เว็บไซต์ อนาคามี เผยแพร่คำพระศาสดา เผยแพร่คำสอนตถาคต เว็บไซต์เผยแพร่พระสุตรคำสอนของพระพุทธเจ้า คลิปคำสอน คลิปสาธยายธรรม
ค้นหาคำที่ต้องการ            

ธรรมของภิกษุผู้เถระ รัชนียสูตร ธรรมที่เป็นเหตุให้กำหนัด..วีตราคสูตร กุหกสูตร อสัทธสูตร อักขมสูตร สีลสูตร 2202
 

พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒

๑. รัชนียสูตร ธรรมที่เป็นเหตุให้กำหนัด (ย่อมโกรธ ในสิ่งอันเป็นที่ตั้งแห่งความโกรธ)
๒. วีตราคสูตร ธรรมของผู้ปราศจากราคะ (ต้องเป็นผู้ไม่ปราศจากความขัดเคือง)
๓. กุหกสูตร ผู้หลอกลวง (ผู้เถระเป็นผู้พูดหลอกลวง หวังลาภ คาดคั้นให้บริจาค)
๔. อสัทธสูตร ภิกษุผู้ไม่มีศรัทธา (เป็นผู้ไม่มีหิริ โอตตัปปะ เกียจคร้าน ปัญญาทราม)
๕. อักขมสูตร ภิกษุผู้ไม่อดทน (ไม่ทนต่อผัสสะทั้ง ๖ ไม่ทนต่อรูป เสียง กลิ่น...)
๖. ปฏิสัมภิทาสูตร ภิกษุผู้แตกฉาน (ในอรรถ ในธรรม ในภาษา แก้ปัญหาได้ทัน)
๗. สีลสูตร ภิกษุผู้มีศีล (มีศีล มีสุตตะ วาจาอ่อนหวาน ได้ฌาณ๔ แจ้งเจโต-ปัญญาวิมุติ)

เรื่องสำคัญของพระพุทธเจ้า
การบำเพ็ญบารมีในอดีตชาติ
การประสูติ แสงสว่าง แผ่นดินไหว
แสวงหาสัจจะบำเพ็ญทุกรกิริยา
ปัญจวัคคีย์หลีก สิ่งที่ตรัสรู้
ตรัสรู้ แสดงเทศนาปัญจวัคคีย์
ปลงสังขาร ปรินิพพาน
ลำดับขั้นการปรินิพพาน
เทวดาแสดงฤทธิ์ขณะถวายเพลิง
แบ่งพระสรีระออกเป็น ๘ ส่วน
 
รวมพระสูตรบุคคลสำคัญ
พระโมคคัลลานะ
พระสารีบุตร
พระเทวทัต
นิครนถ์ปริพาชก
พระมหากัปปินะ
พระอนุรุทธะ
พระอุบาลี
(ดูทั้งหมด)
 
สารบาญพระไตรปิฎก
เล่มที่ ๘-๓๓ (๒๕ เล่ม) ทุกพระสูตร
1. ฉบับหลวง
2. ฉบับมหาจุฬาฯ
3. อรรถกถาไทย
4. ฉบับภาษาบาลี
5. อรรถกถา-บาลี
6. Pali Roman (Roman Script)
7. Atthakatha PaliRoman
 

 


 


พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๐๙

๑. รัชนียสูตร
ธรรมที่เป็นเหตุให้กำหนัด

            [๘๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้เถระประกอบด้วยธรรม ๕ ประการ ย่อมไม่เป็น ที่รัก ไม่เป็นที่พอใจ ไม่เป็นที่เคารพ และไม่เป็นที่ยกย่องของเพื่อนพรหมจรรย์

ธรรม ๕ ประการเป็นไฉน คือ
๑ ภิกษุผู้เถระ ย่อมกำหนัดในสิ่งอันเป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด
๒ ย่อมขัดเคืองในสิ่ง อันเป็นที่ตั้งแห่งความขัดเคือง
๓ ย่อมหลงในสิ่งอันเป็นที่ตั้งแห่งความหลง
๔ ย่อมโกรธ ในสิ่งอันเป็นที่ตั้งแห่งความโกรธ
๕ ย่อมมัวเมาในสิ่ง อันเป็นที่ตั้งแห่งความมัวเมา


            ดูกรภิกษุทั้งหลายภิกษุผู้เถระประกอบด้วยธรรม ๕ ประการนี้แล ย่อมไม่เป็น
ที่รัก ไม่เป็นที่พอใจไม่เป็นที่เคารพ และไม่เป็นที่ยกย่องของเพื่อนพรหมจรรย์

            ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้เป็นเถระประกอบด้วยธรรม ๕ ประการ ย่อมเป็นที่รัก เป็นที่พอใจ เป็นที่เคารพ และเป็นที่ยกย่องของเพื่อนพรหมจรรย

ธรรม ๕ ประการเป็นไฉน คือ
๑ ภิกษุผู้เถระย่อมไม่กำหนัด ในสิ่งอันเป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด
๒ ย่อมไม่ขัดเคืองในสิ่ง อันเป็นที่ตั้งแห่งความขัดเคือง
๓ ย่อมไม่หลงในสิ่งอันเป็นที่ตั้ง แห่งความหลง
๔ ย่อมไม่โกรธในสิ่งอันเป็นที่ตั้งแห่งความโกรธ
๕ ย่อมไม่มัวเมา ในสิ่งอันเป็นที่ตั้งแห่งความมัวเมา

            ดูกรภิกษุทั้งหลายภิกษุผู้เถระประกอบด้วยธรรม ๕ ประการนี้แล ย่อมเป็นที่รัก เป็นที่พอใจ เป็นที่เคารพ และเป็นที่ยกย่องของเพื่อนพรหมจรรย์

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๐๙-๑๑๐

๒. วีตราคสูตร
ธรรมของผู้ปราศจากราคะ

            [๘๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้เถระประกอบด้วยธรรม ๕ ประการย่อมไม่เป็น ที่รัก ไม่เป็นที่พอใจ ไม่เป็นที่เคารพ และไม่เป็นที่ยกย่องของเพื่อนพรหมจรรย์

ธรรม ๕ ประการเป็นไฉน คือ
๑ ภิกษุผู้เถระเป็นผู้ไม่ปราศจากความกำหนัด
๒ เป็นผู้ไม่ปราศจากความขัดเคือง
๓ เป็นผู้ไม่ปราศจากความหลง
๔ เป็นผู้ลบหลู่
๕ เป็นผู้ตีเสมอ

            ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้เถระประกอบด้วยธรรม ๕ ประการนี้แล ย่อมไม่เป็น ที่รัก ไม่เป็นที่พอใจ ไม่เป็นที่เคารพ และไม่เป็นที่ยกย่องของเพื่อนพรหมจรรย์

            ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้เถระประกอบด้วยธรรม ๕ ประการ ย่อมเป็นที่รัก เป็นที่พอใจ เป็นที่เคารพ และเป็นที่ยกย่องของเพื่อนพรหมจรรย์

ธรรม ๕ ประการเป็นไฉน คือ
๑ ภิกษุผู้เถระ เป็นผู้ปราศจากความกำหนัด
๒ เป็นผู้ปราศจากความขัดเคือง
๓ เป็นผู้ปราศจากความหลง
๔ เป็นผู้ไม่ลบหลู่
๕ เป็นผู้ไม่ตีเสมอ

            ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้เถระประกอบด้วยธรรม ๕ ประการนี้แลย่อมเป็นที่รัก เป็นที่พอใจ เป็นที่เคารพ และเป็นที่ยกย่องของเพื่อนพรหมจรรย์

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๑๐-๑๑๑

๓. กุหกสูตร
ผู้หลอกลวง

            [๘๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้เถระประกอบด้วยธรรม ๕ ประการ ย่อมไม่เป็น ที่รัก ไม่เป็นที่พอใจ ไม่เป็นที่เคารพ และไม่เป็นที่ยกย่องของเพื่อนพรหมจรรย์

ธรรม ๕ ประการเป็นไฉน คือ
๑ ภิกษุผู้เถระเป็นผู้พูดหลอกลวง
๒ เป็นผู้พูดหวังลาภ
๓ เป็นผู้พูดเลียบเคียงหาลาภ
๔ เป็นผู้พูดคาดคั้นให้บริจาค
๕ เป็นผู้แสวงหาลาภด้วยลาภ

            ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้เถระประกอบด้วยธรรม ๕ ประการนี้แล ย่อมไม่เป็น ที่รัก ไม่เป็นที่พอใจ ไม่เป็นที่เคารพและไม่เป็นที่ยกย่องของเพื่อนพรหมจรรย์

            ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้เถระประกอบด้วยธรรม ๕ ประการ ย่อมเป็นที่รัก เป็นที่พอใจ เป็นที่เคารพ และเป็นที่ยกย่องของเพื่อนพรหมจรรย์

ธรรม๕ ประการเป็นไฉน คือ
๑ ภิกษุผู้เถระไม่เป็นผู้พูดหลอกลวง
๒ ไม่เป็นผู้พูดหวังลาภ
๓ ไม่เป็นผู้พูดเลียบเคียงหาลาภ
๔ ไม่เป็นผู้พูดคาดคั้นให้บริจาค
๕ ไม่เป็นผู้แสวงหาลาภด้วยลาภ

            ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้เถระประกอบด้วยธรรม ๕ประการนี้แล ย่อมเป็นที่รัก เป็นที่พอใจ เป็นที่เคารพ และเป็นที่ยกย่องของเพื่อนพรหมจรรย์

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๑๑

๔. อสัทธสูตร
ภิกษุผู้ไม่มีศรัทธา

            [๘๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้เถระประกอบด้วยธรรม ๕ ประการ ย่อมไม่เป็น ที่รัก ไม่เป็นที่พอใจ ไม่เป็นที่เคารพ และไม่เป็นที่ยกย่องของเพื่อนพรหมจรรย์

ธรรม ๕ ประการเป็นไฉน คือ
๑ ภิกษุผู้เถระเป็นผู้ไม่มีศรัทธา
๒ เป็นผู้ไม่มีหิริ
๓ เป็นผู้ไม่มีโอตตัปปะ
๔ เป็นผู้เกียจคร้าน
๕ เป็นผู้มีปัญญาทราม


             ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้เถระประกอบด้วยธรรม ๕ ประการนี้แล ย่อมไม่เป็น ที่รัก ไม่เป็นที่พอใจ ไม่เป็นที่เคารพ และไม่เป็นที่ยกย่องของเพื่อนพรหมจรรย์

            ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้เถระประกอบด้วยธรรม ๕ ประการ ย่อมเป็นที่รัก เป็นที่พอใจ เป็นที่เคารพ และเป็นที่ยกย่องของเพื่อนพรหมจรรย์
ธรรม๕ ประการเป็นไฉน คือ
ภิกษุผู้เถระเป็นผู้มีศรัทธา
เป็นผู้มีหิริ
เป็นผู้มีโอตตัปปะ
เป็นผู้ปรารภความเพียร
เป็นผู้มีปัญญา

            ดูกรภิกษุทั้งหลายภิกษุผู้เถระประกอบด้วยธรรม ๕ ประการนี้แล ย่อมเป็นที่รัก เป็นที่พอใจ เป็นที่เคารพ และเป็นที่ยกย่องของเพื่อนพรหมจรรย์


-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๑๑-๑๑๒

๕. อักขมสูตร
ภิกษุผู้ไม่อดทน

            [๘๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้เถระประกอบด้วยธรรม ๕ ประการ ย่อมไม่เป็น ที่รัก ไม่เป็นที่พอใจ ไม่เป็นที่เคารพ และไม่เป็นที่ยกย่องของเพื่อนพรหมจรรย์
ธรรม ๕ ประการเป็นไฉน คือ
๑ ภิกษุเถระเป็นผู้ไม่อดทนต่อรูปารมณ์ (ไม่อดทนรูปที่เห็น)
๒ เป็นผู้ไม่อดทนต่อสัททารมณ์ (เสียงที่ได้ยิน)
๓ เป็นผู้ไม่อดทนต่อคันธารมณ์ (กลิ่น)
๔ เป็นผู้ไม่อดทนต่อรสารมณ์ (รส)
๕ เป็นผู้ไม่อดทนต่อโผฏฐัพพารมณ์
(อารมณ์)

            ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้เถระประกอบด้วยธรรม ๕ ประการนี้แล ย่อมไม่เป็น ที่รัก ไม่เป็นที่พอใจ ไม่เป็นที่เคารพ และไม่เป็นที่ยกย่องของเพื่อนพรหมจรรย์

            ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้เถระประกอบด้วยธรรม ๕ ประการ ย่อมเป็นที่รัก เป็นที่พอใจ เป็นที่เคารพ และเป็นที่ยกย่องของเพื่อนพรหมจรรย์
ธรรม ๕ ประการเป็นไฉน คือ
๑ ภิกษุผู้เถระเป็นผู้อดทนต่อรูปารมณ์
๒ เป็นผู้อดทนต่อสัททารมณ์
๓ เป็นผู้อดทนต่อคันธารมณ์
๔ เป็นผู้อดทนต่อรสารมณ์
๕ เป็นผู้อดทนต่อโผฏฐัพพารมณ์

            ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้เถระประกอบด้วยธรรม ๕ ประการนี้แล ย่อมเป็นที่รัก เป็นที่พอใจ เป็นที่เคารพ และเป็นที่ยกย่องของเพื่อนพรหมจรรย์


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๑๒

๖. ปฏิสัมภิทาสูตร
ภิกษุผู้แตกฉาน

            [๘๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้เถระประกอบด้วยธรรม ๕ ประการ ย่อมเป็น ที่รัก เป็นที่พอใจ เป็นที่เคารพ และเป็นที่ยกย่องของเพื่อนพรหมจรรย์
ธรรม ๕ ประการเป็นไฉน คือ
๑ ภิกษุผู้เถระเป็นผู้ บรรลุ อัตถปฏิสัมภิทา (ความแตกฉานในอรรถ)
๒ เป็นผู้บรรลุ ธรรมปฏิสัมภิทา (แจ้งในธรรม)
๓ เป็นผู้บรรลุ นิรุตติปฏิสัมภิทา (แจ้งในภาษา)
๔ เป็นผู้บรรลุ ปฏิภาณปฏิสัมภิทา (แก้ปัญหาได้ทันการณ์)
๕ เป็นผู้ขยัน ไม่เกียจคร้านในกรณียกิจน้อยใหญ่ ของเพื่อนพรหมจรรย์ที่ควรจัดทำ เป็นผู้ประกอบด้วยปัญญา เครื่องใคร่ครวญวิธีการในกิจนั้น เป็นผู้สามารถเพื่อทำ เป็นผู้สามารถเพื่อจัดแจง

            ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้เถระประกอบด้วยธรรม ๕ ประการนี้แล้ว ย่อมเป็นที่รัก เป็นที่พอใจ เป็นที่เคารพ และเป็นที่ยกย่องของเพื่อนพรหมจรรย์


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๑๓

๗. สีลสูตร
ภิกษุผู้มีศีล

            [๘๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้เถระประกอบด้วยธรรม ๕ ประการย่อมเป็นที่รัก เป็นที่พอใจ เป็นที่เคารพ และเป็นที่ยกย่องของเพื่อนพรหมจรรย์ธรรม ๕ ประการ เป็นไฉน คือ

            ๑ ภิกษุผู้เถระ เป็นผู้มีศีล สำรวมในปาติโมกข สังวร ถึงพร้อมด้วยอาจาระ และ โคจร มีปรกติเห็นภัยในโทษมีประมาณน้อย สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย

            ๒ เป็นพหูสูต ทรงไว้ซึ่งสุตะ สั่งสมสุตะ เป็นผู้ได้สดับมาก ทรงจำไว้ คล่องปาก ขึ้นใจ แทงตลอดด้วยดีด้วยทิฐิ ซึ่งธรรมทั้งหลายอันงามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด ประกาศพรหมจรรย์พร้อมทั้งอรรถ พร้อมทั้งพยัญชนะบริสุทธิ์บริบูรณ์สิ้นเชิง

           ๓ เป็นผู้มี วาจาไพเราะ พูดวาจาอ่อนหวาน ประกอบด้วยวาจาของชาวเมือง ที่ สละสลวย ไม่มีโทษ ให้รู้ความหมายได้

            ๔ เป็นผู้ได้ตามความปรารถนา ได้โดยไม่ยาก ไม่ลำบาก ซึ่งฌาน ๔ อันมีในจิต ยิ่ง เป็นเครื่องอยู่เป็นสุขในปัจจุบัน

            ๕ กระทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุติปัญญาวิมุติอันหาอาสวะมิได้ เพราะอาสวะ ทั้งหลาย สิ้นไป ด้วยปัญญาอันยิ่งเองในปัจจุบัน เข้าถึงอยู่

            ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้เถระประกอบด้วยธรรม ๕ประการนี้แล ย่อมเป็นที่รัก เป็นที่พอใจ เป็นที่เคารพ และเป็นที่ยกย่องของเพื่อนพรหมจรรย์


 





หนังสือพุทธวจน ธรรมะของพระศาสดา
90 90 90 90
พุทธประวัติ ขุมทรัพย์ อริยสัจ
ภาคต้น
อริยสัจ
ภาคปลาย
ปฏิจจ ปฐมธรรม ตถาคต อนาคามี อินทรีย์
สังวร
สัตว์
สัตตานัง
ทาน
สกทาคามี
ฆราวาส
ชั้นเลิศ
มรรควิธี
ที่ง่าย
อริยวินัย เดรัจฉานวิชา กรรม สมถะ
วิปัสสนา
โสดาบัน นา
ปานสติ
จิต มโน
วิญญาณ
ก้าวย่าง
อย่างพุทธะ
ตามรอย
ธรรม
ภพ ภูมิ
พุทธวจน
สาธยาย
ธรรม
สังโยชน์