พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๑๕
๙. เสขสูตรที่ ๑
[๘๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๕ ประการนี้ ย่อมเป็นไปเพื่อความเสื่อม แก่ ภิกษุผู้เสขะ ธรรม ๕ ประการเป็นไฉน คือ
ความเป็นผู้ยินดีในการก่อสร้าง ๑
ความเป็นผู้ยินดีในการเจรจาปราศรัย ๑
ความเป็นผู้ยินดีในการนอน ๑
ความเป็นผู้ยินดีในการคลุกคลีด้วยหมู่คณะ ๑
ไม่พิจารณาจิตตามที่หลุดพ้นแล้ว ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๕ ประการนี้แล ย่อมเป็นไปเพื่อความเสื่อมแก่ภิกษุ ผู้เสขะ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๕ ประการนี้ ย่อมเป็นไปเพื่อความไม่เสื่อม แก่ ภิกษุผู้เสขะ ธรรม ๕ ประการเป็นไฉน คือ
ความเป็นผู้ไม่ยินดีในการก่อสร้าง ๑
ความเป็นผู้ไม่ยินดีในการเจรจาปราศรัย ๑
ความเป็นผู้ไม่ยินดีในการนอน ๑
ความเป็นผู้ไม่ยินดีในการคลุกคลีด้วยหมู่คณะ ๑
พิจารณาจิตตามที่หลุดพ้นแล้ว ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๕ ประการนี้แล ย่อมเป็นไปเพื่อความไม่เสื่อมแก่ภิกษุ ผู้เสขะ
----------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๑๕ - ๑๑๗
๑๐. เสขสูตรที่ ๒
[๙๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๕ ประการนี้ ย่อมเป็นไปเพื่อความเสื่อม แก่ภิกษุผู้เสขะ ธรรม ๕ ประการเป็นไฉน คือ
ภิกษุผู้เสขะ ในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้มีกิจมาก มีกรณียมาก ไม่ฉลาดในกิจน้อยกิจ ใหญ่ ละการหลีกออกเร้น ไม่ประกอบความสงบใจ ณ ภายใน ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นธรรมข้อที่ ๑ เป็นไปเพื่อความเสื่อมแก่ภิกษุผู้เสขะ
อีกประการหนึ่ง ภิกษุผู้เสขะ ย่อมปล่อยให้วันเวลาล่วงไป เพราะการงาน เล็กน้อย ละการหลีกออกเร้น ไม่ประกอบความสงบใจ ณ ภายใน ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นธรรมข้อที่ ๒ เป็นไปเพื่อความเสื่อมแก่ภิกษุผู้เสขะ
อีกประการหนึ่ง ภิกษุผู้เสขะ ย่อมคลุกคลีด้วยคฤหัสถ์ และบรรพชิต ด้วยการ คลุกคลีกับคฤหัสถ์ อันไม่สมควร ละการหลีกออกเร้น ไม่ประกอบความสงบใจณ ภายใน ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นธรรมข้อที่ ๓ เป็นไปเพื่อความเสื่อมแก่ภิกษุผู้เสขะ
อีกประการหนึ่ง ภิกษุผู้เสขะ ย่อมเข้าไปบ้านในเวลาเช้านัก กลับมาในเวลา สายนัก ละการหลีกออกเร้น ไม่ประกอบความสงบใจ ณ ภายใน ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นธรรมข้อที่ ๔ เป็นไปเพื่อความเสื่อมแก่ภิกษุผู้เสขะ
อีกประการหนึ่ง ภิกษุผู้เสขะ ย่อมไม่เป็นผู้ได้ตามปรารถนา ไม่เป็นผู้ได้ โดยยาก ได้โดยลำบาก ซึ่งกถาที่เป็นไปเพื่อขัดเกลากิเลส เป็นที่สบายแก่ธรรมเครื่อง โปร่งจิต คือ อัปปิจฉกถา สันตุฏฐิกถา ปวิเวกกถา อสังสัคคกถาวิริยารัมภกถา สีลกถา สมาธิกถา ปัญญากถา วิมุตติกถา วิมุตติญาณทัสสนกถาละการหลีกออกเร้น ไม่ประกอบความ สงบใจ ณ ภายใน ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นธรรมข้อที่ ๕ เป็นไปเพื่อความเสื่อมแก่ภิกษุ ผู้เสขะ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรม๕ ประการนี้แล เป็นไปเพื่อความเสื่อมแก่ภิกษุผู้เสขะ
------------------------------------------------------------------------------------------------------
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๕ ประการนี้ ย่อมเป็นไปเพื่อความไม่เสื่อมแก่ ภิกษุผู้เสขะ ธรรม ๕ ประการเป็นไฉน คือ
ภิกษุผู้เสขะ ในธรรมวินัยนี้ ไม่เป็นผู้มีกิจมาก ไม่มีกรณียมาก ฉลาดในกิจน้อย กิจใหญ่ ไม่ละการหลีกออกเร้น ประกอบความสงบใจ ณ ภายในดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นธรรมข้อที่ ๑ เป็นไปเพื่อความไม่เสื่อมแก่ภิกษุผู้เสขะ
อีกประการหนึ่ง ภิกษุผู้เสขะ ย่อมไม่ปล่อยให้วันเวลาล่วงไป เพราะการงาน เล็กน้อย ไม่ละการหลีกออกเร้น ประกอบความสงบใจ ณ ภายใน ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นธรรมข้อที่ ๒ เป็นไปเพื่อความไม่เสื่อมแก่ภิกษุผู้เสขะ
อีกประการหนึ่ง ภิกษุผู้เสขะ ย่อมไม่คลุกคลีด้วยคฤหัสถ์และบรรพชิต ด้วยการ คลุกคลีกับคฤหัสถ์ อันไม่สมควร ไม่ละการหลีกออกเร้น ประกอบความสงบใจ ณ ภายใน ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นธรรมข้อที่ ๓ เป็นไปเพื่อความไม่เสื่อมแก่ภิกษุผู้เสขะ
อีกประการหนึ่ง ภิกษุผู้เสขะ ย่อมไม่เข้าไปบ้านในเวลาเช้านัก ไม่กลับในเวลา สายนัก ไม่ละการหลีกออกเร้น ประกอบความสงบใจ ณ ภายใน ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นธรรมข้อที่ ๔ เป็นไปเพื่อความไม่เสื่อมแก่ภิกษุผู้เสขะ
อีกประการหนึ่ง ภิกษุผู้เสขะ ย่อมเป็นผู้ได้ตามปรารถนา ได้โดยไม่ยากโดย ไม่ลำบาก ซึ่งกถาอันเป็นไปเพื่อขัดเกลากิเลส เป็นที่สบายแก่ธรรมเครื่องโปร่งจิต คือ อัปปิจฉกถา สันตุฏฐิกถา ปวิเวกกถา อสังสัคคกถา วิริยารัมภกถา สีลกถา สมาธิกถา ปัญญากถา วิมุตติกถา วิมุตติญาณทัสสนกถา ไม่ละการหลีกออกเร้น ประกอบความ สงบใจ ณ ภายใน ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นธรรมข้อที่ ๕ เป็นไปเพื่อความไม่เสื่อมแก่ ภิกษุผู้เสขะ
ดูกรภิกษุทั้งหลายธรรม ๕ ประการนี้แล ย่อมเป็นไปเพื่อความไม่เสื่อมแก่ภิกษุ ผู้เสขะ
|