เว็บไซต์ อนาคามี เผยแพร่คำพระศาสดา เผยแพร่คำสอนตถาคต เว็บไซต์เผยแพร่พระสุตรคำสอนของพระพุทธเจ้า คลิปคำสอน คลิปสาธยายธรรม
ค้นหาคำที่ต้องการ            

กกุธสูตร เรื่อง ศาสดา ๕ จำพวก ตรัสกับพระโมคคัลลานะ 2203
 

พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒

ศาสดา ๕ จำพวกเหล่านี้มีปรากฏอยู่ในโลก ๕ จำพวกเป็นไฉน
(ศาสดา ตามนัยยะของพระสูตรนี้ หมายถึง ศาสดาของลัทธิต่างๆ ที่อ้างว่าของตนดี บริสุทธิ์)

(1) ศาสดาบางคนในโลกนี้
เป็นผู้มีศีลไม่บริสุทธิ์ แต่ปฏิญาณว่าเราเป็นผู้มีศีลบริสุทธิ์
และว่า ศีลของเราบริสุทธิ์ผุดผ่องไม่เศร้าหมอง

(2) ศาสดาบางคนในโลกนี้
เป็นผู้มีอาชีวะไม่บริสุทธิ์ แต่ปฏิญาณว่าเราเป็นผู้มีอาชีวะบริสุทธิ์
และว่า อาชีวะของเราบริสุทธิ์ผุดผ่อง ไม่เศร้าหมอง

(3) ศาสดาบางคนในโลกนี้
เป็นผู้มีธรรมเทศนาไม่บริสุทธิ์ แต่ปฏิญาณว่าเราเป็นผู้มีธรรมเทศนาบริสุทธิ์
และว่า ธรรมเทศนาของเราบริสุทธิ์ผุดผ่อง ไม่เศร้าหมอง

(4) ศาสดาบางคนในโลกนี้
เป็นผู้มีไวยากรณ์(คาถา ภาษา) ไม่บริสุทธิ์ แต่ปฏิญาณว่าเราเป็นผู้มีไวยากรณ์บริสุทธิ์
และว่า ไวยากรณ์ของเราบริสุทธิ์ผุดผ่อง ไม่เศร้าหมอง

(5) ศาสดาบางคนในโลกนี้
เป็นผู้มีญาณทัสสนะไม่บริสุทธิ์ แต่ปฏิญาณว่าเราเป็นผู้มีญาณทัสสนะบริสุทธิ์
และว่า ญาณทัสสนะของเราบริสุทธิ์ ผุดผ่องไม่เศร้าหมอง

ก็พวกเรานี่แหละพึงบอกแก่ พวกคฤหัสถ์ (บอกความจริง)
ท่าน(ศาสดา) ทำกรรมใดไว้ ก็จักปรากฏด้วยกรรมนั้นเอง (เป็นไปตามกรรม)

ส่วน ตถาคต
ก็เราแลเป็นผู้มีศีลบริสุทธิ์ ปฏิญาณว่าเราเป็นผู้ มีศีลบริสุทธิ์
และว่า ศีลของเราบริสุทธิ์ ผุดผ่องไม่เศร้าหมอง
แลสาวกทั้งหลาย ย่อมไม่รักษาเราโดยศีล และเราก็ไม่หวังเฉพาะ
ซึ่งการรักษาโดยศีล จากสาวกทั้งหลาย
อนึ่ง เราเป็นผู้มีอาชีวะบริสุทธิ์ ...
อนึ่ง เราเป็นผู้มีธรรมเทศนาบริสุทธิ์ ...
อนึ่ง เราเป็นผู้มีไวยากรณ์บริสุทธิ์ ...
อนึ่ง เราเป็นผู้มีญาณทัสสนะบริสุทธิ์
ปฏิญาณว่า เราเป็นผู้มีญาณทัสสนะบริสุทธิ์
และ ว่าญาณทัสสนะของเราบริสุทธิ์ ผุดผ่อง ไม่เศร้าหมอง


เรื่องสำคัญของพระพุทธเจ้า
การบำเพ็ญบารมีในอดีตชาติ
การประสูติ แสงสว่าง แผ่นดินไหว
แสวงหาสัจจะบำเพ็ญทุกรกิริยา
ปัญจวัคคีย์หลีก สิ่งที่ตรัสรู้
ตรัสรู้ แสดงเทศนาปัญจวัคคีย์
ปลงสังขาร ปรินิพพาน
ลำดับขั้นการปรินิพพาน
เทวดาแสดงฤทธิ์ขณะถวายเพลิง
แบ่งพระสรีระออกเป็น ๘ ส่วน
 
รวมพระสูตรบุคคลสำคัญ
พระโมคคัลลานะ
พระสารีบุตร
พระเทวทัต
นิครนถ์ปริพาชก
พระมหากัปปินะ
พระอนุรุทธะ
พระอุบาลี
(ดูทั้งหมด)
 
สารบาญพระไตรปิฎก
เล่มที่ ๘-๓๓ (๒๕ เล่ม) ทุกพระสูตร
1. ฉบับหลวง
2. ฉบับมหาจุฬาฯ
3. อรรถกถาไทย
4. ฉบับภาษาบาลี
5. อรรถกถา-บาลี
6. Pali Roman (Roman Script)
7. Atthakatha PaliRoman
 

 


 


พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๒๒-๑๒๖

๑๐. กกุธสูตร
กกุธเทพบุตร -ศาสดา ๕ จำพวก

            [๑๐๐] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ โฆสิตารามใกล้เมืองโกสัมพี ก็สมัยนั้นแล บุตรเจ้าโกลิยะนามว่า กกุธะ ผู้อุปัฏฐากท่านพระมหาโมคคัลลานะ กระทำ กาละไม่นาน ได้บังเกิดในหมู่เทพ ชื่อว่าอโนมยะหมู่หนึ่งเป็นผู้ได้อัตภาพ [ใหญ่] เหมือน คามเขตในแว่นแคว้นมคธสองสามหมู่ เพราะการได้อัตภาพนั้น เขาย่อมไม่ทำตน ให้เดือดร้อน ไม่ทำผู้อื่นให้เดือดร้อน ครั้งนั้นแล กกุธเทพบุตรได้เข้าไปหาท่าน พระมหาโมคคัลลานะถึงที่อยู่ อภิวาทแล้ว ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง

            ครั้นแล้วได้กล่าวว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ พระเทวทัตเกิดความปรารถนาอย่างนี้ว่า เราจักบริหารภิกษุสงฆ์ และพระเทวทัตได้เสื่อมจากฤทธิ์นั้น พร้อมกับจิตตุปบาท ครั้น กกุธเทพบุตรได้กล่าวดังนี้แล้ว อภิวาทท่านพระมหาโมคัลลานะ ทำประทักษิณแล้ว หายไป ณ ที่นั้น ลำดับนั้น ท่านพระมหาโมคคัลลานะ ได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึง ที่ประทับ ถวายบังคมแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง

            ครั้นแล้วได้กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ บุตรแห่งเจ้าโกลิยะนามว่า กกุธะผู้อุปัฏฐาก ข้าพระองค์ กระทำกาละไม่นาน ได้บังเกิดในหมู่เทพชื่อว่าอโนมยะ หมู่หนึ่ง เป็นผู้ได้อัตภาพ [ใหญ่] เหมือนคามเขตในแว่นแคว้นมคธสองสามหมู่ เพราะการได้อัตภาพนั้น เขาย่อมไม่ทำตนให้เดือดร้อน ไม่ทำผู้อื่นให้เดือดร้อน ครั้งนั้น กกุธเทพบุตรได้เข้าไปหาข้าพระองค์ถึงที่อยู่ อภิวาทแล้วยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้กล่าวกะข้าพระองค์ว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญพระเทวทัตเกิดความปรารถนา อย่างนี้ว่า เราจักบริหารภิกษุสงฆ์ พระเทวทัตได้เสื่อมจากฤทธิ์นั้น พร้อมกับจิตตุปบาท กกุธเทพบุตรครั้นได้กล่าวดังนี้แล้วอภิวาทข้าพระองค์ ทำประทักษิณแล้วหายไป ณ ที่นั้น

            พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า ดูกรโมคคัลลานะ ก็กกุธเทพบุตรเธอกำหนดรู้ใจ ด้วยใจดีแล้วหรือ ว่า กกุธเทพบุตรกล่าวสิ่งใด สิ่งนั้นทั้งปวงย่อมเป็นอย่างนั้นทีเดียว ไม่เป็นอย่างอื่น

            ม. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ กกุธเทพบุตรข้าพระองค์กำหนดรู้ใจด้วยใจดีแล้วว่า กกุธเทพบุตรกล่าวสิ่งใด สิ่งนั้นทั้งปวงย่อมเป็นอย่างนั้นทีเดียว ไม่เป็นอย่างอื่น

            พ. ดูกรโมคคัลลานะ เธอจงรักษาวาจานั้น บัดนี้ โมฆบุรุษนั้นจักทำตนให้ ปรากฏ ด้วยตนเอง

ดูกรโมคคัลลานะ ศาสดา ๕ จำพวกนี้ มีปรากฏอยู่ในโลก ๕ จำพวกเป็นไฉน คือ

            (๑) ศาสดาบางคนในโลกนี้ เป็นผู้มีศีลไม่บริสุทธิ์ ย่อมปฏิญาณว่า เป็นผู้มีศีล บริสุทธิ์ ศีลของเราบริสุทธิ์ ผ่องแผ้ว ไม่เศร้าหมอง พวกสาวกย่อมทราบเขาอย่างนี้ว่า ท่านศาสดานี้ เป็นผู้มีศีลไม่บริสุทธิ์ ย่อมปฏิญาณว่า เป็นผู้มีศีลบริสุทธิ์ศีลของเราบริสุทธิ์ ผ่องแผ้ว ไม่เศร้าหมอง แต่ถ้าพวกเราจักบอกพวกคฤหัสถ์ก็ไม่พึงเป็นที่พอใจของท่าน ก็พวกเราจะพึงกล่าวด้วยความไม่พอใจของท่านนั้นอย่างไรได้ อนึ่ง มหาชนย่อมยกย่อง ด้วยจีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และคิลานปัจจัยเภสัชบริขาร ด้วยคิดว่า ศาสดานี้จักทำ กรรมใด เขาเองจักปรากฏด้วยกรรมนั้น ดังนี้ พวกสาวกย่อมรักษาศาสดาเช่นนี้โดยศีล และศาสดาเช่นนี้ย่อมหวังเฉพาะการรักษาจากพวกสาวกโดยศีล

            (๒) อีกประการหนึ่ง ศาสดาบางคนในโลกนี้ เป็นผู้มีอาชีวะไม่บริสุทธิ์ ย่อม ปฏิญาณว่า เป็นผู้มีอาชีวะบริสุทธิ์ อาชีวะของเราบริสุทธิ์ ผ่องแผ้ว ไม่เศร้าหมอง พวกสาวกย่อมทราบเขาอย่างนี้ว่า ท่านศาสดานี้ เป็นผู้มีอาชีวะไม่บริสุทธิ์ย่อม ปฏิญาณว่า เป็นผู้มีอาชีวะบริสุทธิ์ อาชีวะของเราบริสุทธิ์ ผ่องแผ้ว ไม่เศร้าหมอง แต่ถ้าพวกเราพึงบอกพวกคฤหัสถ์ ก็ไม่พึงเป็นที่พอใจของท่าน ก็พวกเราจะพึงกล่าว ด้วยความ ไม่พอใจของท่านนั้นอย่างไรได้ อนึ่ง มหาชนย่อมยกย่องด้วยจีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และคิลานปัจจัยเภสัชบริขาร ด้วยคิดว่า ศาสดานี้จักทำกรรมใด เขาเอง จักปรากฏด้วยกรรมนั้น ดังนี้ พวกสาวกย่อมรักษาศาสดาเช่นนี้โดยอาชีวะ และศาสดา เช่นนี้ย่อมหวังเฉพาะการรักษาจากพวกสาวกโดยอาชีวะ

            (๓) อีกประการหนึ่ง ศาสดาบางคนในโลกนี้ เป็นผู้มีธรรมเทศนาไม่บริสุทธิ์ ย่อมปฏิญาณว่า เป็นผู้มีธรรมเทศนาบริสุทธิ์ ธรรมเทศนาของเราบริสุทธิ์ ผ่องแผ้ว ไม่เศร้าหมอง พวกสาวกย่อมทราบเขาอย่างนี้ว่า ท่านศาสดานี้ เป็นผู้มีธรรมเทศนา ไม่บริสุทธิ์ ย่อมปฏิญาณว่า เป็นผู้มีธรรมเทศนาบริสุทธิ์ ธรรมเทศนาของเราบริสุทธิ์ ผ่องแผ้ว ไม่เศร้าหมอง แต่ถ้าพวกเราพึงบอกพวกคฤหัสถ์ ก็ไม่พึงเป็นที่พอใจของท่าน ก็พวกเราจะพึงกล่าวด้วยความไม่พอใจของท่านนั้นอย่างไรได้ อนึ่ง มหาชนย่อม ยกย่องด้วยจีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และคิลานปัจจัยเภสัชบริขาร ด้วยคิดว่า ท่าน ศาสดานี้ จักทำกรรมใด เขาเองก็จักปรากฏด้วยกรรมนั้น ดังนี้ พวกสาวกย่อมรักษา ศาสดาเช่นนี้โดยธรรมเทศนา และศาสดาเช่นนี้ย่อมหวังเฉพาะการรักษา จากสาวก โดยธรรมเทศนา

            (๔) อีกประการหนึ่ง ศาสดาบางคนในโลกนี้ เป็นผู้มีไวยากรณ์ไม่บริสุทธิ์ย่อม ปฏิญาณว่า เป็นผู้มีไวยากรณ์บริสุทธิ์ ไวยากรณ์ของเราบริสุทธิ์ ผ่องแผ้วไม่เศร้าหมอง พวกสาวกย่อมทราบเขาอย่างนี้ว่า ท่านศาสดานี้ เป็นผู้มีไวยากรณ์ไม่บริสุทธิ์ ย่อม ปฏิญาณว่า เป็นผู้มีไวยากรณ์บริสุทธิ์ ไวยากรณ์ของเราบริสุทธิ์ผ่องแผ้ว ไม่เศร้าหมอง แต่ถ้าพวกเราพึงบอกพวกคฤหัสถ์ ก็ไม่พึงเป็นที่พอใจของท่าน ก็พวกเราจักกล่าว ด้วยความไม่พอใจของท่านนั้นอย่างไรได้ อนึ่ง มหาชนย่อมยกย่องด้วยจีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และคิลานปัจจัยเภสัชบริขาร ด้วยคิดว่าศาสดานี้จักทำกรรมใด เขาเอง จักปรากฏด้วยกรรมนั้น ดังนี้ พวกสาวกย่อมรักษาศาสดาเช่นนี้โดยไวยากรณ์ และ ศาสดาเช่นนี้ย่อมหวังเฉพาะการรักษาจากพวกสาวกโดยไวยากรณ์

            (๕) อีกประการหนึ่ง ศาสดาบางคนในโลกนี้ เป็นผู้มีญาณทัสสนะไม่บริสุทธิ์ ย่อม ปฏิญาณว่า เป็นผู้มีญาณทัสสนะบริสุทธิ์ ญาณทัสสนะของเราบริสุทธิ์ ผ่องแผ้ว ไม่เศร้าหมอง พวกสาวกย่อมทราบเขาอย่างนี้ว่า ท่านศาสดานี้ เป็นผู้มีญาณทัสสนะ ไม่บริสุทธิ์ ย่อมปฏิญาณว่า เป็นผู้มีญาณทัสสนะบริสุทธิ์ญาณทัสสนะของเราบริสุทธิ์ ผ่องแผ้ว ไม่เศร้าหมอง แต่ถ้าพวกเราพึงบอกพวกคฤหัสถ์ก็ไม่พึงเป็นที่พอใจของท่าน ก็พวกเราจะพึงกล่าวด้วยความไม่พอใจของท่านนั้นอย่างไรได้

            อนึ่ง มหาชนย่อมยกย่องด้วยจีวร บิณฑบาต เสนาสนะและคิลานปัจจัย เภสัชบริขาร ด้วยคิดว่า ศาสดานี้จักทำกรรมใด เขาเองจักปรากฏด้วยกรรมนั้น ดังนี้ พวกสาวกย่อมรักษาศาสดาเช่นนี้โดยญาณทัสสนะ และศาสดาเช่นนี้ย่อมหวังเฉพาะ การรักษา จากพวกสาวกโดยญาณทัสสนะ ดูกรโมคคัลลานะ ศาสดา ๕ จำพวกนี้แล มีปรากฏอยู่ในโลก

            ดูกรโมคคัลลานะ

            เราเป็นผู้มีศีลบริสุทธิ์ ย่อมปฏิญาณว่า เป็นผู้มีศีลบริสุทธิ์ ศีลของเราบริสุทธิ์ ผ่องแผ้ว ไม่เศร้าหมอง พวกสาวกย่อมไม่รักษาเราโดยศีล และเราก็ไม่หวังเฉพาะการ รักษาจากพวกสาวกโดยศีล

            เราเป็นผู้มีอาชีวะบริสุทธิ์ ย่อมปฏิญาณว่า เป็นผู้มีอาชีวะบริสุทธิ์ อาชีวะ ของเราบริสุทธิ์ ผ่องแผ้วไม่เศร้าหมอง พวกสาวกย่อมไม่รักษาเราโดยอาชีวะ และเรา ก็ไม่หวังเฉพาะการรักษาจากพวกสาวกโดยอาชีวะ

            เราเป็นผู้มีธรรมเทศนาบริสุทธิ์ ย่อมปฏิญาณว่าเป็นผู้มีธรรมเทศนาบริสุทธิ์ ธรรมเทศนาของเราบริสุทธิ์ ผ่องแผ้ว ไม่เศร้าหมองพวกสาวกย่อมไม่รักษาเรา โดยธรรมเทศนา และเราก็ไม่หวังเฉพาะการรักษาจากพวกสาวกโดยธรรมเทศนา

            เราเป็นผู้มีไวยากรณ์บริสุทธิ์ ย่อมปฏิญาณว่า เป็นผู้มีไวยากรณ์บริสุทธิ์ ไวยากรณ์ของเราบริสุทธิ์ ผ่องแผ้ว ไม่เศร้าหมอง พวกสาวกย่อมไม่รักษาเรา โดยไวยากรณ์ และเราก็ไม่หวังเฉพาะการรักษาจากพวกสาวกโดยไวยากรณ์

            เราเป็นผู้มีญาณทัสสนะบริสุทธิ์ ย่อมปฏิญาณว่า เป็นผู้มีญาณทัสสนะบริสุทธิ์ ญาณทัสสนะของเราบริสุทธิ์ ผ่องแผ้ว ไม่เศร้าหมองพวกสาวกย่อมไม่รักษาเรา โดยญาณทัสสนะ และเราก็ไม่หวังเฉพาะการรักษาจากพวกสาวกโดยญาณทัสสนะ


 





หนังสือพุทธวจน ธรรมะของพระศาสดา
90 90 90 90
พุทธประวัติ ขุมทรัพย์ อริยสัจ
ภาคต้น
อริยสัจ
ภาคปลาย
ปฏิจจ ปฐมธรรม ตถาคต อนาคามี อินทรีย์
สังวร
สัตว์
สัตตานัง
ทาน
สกทาคามี
ฆราวาส
ชั้นเลิศ
มรรควิธี
ที่ง่าย
อริยวินัย เดรัจฉานวิชา กรรม สมถะ
วิปัสสนา
โสดาบัน นา
ปานสติ
จิต มโน
วิญญาณ
ก้าวย่าง
อย่างพุทธะ
ตามรอย
ธรรม
ภพ ภูมิ
พุทธวจน
สาธยาย
ธรรม
สังโยชน์