พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๔๔
๑. คิลานสูตร
ธรรมสำหรับภิกษุไข้
[๑๒๑] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาค ประทับอยู่ที่กูฏาคารศาลา ป่ามหาวันใกล้ เมือง เวสาลี ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาค เสด็จออกจากที่หลีกเร้นในเวลาเย็น เสด็จเข้าไปที่ ศาลาภิกษุไข้ ได้ทรงเห็นภิกษุรูปหนึ่งที่ทุรพล เป็นไข้ แล้วประทับนั่งบนอาสนะที่เขา ตบแต่งไว้ ครั้นแล้วได้ตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๕ ประการ ย่อมไม่ละภิกษุบางรูปที่ทุรพล เป็นไข้ เธอนั้นพึงหวังผลนี้ คือ จักทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันหาอาสวะ มิได้ เพราะ อาสวะทั้งหลายสิ้นไป ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง ในปัจจุบัน เข้าถึงอยู่ ต่อกาล ไม่นานเลย ธรรม ๕ ประการเป็นไฉน คือ
๑ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมพิจารณาเห็นว่าไม่งามในกาย
๒ มีความสำคัญว่าเป็นของปฏิกูลในอาหาร
๓ มีความสำคัญว่าไม่น่ายินดีในโลกทั้งปวง
๔ พิจารณาเห็นว่าไม่เที่ยงในสังขารทั้งปวง
๕ มีมรณสัญญาปรากฏขึ้นด้วยดี ณ ภายใน
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๕ ประการนี้ย่อมไม่ละ ภิกษุบางรูปที่ทุรพล เป็นไข้ เธอนั้นพึงหวังผลนี้ คือ จักทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันหาอาสวะมิได้ เพราะ อาสวะทั้งหลายสิ้นไป ด้วยปัญญาอันยิ่งเองในปัจจุบัน เข้าถึงอยู่ ต่อกาลไม่นานเลย
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๔๔-๑๔๕
๒. สติปัฏฐานสูตร
ผู้มีสติตั้งไว้ดี
[๑๒๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุหรือภิกษุณีรูปใดรูปหนึ่ง ย่อมเจริญทำให้มาก ซึ่งธรรม ๕ ประการ เธอพึงหวังได้ผล ๒ อย่าง อย่างใดอย่างหนึ่ง คือ อรหัตผล ใน ปัจจุบัน หรือเมื่อยังมีความยึดถือเหลืออยู่ เป็น พระอนาคามี ธรรม๕ ประการเป็นไฉน คือ
๑ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้มีสติอันเข้าไปตั้งไว้ด้วยดีเฉพาะตน เพื่อปัญญาอันให้หยั่งถึง ความตั้งขึ้น และดับไปแห่งธรรมทั้งหลาย
๒ ย่อมพิจารณาเห็นว่าไม่งามในกาย
๓ มีความสำคัญว่าเป็นของปฏิกูลในอาหาร
๔ มีความสำคัญว่าไม่น่ายินดีในโลกทั้งปวง
๕ พิจารณาเห็นว่าไม่เที่ยงในสังขารทั้งปวง
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุหรือภิกษุณีรูปใดรูปหนึ่ง ย่อมเจริญ ทำให้มากซึ่งธรรม ๕ ประการนี้แล เธอพึงหวังได้ผล ๒ อย่างอย่างใดอย่างหนึ่ง คือ อรหัตผลในปัจจุบัน หรือเมื่อยังมีความยึดถือเหลืออยู่ เป็นพระอนาคามี
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๔๕
๓. อุปัฏฐากสูตรที่ ๑
ภิกษุไข้ที่พยาบาลได้ยากและง่าย สูตรที่ ๑
[๑๒๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไข้ประกอบด้วยธรรม ๕ ประการ ย่อมเป็นผู้ พยาบาลยาก ธรรม ๕ ประการเป็นไฉน คือ
๑ ภิกษุไข้ย่อมไม่ทำความสบาย
๒ ไม่รู้จักประมาณในสิ่งสบาย
๓ ไม่ฉันยา
๔ ไม่บอกอาพาธที่มีอยู่ตามความเป็นจริง แก่ผู้พยาบาลที่ปรารถนาประโยชน์ เช่นไม่ บอก อาพาธที่กำเริบว่ากำเริบ ไม่บอกอาพาธที่ทุเลาว่าทุเลา ไม่บอกอาพาธที่ทรงอยู่ ว่ายังทรงอยู่
๕ ไม่อดทนต่อทุกขเวทนาที่เกิดมีในร่างกายอันกล้าแข็ง เผ็ดร้อน ไม่เป็นที่พอใจ สามารถปลิดชีพให้ดับสูญ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไข้ประกอบด้วยธรรม ๕ ประการนี้แล ย่อมเป็นผู้พยาบาลยาก
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไข้ประกอบด้วยธรรม ๕ ประการ ย่อมเป็นผู้พยาบาลง่าย ธรรม ๕ ประการเป็นไฉน คือ
๑ ภิกษุไข้ย่อมทำความสบาย
๒ รู้จักประมาณในสิ่งสบาย
๓ ฉันยา
๔ บอกอาพาธตามความเป็นจริงแก่ผู้พยาบาลที่ปรารถนาประโยชน์ เช่นบอกอาพาธ ที่กำเริบว่ากำเริบ บอกอาพาธที่ทุเลาว่าทุเลาบอกอาพาธที่ทรงอยู่ว่ายังทรงอยู่
๕ เป็นผู้อดทนต่อทุกขเวทนาที่เกิดมีในร่างกายอันกล้าแข็ง เผ็ดร้อน ไม่เป็นที่พอใจ สามารถปลิดชีพให้ดับสูญ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไข้ประกอบด้วยธรรม ๕ ประการนี้แล ย่อมเป็นผู้พยาบาลง่าย
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๔๖
๔. อุปัฏฐากสูตรที่ ๒
ภิกษุผู้ควรและไม่ควรพยาบาลภิกษุไข้ สูตรที่ ๒
[๑๒๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้พยาบาลภิกษุไข้ ประกอบด้วยธรรม ๕
ประการ ไม่ควรเป็นผู้พยาบาลภิกษุไข้ ธรรม ๕ ประการเป็นไฉน คือ
๑ ภิกษุผู้พยาบาลเป็นผู้ไม่สามารถเพื่อจัดยา
๒ ไม่ทราบสิ่งสบายและไม่สบาย นำสิ่งไม่สบายเข้าไปให้ นำสิ่งสบายออกไป
๓ เป็นผู้เพ่งอามิสพยาบาล ไม่เป็นผู้มีเมตตาจิตพยาบาล
๔ เป็นผู้มักรังเกียจเพื่อนำออกซึ่งอุจจาระ ปัสสาวะ อาเจียน หรือน้ำลาย
๕ ไม่สามารถจะชี้แจงให้ภิกษุไข้สมาทาน อาจหาญ ร่าเริง ด้วยธรรมีกถาโดยกาล อันสมควร
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้พยาบาลภิกษุไข้ ประกอบด้วยธรรม ๕ ประการนี้แล ไม่ควรเป็นผู้พยาบาลภิกษุไข้
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้พยาบาลภิกษุไข้ ประกอบด้วยธรรม ๕ ประการ
ควรเป็นผู้พยาบาลภิกษุไข้ ธรรม ๕ ประการเป็นไฉน คือ
๑ ภิกษุผู้พยาบาลย่อมเป็นผู้สามารถเพื่อจัดยา
๒ ทราบสิ่งสบายและไม่สบาย นำสิ่งไม่สบายออกไปนำสิ่งสบายเข้ามาให้
๓ เป็นผู้มีเมตตาจิตพยาบาล ไม่เป็นผู้เพ่งอามิสพยาบาล
๔ ไม่รังเกียจเพื่อนำออกซึ่งอุจจาระ ปัสสาวะ อาเจียน หรือน้ำลาย
๕ เป็นผู้สามารถเพื่อชี้แจงให้ภิกษุไข้สมาทาน อาจหาญ ร่าเริง ด้วยธรรมีกถาโดยกาลอันสมควร
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้พยาบาลภิกษุไข้ ประกอบด้วยธรรม ๕ ประการนี้แล ควรเป็นผู้พยาบาลภิกษุไข้
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๔๖ - ๑๔๗
๕. อนายุสสสูตรที่ ๑
ธรรมที่เป็นเหตุให้อายุสั้นและอายุยืน สูตรที่ ๑
[๑๒๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๕ ประการนี้ เป็นเหตุให้อายุสั้น ๕ ประการ เป็นไฉน คือ
๑ บุคคลไม่เป็นผู้ทำความสบายแก่ตนเอง
๒ ไม่รู้จักประมาณในสิ่งที่สบาย
๓ บริโภคสิ่งที่ย่อยยาก
๔ เป็นผู้เที่ยวในกาลไม่สมควร
๕ ไม่ประพฤติเพียงดังพรหม
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๕ ประการนี้แล เป็นเหตุให้อายุสั้น
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๕ ประการนี้ เป็นเหตุให้อายุยืน ๕ ประการเป็นไฉน คือ
๑ บุคคลเป็นผู้ทำความสบายแก่ตนเอง
๒ รู้จักประมาณในสิ่งที่สบาย
๓ บริโภคสิ่งที่ย่อยง่าย
๔ เป็นผู้เที่ยวในกาลสมควร
๕ เป็นผู้ประพฤติเพียงดังพรหม
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๕ ประการนี้แล เป็นเหตุให้อายุยืน ฯ
|