเปิดใจ ไม่ยอมรับรู้ คิดว่าคนอื่นไม่ดีเท่า ซึ่งชาวพุทธเป็น แบบนี้กันมาก จึงเกิดการแบ่งสำนัก ศรัทธาใครศรัทธามัน พวกใครพวกมัน วัดใครวัดมัน และไม่ยุ่งต่อกัน)

เรื่องสำคัญของพระพุทธเจ้า
การบำเพ็ญบารมีในอดีตชาติ
การประสูติ แสงสว่าง แผ่นดินไหว
แสวงหาสัจจะบำเพ็ญทุกรกิริยา
ปัญจวัคคีย์หลีก สิ่งที่ตรัสรู้
ตรัสรู้ แสดงเทศนาปัญจวัคคีย์
ปลงสังขาร ปรินิพพาน
ลำดับขั้นการปรินิพพาน
เทวดาแสดงฤทธิ์ขณะถวายเพลิง
แบ่งพระสรีระออกเป็น ๘ ส่วน
 
รวมพระสูตรบุคคลสำคัญ
พระโมคคัลลานะ
พระสารีบุตร
พระเทวทัต
นิครนถ์ปริพาชก
พระมหากัปปินะ
พระอนุรุทธะ
พระอุบาลี
(ดูทั้งหมด)
 
สารบาญพระไตรปิฎก
เล่มที่ ๘-๓๓ (๒๕ เล่ม) ทุกพระสูตร
1. ฉบับหลวง
2. ฉบับมหาจุฬาฯ
3. อรรถกถาไทย
4. ฉบับภาษาบาลี
5. อรรถกถา-บาลี
6. Pali Roman (Roman Script)
7. Atthakatha PaliRoman
 

 


 


พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๗๘-๒๗๙

๙. สีวถิกาสูตร
โทษในป่าช้า

            [๒๔๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย โทษในป่าช้า ๕ ประการนี้ ๕ ประการเป็นไฉน คือ
๑ เป็นที่ไม่สะอาด
๒ มีกลิ่นเหม็น
๓ มีภัยเฉพาะหน้า
๔ เป็นที่อยู่ของพวกมนุษย์ร้าย
๕ เป็นที่รำพันทุกข์ของชนหมู่มาก

            ดูกรภิกษุทั้งหลาย โทษในป่าช้า ๕ ประการนี้แล

            ดูกรภิกษุทั้งหลาย โทษในบุคคลผู้เปรียบด้วยป่าช้า ๕ ประการนี้ ฉันนั้น เหมือนกัน ๕ ประการเป็นไฉน คือ

            ๑ บุคคลบางคนในโลกนี้ย่อมประกอบด้วยกาย กรรมอันไม่สะอาด ด้วยวจีกรรม อันไม่สะอาด ด้วยมโนกรรม อันไม่สะอาด เรากล่าวข้อนี้ เพราะเขาเป็นผู้ไม่สะอาด ป่าช้านั้นเป็นที่ไม่สะอาด แม้ฉันใด เรากล่าวบุคคลนี้เปรียบฉันนั้น

            ๒ กิตติศัพท์ที่ชั่วของเขาผู้ประกอบด้วยกายกรรม อันไม่สะอาด ด้วยวจีกรรมอัน ไม่สะอาด ด้วยมโนกรรมอันไม่สะอาด ย่อมฟุ้งไป เรากล่าวข้อนี้ เพราะเขาเป็นผู้มี กลิ่นเหม็น ป่าช้ามีกลิ่นเหม็น แม้ฉันใด เรากล่าวบุคคลนี้เปรียบฉันนั้น

            ๓ เพื่อนพรหมจรรย์ผู้มีศีลเป็นที่รัก ย่อมเว้นไกลซึ่งบุคคลนั้นผู้ประกอบด้วย กายกรรม อันไม่สะอาด ด้วยวจีกรรมอันไม่สะอาด ด้วยมโนกรรมอันไม่สะอาด เรากล่าว ข้อนี้ เพราะเขามีภัยเฉพาะหน้า ป่าช้ามีภัยเฉพาะหน้า แม้ฉันใด เรากล่าวบุคคลนี้ เปรียบฉันนั้น

            ๔ เขาประกอบด้วยกายกรรมอันไม่สะอาด ด้วยวจีกรรมอันไม่สะอาด ด้วย มโนกรรม อันไม่สะอาด ย่อมอยู่ร่วมกับบุคคลผู้เสมอกัน เรากล่าวข้อนี้ เพราะเขาเป็น ที่อยู่ของ สิ่งร้าย ป่าช้าเป็นที่อยู่ของอมนุษย์ร้าย แม้ฉันใด เรากล่าวบุคคลนี้เปรียบ ฉันนั้น

            ๕ เพื่อนพรหมจรรย์ผู้มีศีลเป็นที่รัก เห็นเขาผู้ประกอบด้วยกายกรรม อันไม่สะอาด ด้วย วจีกรรมอันไม่สะอาด ด้วยมโนกรรมอันไม่สะอาด แล้วย่อมรำพัน ทุกข์ว่า โอเป็นทุกข์ของ พวกเรา ผู้อยู่ร่วมกับบุคคลเห็นปานนี้ เรากล่าวข้อนี้ เพราะเขา เป็นที่รำพันทุกข์ ป่าช้า เป็นที่รำพันทุกข์ ของชนหมู่มาก แม้ฉันใด เรากล่าวบุคคลนี้ เปรียบฉันนั้น

            ดูกรภิกษุทั้งหลาย โทษในบุคคลผู้เปรียบด้วยป่าช้า ๕ ประการนี้แล


-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๗๙-๒๘๑

๑๐. ปุคคลปสาทสูตร
โทษในความเลื่อมใสที่เกิดขึ้นกับบุคคล

            [๒๕๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย โทษในความเลื่อมใสที่เกิดขึ้นในบุคคล ๕ ประการนี้ ๕ ประการเป็นไฉน คือ

            ๑ บุคคลย่อมเลื่อมใสในบุคคลใด บุคคลนั้นต้องอาบัติ อันเป็นเหตุให้สงฆ์ ยกวัตร* เขาจึงคิดอย่างนี้ว่า บุคคลผู้เป็นที่รักที่ชอบใจของเรานี้ ถูกสงฆ์ยกวัตรเสียแล้ว เขาจึงเป็นผู้ไม่มีความเลื่อมใสมากในพวกภิกษุ เมื่อไม่มีความเลื่อมใสมากในพวกภิกษุ จึงไม่คบหา ภิกษุเหล่าอื่น เมื่อไม่คบหาภิกษุเหล่าอื่น จึงไม่ฟังสัทธรรม เมื่อไม่ฟัง สัทธรรมจึงเสื่อม จากสัทธรรมนี้เป็นโทษในความเลื่อมใส ที่เกิดขึ้นในบุคคล ข้อที่ ๑
* ยกวัตร หมายถึง ลงโทษ การทอดทิ้ง ไม่คบหา ขับออก

            ๒ อีกประการหนึ่ง บุคคลย่อมเลื่อมใสในบุคคลใด บุคคลนั้นต้องอาบัติอันเป็นเหตุให้สงฆ์บังคับให้เขานั่งที่สุดสงฆ์ เขาจึงคิดอย่างนี้ว่า บุคคลผู้เป็นที่รัก ที่ชอบใจของเรานี้ ถูกสงฆ์บังคับให้นั่งในที่สุดสงฆ์เสียแล้ว เขาจึงเป็นผู้ไม่มีความ เลื่อมใสมากในพวกภิกษุ ... จึงเสื่อมจากสัทธรรม นี้เป็นโทษในความเลื่อมใส ที่เกิดขึ้นในบุคคล ข้อที่ ๒

            ๓ อีกประการหนึ่ง บุคคลย่อมเลื่อมใสในบุคคลใด บุคคลนั้นหลีกไปสู่ทิศเสีย เขาจึงคิดอย่างนี้ว่า บุคคลผู้เป็นที่รักที่ชอบใจของเรานี้ หลีกไปสู่ทิศเสียแล้ว เขาจึงเป็น ผู้ไม่มีความเลื่อมใสมากในพวกภิกษุ ...จึงเสื่อมจากสัทธรรม นี้เป็นโทษในความเลื่อมใส ที่เกิดขึ้นในบุคคล ข้อที่ ๓

            ๔ อีกประการหนึ่ง บุคคลย่อมเลื่อมใสในบุคคลใด บุคคลนั้นลาสิกขา เขาจึง คิดอย่างนี้ว่า บุคคลผู้เป็นที่รักที่ชอบใจของเรานี้ ลาสิกขาเสียแล้ว เขาจึงไม่คบหาภิกษุ เหล่าอื่น ... จึงเสื่อมจากสัทธรรม นี้เป็นโทษในความเสื่อมใสที่เกิดขึ้น ในบุคคล ข้อที่ ๔

            ๕ อีกประการหนึ่ง บุคคลย่อมเลื่อมใสในบุคคลใด บุคคลนั้นกระทำกาละเสีย เขาจึงคิดอย่างนี้ว่า บุคคลผู้เป็นที่รักที่ชอบใจของเรานี้ กระทำกาละเสียแล้วเขาจึงไม่ คบหาภิกษุเหล่าอื่น เมื่อไม่คบหาภิกษุเหล่าอื่น จึงไม่ฟังสัทธรรม เมื่อไม่ฟัง สัทธรรม จึงเสื่อม จากสัทธรรม นี้เป็นโทษในความเลื่อมใสที่เกิดขึ้นในบุคคล ข้อที่ ๕

            ดูกรภิกษุทั้งหลาย โทษในความเลื่อมใสที่เกิดในบุคคล ๕ประการนี้แล

 





หนังสือพุทธวจน ธรรมะของพระศาสดา
90 90 90 90
พุทธประวัติ ขุมทรัพย์ อริยสัจ
ภาคต้น
อริยสัจ
ภาคปลาย
ปฏิจจ ปฐมธรรม ตถาคต อนาคามี อินทรีย์
สังวร
สัตว์
สัตตานัง
ทาน
สกทาคามี
ฆราวาส
ชั้นเลิศ
มรรควิธี
ที่ง่าย
อริยวินัย เดรัจฉานวิชา กรรม สมถะ
วิปัสสนา
โสดาบัน นา
ปานสติ
จิต มโน
วิญญาณ
ก้าวย่าง
อย่างพุทธะ
ตามรอย
ธรรม
ภพ ภูมิ
พุทธวจน
สาธยาย
ธรรม
สังโยชน์