พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๓๗
๑. กุลุปกสูตร
ธรรมของภิกษุผู้เข้าไปสู่ตระกูล
[๑๑๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้เข้าสู่สกุลประกอบด้วยธรรม ๕ ประการ ย่อม ไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่พอใจ ไม่เป็นที่เคารพ และไม่เป็นที่สรรเสริญในสกุล ธรรม ๕ ประการ เป็นไฉน คือ
๑ เป็นผู้วิสาสะกับผู้ไม่คุ้นเคย
๒ เป็นผู้บงการต่างๆ ทั้งที่ตนไม่เป็นใหญ่ในสกุล
๓ เป็นผู้คบหาผู้ไม่ถูกกับเขา
๔ เป็นผู้พูดกระซิบที่หู
๕ เป็นผู้ขอมากเกินไป
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้เข้าสู่สกุล ประกอบด้วย ธรรม ๕ ประการนี้แล ย่อม ไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่พอใจ ไม่เป็นที่เคารพ และไม่เป็นที่สรรเสริญในสกุล
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้เข้าสู่สกุลประกอบด้วยธรรม ๕ ประการ ย่อมเป็นที่รัก เป็นที่พอใจ เป็นที่เคารพ เป็นที่สรรเสริญในสกุล ธรรม ๕ ประการเป็นไฉน คือ
๑ ไม่เป็นผู้วิสาสะกับผู้ไม่คุ้นเคย
๒ ไม่เป็นผู้บงการต่างๆ ทั้งที่ตนไม่เป็นใหญ่ในสกุล
๓ ไม่เป็นผู้คบหาผู้ไม่ถูกกับเขา
๔ ไม่เป็นผู้พูดกระซิบที่หู
๕ ไม่เป็นผู้ขอมากเกินไป
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้เข้าสู่สกุลประกอบด้วย ธรรม๕ ประการนี้แล ย่อมเป็น ที่รัก เป็นที่พอใจ เป็นที่เคารพและเป็นที่สรรเสริญในสกุล
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๓๗-๑๓๘
๒. ปัจฉาสมณสูตร
ธรรมของภิกษุผู้เป็นปัจฉาสมณะ
[๑๑๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๕ ประการ ไม่ควรพาไป เป็นปัจฉาสมณะ [ผู้ติดตาม] ธรรม ๕ ประการเป็นไฉน คือ
๑ ภิกษุผู้เป็นปัจฉาสมณะ ย่อมเดินไปห่างนัก หรือใกล้นัก
๒ ย่อมไม่รับบาตรที่ควรรับ
๓ ย่อมไม่ห้ามเมื่อพูดใกล้อาบัติ
๔ ย่อมพูดสอดขึ้นเมื่อกำลังพูดอยู่
๕ เป็นผู้มีปัญญาทราม โง่ เขลา
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๕ ประการนี้แล ไม่ควรพาไปเป็น ปัจฉาสมณะ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๕ ประการ จึงควรพาไปเป็น ปัจฉาสมณะ ธรรม ๕ ประการเป็นไฉน คือ
๑ ภิกษุผู้เป็นปัจฉาสมณะ ย่อมเดินไปไม่ห่างนัก ไม่ใกล้นัก
๒ ย่อมรับบาตรที่ควรรับ
๓ ย่อมห้ามเมื่อพูดใกล้อาบัติ
๔ ย่อมไม่พูดสอดขึ้นเมื่อกำลังพูดอยู่
๕ เป็นผู้มีปัญญา ไม่โง่ ไม่เขลา
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๕ ประการนี้แล ควรพาไปเป็น ปัจฉาสมณะ
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๓๘
๓. สมาธิสูตร
ว่าด้วยสัมมาสมาธิ
[๑๑๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๕ ประการ ย่อมไม่ควรเพื่อ บรรลุสัมมาสมาธิ ธรรม ๕ ประการเป็นไฉน คือ
๑ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ย่อมไม่อดทนต่อรูปารมณ์
๒ ไม่อดทนต่อสัททารมณ์
๓ ไม่อดทนต่อคันธารมณ์
๔ ไม่อดทนต่อรสารมณ์
๕ ไม่อดทนต่อโผฏฐัพพารมณ์
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๕ ประการนี้แล ย่อมไม่ควรเพื่อ บรรลุ สัมมาสมาธิ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๕ ประการ ย่อมควรเพื่อบรรลุ สัมมาสมาธิ ธรรม ๕ ประการเป็นไฉน คือ
๑ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ อดทนต่อรูปารมณ์
๒ อดทนต่อสัททารมณ์ ๑
๓ อดทนต่อคันธารมณ์ ๑
๔ อดทนต่อรสารมณ์
๕ อดทนต่อโผฏฐัพพารมณ์
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๕ ประการนี้แล ย่อมควรเพื่อ บรรลุสัมมาสมาธิ
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๓๘-๑๓๙
๔. อันธกวินทสูตร
ธรรม ๕ ประการของภิกษุบวชใหม่
[๑๑๔] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ที่อันธกวินทวิหารในแคว้นมคธ ครั้งนั้น ท่านพระอานนท์เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคมแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วพระผู้มีพระภาคได้ตรัสกะท่านพระอานนท์ว่า ดูกรอานนท์ พวกภิกษุใหม่ บวชไม่นาน มาสู่ธรรมวินัยนี้ใหม่ๆ เธอทั้งหลายพึงให้สมาทาน ให้ตั้งมั่น ให้ประดิษฐานอยู่ในธรรม ๕ ประการ
ธรรม ๕ ประการเป็นไฉน คือ
๑ ภิกษุใหม่เหล่านั้นอันเธอทั้งหลายพึงให้สมาทาน ให้ตั้งมั่น ให้ประดิษฐาน อยู่ในปาติโมกขสังวรดังนี้ว่า อาวุโส ท่านทั้งหลายจงมา จงเป็นผู้มีศีล จงเป็นผู้สำรวม ในปาติโมกข์สังวร จงเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยอาจาระและโคจร มีปรกติเห็นภัยในโทษ มีประมาณ น้อย สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย
๒ ภิกษุใหม่เหล่านั้นอันเธอทั้งหลายพึงให้สมาทาน ให้ตั้งมั่น ให้ประดิษฐาน อยู่ในอินทรีย์สังวรดังนี้ว่า อาวุโส ท่านทั้งหลายจงมา จงเป็นผู้คุ้มครองทวารในอินทรีย์ ทั้งหลาย จงเป็นผู้มีสติเครื่องรักษาทวาร รักษาตน มีใจที่รักษาดีแล้วประกอบด้วยจิต มีสติเป็นเครื่องรักษา
๓ ภิกษุใหม่เหล่านั้นอันเธอทั้งหลายพึงให้สมาทาน ให้ตั้งมั่น ให้ประดิษฐาน อยู่ในการทำที่สุดแห่งคำพูดดังนี้ว่า อาวุโส ท่านทั้งหลายจงมา จงเป็นผู้มีคำพูดน้อย จงเป็นผู้ทำที่สุดแห่งคำพูด [อย่าพูดมาก]
๔ ภิกษุใหม่เหล่านั้นอันเธอทั้งหลายพึงให้สมาทาน ให้ตั้งมั่น ให้ประดิษฐานอยู่ ในการทำความสงบแห่งกายดังนี้ว่า อาวุโส ท่านทั้งหลายจงมา จงเป็นผู้ถือการอยู่ป่า เป็นวัตร จงเสพอาศัยเสนาสนะอันสงัด คือ ป่าและป่าเปลี่ยว
๕ ภิกษุใหม่เหล่านั้นอันเธอทั้งหลายพึงให้สมาทาน ให้ตั้งมั่น ให้ประดิษฐาน อยู่ในความเห็นชอบดังนี้ว่า อาวุโส ท่านทั้งหลายจงมา จงเป็นผู้มีสัมมาทิฐิประกอบด้วย สัมมาทัสสนะ
ดูกรอานนท์ พวกภิกษุใหม่ บวชไม่นาน มาสู่ธรรมวินัยนี้ใหม่ๆ เธอทั้งหลาย พึงให้สมาทาน ให้ตั้งมั่น ให้ประดิษฐานอยู่ในธรรม ๕ ประการนี้แล |