พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๐๙
๑. รัชนียสูตร
ธรรมที่เป็นเหตุให้กำหนัด
[๘๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้เถระประกอบด้วยธรรม ๕ ประการ ย่อมไม่เป็น ที่รัก ไม่เป็นที่พอใจ ไม่เป็นที่เคารพ และไม่เป็นที่ยกย่องของเพื่อนพรหมจรรย์
ธรรม ๕ ประการเป็นไฉน คือ
๑ ภิกษุผู้เถระ ย่อมกำหนัดในสิ่งอันเป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด
๒
ย่อมขัดเคืองในสิ่ง อันเป็นที่ตั้งแห่งความขัดเคือง
๓
ย่อมหลงในสิ่งอันเป็นที่ตั้งแห่งความหลง
๔
ย่อมโกรธ ในสิ่งอันเป็นที่ตั้งแห่งความโกรธ
๕
ย่อมมัวเมาในสิ่ง อันเป็นที่ตั้งแห่งความมัวเมา
ดูกรภิกษุทั้งหลายภิกษุผู้เถระประกอบด้วยธรรม ๕ ประการนี้แล ย่อมไม่เป็น
ที่รัก ไม่เป็นที่พอใจไม่เป็นที่เคารพ และไม่เป็นที่ยกย่องของเพื่อนพรหมจรรย์
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้เป็นเถระประกอบด้วยธรรม ๕ ประการ ย่อมเป็นที่รัก เป็นที่พอใจ เป็นที่เคารพ และเป็นที่ยกย่องของเพื่อนพรหมจรรย
์
ธรรม ๕ ประการเป็นไฉน คือ
๑
ภิกษุผู้เถระย่อมไม่กำหนัด ในสิ่งอันเป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด
๒
ย่อมไม่ขัดเคืองในสิ่ง อันเป็นที่ตั้งแห่งความขัดเคือง
๓
ย่อมไม่หลงในสิ่งอันเป็นที่ตั้ง แห่งความหลง
๔
ย่อมไม่โกรธในสิ่งอันเป็นที่ตั้งแห่งความโกรธ
๕
ย่อมไม่มัวเมา ในสิ่งอันเป็นที่ตั้งแห่งความมัวเมา
ดูกรภิกษุทั้งหลายภิกษุผู้เถระประกอบด้วยธรรม ๕ ประการนี้แล ย่อมเป็นที่รัก เป็นที่พอใจ เป็นที่เคารพ และเป็นที่ยกย่องของเพื่อนพรหมจรรย์
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๐๙-๑๑๐
๒. วีตราคสูตร
ธรรมของผู้ปราศจากราคะ
[๘๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้เถระประกอบด้วยธรรม ๕ ประการย่อมไม่เป็น ที่รัก ไม่เป็นที่พอใจ ไม่เป็นที่เคารพ และไม่เป็นที่ยกย่องของเพื่อนพรหมจรรย์
ธรรม ๕ ประการเป็นไฉน คือ
๑
ภิกษุผู้เถระเป็นผู้ไม่ปราศจากความกำหนัด
๒
เป็นผู้ไม่ปราศจากความขัดเคือง
๓
เป็นผู้ไม่ปราศจากความหลง
๔
เป็นผู้ลบหลู่
๕
เป็นผู้ตีเสมอ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้เถระประกอบด้วยธรรม ๕ ประการนี้แล ย่อมไม่เป็น ที่รัก ไม่เป็นที่พอใจ ไม่เป็นที่เคารพ และไม่เป็นที่ยกย่องของเพื่อนพรหมจรรย์
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้เถระประกอบด้วยธรรม ๕ ประการ ย่อมเป็นที่รัก เป็นที่พอใจ เป็นที่เคารพ และเป็นที่ยกย่องของเพื่อนพรหมจรรย์
ธรรม ๕ ประการเป็นไฉน คือ
๑
ภิกษุผู้เถระ เป็นผู้ปราศจากความกำหนัด
๒
เป็นผู้ปราศจากความขัดเคือง
๓
เป็นผู้ปราศจากความหลง
๔
เป็นผู้ไม่ลบหลู่
๕ เป็นผู้ไม่ตีเสมอ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้เถระประกอบด้วยธรรม ๕ ประการนี้แลย่อมเป็นที่รัก เป็นที่พอใจ เป็นที่เคารพ และเป็นที่ยกย่องของเพื่อนพรหมจรรย์
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๑๐-๑๑๑
๓. กุหกสูตร
ผู้หลอกลวง
[๘๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้เถระประกอบด้วยธรรม ๕ ประการ ย่อมไม่เป็น ที่รัก ไม่เป็นที่พอใจ ไม่เป็นที่เคารพ และไม่เป็นที่ยกย่องของเพื่อนพรหมจรรย์
ธรรม ๕ ประการเป็นไฉน คือ
๑
ภิกษุผู้เถระเป็นผู้พูดหลอกลวง
๒
เป็นผู้พูดหวังลาภ
๓
เป็นผู้พูดเลียบเคียงหาลาภ
๔
เป็นผู้พูดคาดคั้นให้บริจาค
๕
เป็นผู้แสวงหาลาภด้วยลาภ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้เถระประกอบด้วยธรรม ๕ ประการนี้แล ย่อมไม่เป็น ที่รัก ไม่เป็นที่พอใจ ไม่เป็นที่เคารพและไม่เป็นที่ยกย่องของเพื่อนพรหมจรรย์
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้เถระประกอบด้วยธรรม ๕ ประการ ย่อมเป็นที่รัก เป็นที่พอใจ เป็นที่เคารพ และเป็นที่ยกย่องของเพื่อนพรหมจรรย์
ธรรม๕ ประการเป็นไฉน คือ
๑ ภิกษุผู้เถระไม่เป็นผู้พูดหลอกลวง
๒ ไม่เป็นผู้พูดหวังลาภ
๓ ไม่เป็นผู้พูดเลียบเคียงหาลาภ
๔ ไม่เป็นผู้พูดคาดคั้นให้บริจาค
๕ ไม่เป็นผู้แสวงหาลาภด้วยลาภ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้เถระประกอบด้วยธรรม ๕ประการนี้แล ย่อมเป็นที่รัก เป็นที่พอใจ เป็นที่เคารพ และเป็นที่ยกย่องของเพื่อนพรหมจรรย์
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๑๑
๔. อสัทธสูตร
ภิกษุผู้ไม่มีศรัทธา
[๘๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้เถระประกอบด้วยธรรม ๕ ประการ ย่อมไม่เป็น ที่รัก ไม่เป็นที่พอใจ ไม่เป็นที่เคารพ และไม่เป็นที่ยกย่องของเพื่อนพรหมจรรย์
ธรรม ๕ ประการเป็นไฉน คือ
๑
ภิกษุผู้เถระเป็นผู้ไม่มีศรัทธา
๒
เป็นผู้ไม่มีหิริ
๓
เป็นผู้ไม่มีโอตตัปปะ
๔
เป็นผู้เกียจคร้าน
๕
เป็นผู้มีปัญญาทราม
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้เถระประกอบด้วยธรรม ๕ ประการนี้แล ย่อมไม่เป็น ที่รัก ไม่เป็นที่พอใจ ไม่เป็นที่เคารพ และไม่เป็นที่ยกย่องของเพื่อนพรหมจรรย์
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้เถระประกอบด้วยธรรม ๕ ประการ ย่อมเป็นที่รัก เป็นที่พอใจ เป็นที่เคารพ และเป็นที่ยกย่องของเพื่อนพรหมจรรย์
ธรรม๕ ประการเป็นไฉน คือ
ภิกษุผู้เถระเป็นผู้มีศรัทธา
เป็นผู้มีหิริ
เป็นผู้มีโอตตัปปะ
เป็นผู้ปรารภความเพียร
เป็นผู้มีปัญญา
ดูกรภิกษุทั้งหลายภิกษุผู้เถระประกอบด้วยธรรม ๕ ประการนี้แล ย่อมเป็นที่รัก เป็นที่พอใจ เป็นที่เคารพ และเป็นที่ยกย่องของเพื่อนพรหมจรรย์
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๑๑-๑๑๒
๕. อักขมสูตร
ภิกษุผู้ไม่อดทน
[๘๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้เถระประกอบด้วยธรรม ๕ ประการ ย่อมไม่เป็น ที่รัก ไม่เป็นที่พอใจ ไม่เป็นที่เคารพ และไม่เป็นที่ยกย่องของเพื่อนพรหมจรรย์
ธรรม ๕ ประการเป็นไฉน คือ
๑
ภิกษุเถระเป็นผู้ไม่อดทนต่อรูปารมณ์ (ไม่อดทนรูปที่เห็น)
๒
เป็นผู้ไม่อดทนต่อสัททารมณ์ (เสียงที่ได้ยิน)
๓
เป็นผู้ไม่อดทนต่อคันธารมณ์ (กลิ่น)
๔
เป็นผู้ไม่อดทนต่อรสารมณ์ (รส)
๕
เป็นผู้ไม่อดทนต่อโผฏฐัพพารมณ์ (อารมณ์)
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้เถระประกอบด้วยธรรม ๕ ประการนี้แล ย่อมไม่เป็น ที่รัก ไม่เป็นที่พอใจ ไม่เป็นที่เคารพ และไม่เป็นที่ยกย่องของเพื่อนพรหมจรรย์
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้เถระประกอบด้วยธรรม ๕ ประการ ย่อมเป็นที่รัก เป็นที่พอใจ เป็นที่เคารพ และเป็นที่ยกย่องของเพื่อนพรหมจรรย์
ธรรม ๕ ประการเป็นไฉน คือ
๑
ภิกษุผู้เถระเป็นผู้อดทนต่อรูปารมณ์
๒
เป็นผู้อดทนต่อสัททารมณ์
๓
เป็นผู้อดทนต่อคันธารมณ์
๔
เป็นผู้อดทนต่อรสารมณ์
๕
เป็นผู้อดทนต่อโผฏฐัพพารมณ์
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้เถระประกอบด้วยธรรม ๕ ประการนี้แล ย่อมเป็นที่รัก เป็นที่พอใจ เป็นที่เคารพ และเป็นที่ยกย่องของเพื่อนพรหมจรรย์
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๑๒
๖. ปฏิสัมภิทาสูตร
ภิกษุผู้แตกฉาน
[๘๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้เถระประกอบด้วยธรรม ๕ ประการ ย่อมเป็น ที่รัก เป็นที่พอใจ เป็นที่เคารพ และเป็นที่ยกย่องของเพื่อนพรหมจรรย์
ธรรม ๕ ประการเป็นไฉน คือ
๑
ภิกษุผู้เถระเป็นผู้ บรรลุ อัตถปฏิสัมภิทา (ความแตกฉานในอรรถ)
๒
เป็นผู้บรรลุ ธรรมปฏิสัมภิทา (แจ้งในธรรม)
๓
เป็นผู้บรรลุ นิรุตติปฏิสัมภิทา (แจ้งในภาษา)
๔
เป็นผู้บรรลุ ปฏิภาณปฏิสัมภิทา (แก้ปัญหาได้ทันการณ์)
๕
เป็นผู้ขยัน ไม่เกียจคร้านในกรณียกิจน้อยใหญ่ ของเพื่อนพรหมจรรย์ที่ควรจัดทำ เป็นผู้ประกอบด้วยปัญญา เครื่องใคร่ครวญวิธีการในกิจนั้น เป็นผู้สามารถเพื่อทำ เป็นผู้สามารถเพื่อจัดแจง
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้เถระประกอบด้วยธรรม ๕ ประการนี้แล้ว ย่อมเป็นที่รัก เป็นที่พอใจ เป็นที่เคารพ และเป็นที่ยกย่องของเพื่อนพรหมจรรย์
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๑๓
๗. สีลสูตร
ภิกษุผู้มีศีล
[๘๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้เถระประกอบด้วยธรรม ๕ ประการย่อมเป็นที่รัก เป็นที่พอใจ เป็นที่เคารพ และเป็นที่ยกย่องของเพื่อนพรหมจรรย์ธรรม ๕ ประการ เป็นไฉน คือ
๑ ภิกษุผู้เถระ เป็นผู้มีศีล สำรวมในปาติโมกข สังวร ถึงพร้อมด้วยอาจาระ และ โคจร มีปรกติเห็นภัยในโทษมีประมาณน้อย สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย
๒ เป็นพหูสูต ทรงไว้ซึ่งสุตะ สั่งสมสุตะ เป็นผู้ได้สดับมาก ทรงจำไว้ คล่องปาก ขึ้นใจ แทงตลอดด้วยดีด้วยทิฐิ ซึ่งธรรมทั้งหลายอันงามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด ประกาศพรหมจรรย์พร้อมทั้งอรรถ พร้อมทั้งพยัญชนะบริสุทธิ์บริบูรณ์สิ้นเชิง
๓ เป็นผู้มี วาจาไพเราะ พูดวาจาอ่อนหวาน ประกอบด้วยวาจาของชาวเมือง ที่ สละสลวย ไม่มีโทษ ให้รู้ความหมายได้
๔ เป็นผู้ได้ตามความปรารถนา ได้โดยไม่ยาก ไม่ลำบาก ซึ่งฌาน ๔ อันมีในจิต ยิ่ง เป็นเครื่องอยู่เป็นสุขในปัจจุบัน
๕ กระทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุติปัญญาวิมุติอันหาอาสวะมิได้ เพราะอาสวะ ทั้งหลาย สิ้นไป ด้วยปัญญาอันยิ่งเองในปัจจุบัน เข้าถึงอยู่
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้เถระประกอบด้วยธรรม ๕ประการนี้แล ย่อมเป็นที่รัก เป็นที่พอใจ เป็นที่เคารพ และเป็นที่ยกย่องของเพื่อนพรหมจรรย์
|