พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๔ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๓๑๖-๓๒๗
ทุติยวรรคที่ ๒
[๑๙๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๑๐ ประการเป็นผู้ถูก ทอดทิ้งไว้ในนรก เหมือนสิ่งของที่เขานำมาทอดทิ้งไว้
ธรรม ๑๐ ประการเป็นไฉน คือ (อกุศลกรรมบถ๑๐)
เป็นผู้ฆ่าสัตว์ ๑ ลักทรัพย์ ๑ ประพฤติผิดในกาม ๑ พูดเท็จ ๑ พูดส่อเสียด ๑ พูดคำหยาบ ๑ พูดเพ้อเจ้อ ๑ อยากได้ของผู้อื่น ๑ มีจิตปองร้าย ๑ มีความเห็นผิด ๑ (อกุศลกรรมบถ๑๐)
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๑๐ ประการนี้แลเป็นผู้ถูกทอดทิ้ง ไว้ ในนรก เหมือนสิ่งของที่เขานำมาทอดทิ้งไว้
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๑๐ ประการเป็นผู้ถูกเชิญมาไว้ ในสวรรค์ เหมือนสิ่งของที่เขานำมาประดิษฐานไว้
ธรรม ๑๐ ประการเป็นไฉน คือ (กุศลกรรมบถ๑๐)
เป็นผู้เว้นขาดจากการฆ่าสัตว์ ๑ จากการลักทรัพย์ ๑ จากการประพฤติผิดในกาม ๑ จากการพูดเท็จ ๑ จากการพูดส่อเสียด ๑ จากการพูดคำหยาบ ๑ จากการพูดเพ้อเจ้อ ๑ ไม่อยากได้ของผู้อื่น ๑ มีจิตไม่ปองร้าย ๑ มีความเห็นชอบ ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๑๐ ประการนี้แล ย่อมเป็นผู้ถูก เชิญมาไว้ ในสวรรค์ เหมือนสิ่งของที่เขานำมาประดิษฐานไว้
-------------------------------------------------------------------------------------------------------
[๑๙๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๒๐ ประการ เป็นผู้ถูก ทอดทิ้งไว้ในนรก เหมือนสิ่งของที่เขานำมาทอดทิ้งไว้
๒๐ ประการเป็นไฉน คือ
เป็นผู้ฆ่าสัตว์ด้วยตนเอง ๑
ชักชวนผู้อื่นในการฆ่าสัตว์ ๑
ลักทรัพย์ด้วยตนเอง ๑
ชักชวนผู้อื่นในการลักทรัพย์ ๑
ประพฤติผิดในกามด้วยตนเอง ๑
ชักชวนผู้อื่นในการประพฤติผิดในกาม ๑
พูดเท็จด้วยตนเอง ๑
ชักชวนผู้อื่นในการพูดเท็จ ๑
พูดส่อเสียดด้วยตนเอง ๑
ชักชวนผู้อื่นในการพูดส่อเสียด ๑
พูดคำหยาบด้วยตนเอง ๑
ชักชวนผู้อื่นในการพูดคำหยาบ ๑
พูดเพ้อเจ้อด้วยตนเอง ๑
ชักชวนผู้อื่นในการพูดเพ้อเจ้อ ๑
อยากได้ของผู้อื่นด้วยตนเอง ๑
ชักชวนผู้อื่นในการอยากได้ของผู้อื่น ๑
คิดปองร้ายด้วยตนเอง ๑
ชักชวนผู้อื่นในการปองร้าย ๑
มีความเห็นผิดด้วยตนเอง ๑
ชักชวนผู้อื่นในการเห็นผิด ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๒๐ ประการนี้แล เป็นผู้ถูก ทอดทิ้ง ไว้ในนรก เหมือนสิ่งของที่เขานำมาทอดทิ้งไว้
-------------------------------------------------------------------------------------------------------
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๒๐ ประการ เป็นผู้ถูกเชิญมาไว้ ในสวรรค์ เหมือนสิ่งของที่เขานำมาประดิษฐานไว้
๒๐ ประการเป็นไฉน คือ
เป็นผู้เว้นขาดจากการฆ่าสัตว์ด้วยตนเอง ๑
ชักชวนผู้อื่นในการเว้นจากฆ่าสัตว์ ๑
เว้นขาดจากการลักทรัพย์ด้วยตนเอง ๑
ชักชวนผู้อื่นในการเว้นจากการลักทรัพย์
๑
เว้นขาดจากการประพฤติผิดในกามด้วยตนเอง ๑ ชักชวนผู้อื่นในการเว้นจากการประพฤติผิดในกาม ๑
เว้นขาดจากการพูดเท็จด้วยตนเอง ๑
ชักชวนผู้อื่นในการเว้นจากการพูดเท็จ ๑
เว้นขาดจากการพูดส่อเสียดด้วยตนเอง ๑
ชักชวนผู้อื่นในการเว้นจากการพูดส่อเสียด ๑
เว้นขาดจากการพูดคำหยาบด้วยตนเอง ๑
ชักชวนผู้อื่นในการเว้นจากการพูดคำหยาบ ๑
เว้นขาดจากการพูดเพ้อเจ้อด้วยตนเอง ๑
ชักชวนผู้อื่นในการเว้นจากการพูดคำเพ้อเจ้อ ๑
ไม่อยากได้ของผู้อื่นด้วยตนเอง ๑
ชักชวนผู้อื่นในการไม่อยากได้ของผู้อื่น ๑
ไม่คิดปองร้ายด้วยตนเอง ๑
ชักชวนผู้อื่นในการไม่ปองร้าย ๑
เห็นชอบด้วยตนเอง ๑
ชักชวนผู้อื่นในการเห็นชอบ ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๒๐ ประการนี้แล เป็นผู้ถูกเชิญ มาไว้ในสวรรค์ เหมือนสิ่งของที่เขานำมาประดิษฐานไว้
-------------------------------------------------------------------------------------------------------
[๒๐๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๓๐ ประการ เป็นผู้ถูกทอดทิ้งไว้ในนรก เหมือนสิ่งของที่นำเขามาทอดทิ้งไว้
ธรรม ๓๐ ประการเป็นไฉน คือ
เป็นผู้ฆ่าสัตว์ด้วยตนเอง ๑
ชักชวนผู้อื่นในการฆ่าสัตว์ ๑
พอใจในการฆ่าสัตว์ ๑
ลักทรัพย์ด้วยตนเอง ๑
ชักชวนผู้อื่นในการลักทรัพย์ ๑
พอใจในการลักทรัพย์ ๑
ประพฤติผิดในกามด้วยตนเอง ๑
ชักชวนผู้อื่นในการประพฤติผิดในกาม ๑
พอใจในการประพฤติผิดในกาม ๑
พูดเท็จด้วยตนเอง ๑
ชักชวนผู้อื่นในการพูดเท็จ ๑
พอใจการพูดเท็จ ๑
พูดส่อเสียดด้วยตนเอง ๑
ชักชวนผู้อื่นในการพูดส่อเสียด ๑
พอใจในการพูดส่อเสียด ๑
พูดคำหยาบด้วยตนเอง ๑
ชักชวนผู้อื่นในการพูดคำหยาบ ๑
พอใจในการพูดคำหยาบ ๑
พูดเพ้อเจ้อด้วยตนเอง ๑
ชักชวนผู้อื่นในการพูดเพ้อเจ้อ ๑
พอใจในการพูดเพ้อเจ้อ ๑
อยากได้ของผู้อื่นด้วยตนเอง ๑
ชักชวนผู้อื่นในการอยากได้ของผู้อื่น ๑
พอใจในการ อยากได้ของผู้อื่น ๑
มีจิตคิดปองร้ายด้วยตนเอง ๑
ชักชวนผู้อื่นในการปองร้าย ๑
พอใจในการปองร้าย ๑
มีความเห็นผิดด้วยตนเอง ๑
ชักชวนผู้อื่นในการเห็นผิด ๑
พอใจในความเห็นผิด ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๓๐ ประการนี้แล เป็นผู้ถูก ทอดทิ้งไว้ในนรก เหมือนสิ่งของที่เขานำมาทอดทิ้งไว้
-------------------------------------------------------------------------------------------------------
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๓๐ ประการ เป็นผู้ถูกเชิญ มาไว้ในสวรรค์ เหมือนสิ่งของที่เขานำมาประดิษฐานไว้
ธรรม ๓๐ ประการเป็นไฉน คือ
เป็นผู้เว้นขาดจากการฆ่าสัตว์ด้วยตนเอง ๑
ชักชวนผู้อื่นในการเว้นจากการฆ่าสัตว์ ๑
พอใจในการเว้นจากการฆ่าสัตว์ ๑
เว้นขาดจากการลักทรัพย์ด้วยตนเอง ๑
ชักชวนผู้อื่นในการเว้นจากการลักทรัพย์ ๑
พอใจในการเว้นจากการลักทรัพย์ ๑
เว้นขาดจากการประพฤติผิดในกามด้วยตนเอง ๑
ชักชวนผู้อื่นในการเว้นจากการประพฤติผิดในกาม ๑
พอใจในการเว้นจากการประพฤติผิดในกาม ๑
เว้นขาดจากการพูดเท็จด้วยตนเอง ๑
ชักชวนผู้อื่นในการเว้นจากการพูดเท็จ ๑
พอใจในการเว้นจากการพูดเท็จ ๑
เว้นขาดจากการพูดส่อเสียดด้วยตนเอง ๑
ชักชวนผู้อื่นในการเว้นจากการพูดส่อเสียด ๑
พอใจในการเว้นจากการพูดส่อเสียด ๑
เว้นขาดจากการพูดคำหยาบด้วยตนเอง ๑
ชักชวนผู้อื่นในการเว้นจากการพูดคำหยาบ ๑
พอใจในการเว้นจากการพูดคำหยาบ ๑
เว้นขาดจากการพูดเพ้อเจ้อด้วยตนเอง ๑
ชักชวนผู้อื่นในการเว้นจากการพูดเพ้อเจ้อ ๑
พอใจในการเว้นจากการพูดเพ้อเจ้อ ๑
ไม่อยากได้ของผู้อื่นด้วยตนเอง ๑
ชักชวนผู้อื่นในการไม่อยากได้ของผู้อื่น ๑
พอใจใน การไม่อยากได้ของผู้อื่น ๑
มีจิตไม่ปองร้ายด้วยตนเอง ๑
ชักชวนผู้อื่นในการไม่ปองร้าย ๑
พอใจในการไม่ปองร้าย ๑
มีความเห็นชอบด้วยตนเอง ๑
ชักชวนผู้อื่นในการเห็นชอบ ๑
พอใจในการเห็นชอบ ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๓๐ ประการนี้แล เป็นผู้ถูกเชิญ มา ไว้ในสวรรค์ เหมือนสิ่งของที่เขานำมาประดิษฐานไว้
-------------------------------------------------------------------------------------------------------
[๒๐๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๔๐ ประการ เป็นผู้ถูกทอดทิ้งไว้ในนรก เหมือนสิ่งของที่เขานำมาทอดทิ้งไว้
ธรรม ๔๐ ประการ เป็นไฉน คือ (อกุศลกรรมบถ ๑๐ ขยายไป ๔ นัยยะ)เป็นผู้ฆ่าสัตว์ด้วยตนเอง ๑
ชักชวนผู้อื่นในการฆ่าสัตว์ ๑
พอใจในการฆ่าสัตว์ ๑
กล่าวสรรเสริญการฆ่าสัตว์ ๑
ลักทรัพย์ด้วยตนเอง ๑
ชักชวนผู้อื่นในการลักทรัพย์ ๑
พอใจในการลักทรัพย์ ๑
กล่าวสรรเสริญการลักทรัพย์ ๑
ประพฤติผิดในกามด้วยตนเอง ๑
ชักชวนผู้อื่นในการประพฤติผิดในกาม ๑
พอใจในการประพฤติผิดในกาม ๑
กล่าวสรรเสริญการประพฤติผิดในกาม ๑
พูดเท็จด้วยตนเอง ๑
ชักชวนผู้อื่นในการพูดเท็จ ๑
พอใจในการพูดเท็จ ๑
กล่าวสรรเสริญการพูดเท็จ ๑
พูดส่อเสียดด้วยตนเอง ๑
ชักชวนผู้อื่นในการพูดส่อเสียด ๑
พอใจในการพูดส่อเสียด ๑
กล่าวสรรเสริญการพูดส่อเสียด ๑
พูดคำหยาบด้วยตนเอง ๑
ชักชวนผู้อื่นในการพูดคำหยาบ ๑
พอใจในการพูดคำหยาบ ๑
กล่าวสรรเสริญการพูดคำหยาบ ๑
พูดเพ้อเจ้อด้วยตนเอง ๑
ชักชวนผู้อื่นในการพูดเพ้อเจ้อ ๑
พอใจในการพูดเพ้อเจ้อ ๑
กล่าวสรรเสริญการพูดเพ้อเจ้อ ๑
อยากได้ของผู้อื่นด้วยตนเอง ๑
ชักชวนผู้อื่นในการอยากได้ของผู้อื่น ๑
พอใจในการอยากได้ของผู้อื่น ๑
กล่าวสรรเสริญการอยากได้ของผู้อื่น ๑
มีจิตปองร้ายด้วยตนเอง ๑
ชักชวนผู้อื่นในการปองร้าย ๑
พอใจในการปองร้าย ๑
กล่าวสรรเสริญการปองร้าย ๑
มีความเห็นผิดด้วยตนเอง ๑
ชักชวนผู้อื่นในความเห็นผิด ๑
พอใจในความเห็นผิด ๑
กล่าวสรรเสริญความเห็นผิด ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๔๐ ประการนี้แล เป็นผู้ถูก ทอดทิ้ง ไว้ในนรกเหมือนสิ่งของที่เขานำมาทอดทิ้งไว้
-------------------------------------------------------------------------------------------------------
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๔๐ ประการ เป็นผู้ถูกเชิญมา ไว้ในสวรรค์
ธรรม ๔๐ ประการเป็นไฉน คือ (กุศลกรรมบถ ๑๐ ขยายไป ๔ นัยยะ)
เป็นผู้เว้นจากการฆ่าสัตว์ด้วยตนเอง ๑
ชักชวนผู้อื่นในการเว้นจากการฆ่าสัตว์ ๑
พอใจในการเว้นจากการฆ่าสัตว์ ๑
กล่าวสรรเสริญการเว้นจากการฆ่าสัตว์ ๑
เว้นขาดจากการลักทรัพย์ด้วยตนเอง ๑
ชักชวนผู้อื่นในการเว้นจากการลักทรัพย์ ๑
พอใจในการเว้นจากการลักทรัพย์ ๑
กล่าวสรรเสริญการเว้นจากการลักทรัพย์ ๑
เว้นขาดจากการประพฤติผิดในกามด้วยตนเอง ๑ ชักชวนผู้อื่นในการเว้นจากการประพฤติผิดในกาม ๑ พอใจในการเว้นจากการประพฤติผิดในกาม ๑ กล่าวสรรเสริญการเว้นจากการประพฤติผิดในกาม ๑
เว้นขาดจากการพูดเท็จด้วยตนเอง ๑
ชักชวนผู้อื่นในการเว้นจากการพูดเท็จ ๑
พอใจในการเว้นจากการพูดเท็จ ๑
กล่าวสรรเสริญการเว้นจากการพูดเท็จ ๑
เว้นขาดจากการพูดส่อเสียดด้วยตนเอง ๑
ชักชวนผู้อื่นในการเว้นจากการพูดส่อเสียด ๑
พอใจในการเว้นจากการพูดส่อเสียด ๑
กล่าวสรรเสริญการเว้นจากการพูดส่อเสียด ๑
เว้นขาดจากการพูดคำหยาบด้วยตนเอง ๑
ชักชวนผู้อื่นในการเว้นจากการพูดคำหยาบ ๑
พอใจในการเว้นจากการพูดคำหยาบ ๑
กล่าวสรรเสริญการเว้นจากการพูดคำหยาบ ๑
เว้นขาดจากการพูดเพ้อเจ้อด้วยตนเอง ๑
ชักชวนผู้อื่นในการเว้นจากการพูดเพ้อเจ้อ ๑
พอใจในการเว้นจากการพูดเพ้อเจ้อ ๑
กล่าวสรรเสริญการเว้นจากการพูดเพ้อเจ้อ ๑
ไม่อยากได้ของผู้อื่นด้วยตนเอง ๑
ชักชวนผู้อื่นในการไม่อยากได้ของผู้อื่น ๑
พอใจในการไม่อยากได้ของผู้อื่น ๑
กล่าวสรรเสริญการไม่อยากได้ของผู้อื่น ๑
มีจิตไม่ปองร้ายด้วยตนเอง ๑
ชักชวนผู้อื่นในการไม่ปองร้าย ๑
พอใจในการไม่ปองร้าย ๑
กล่าวสรรเสริญการไม่ปองร้าย ๑
มีความเห็นชอบด้วยตนเอง ๑
ชักชวนผู้อื่นในความ เห็นชอบ ๑
พอใจในความเห็นชอบ ๑
กล่าวสรรเสริญความเห็นชอบ ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๔๐ ประการนี้แล เป็นผู้ถูกเชิญมา ไว้ในสวรรค์ เหมือนสิ่งของที่เขานำมาประดิษฐานไว้
-------------------------------------------------------------------------------------------------------
[๒๐๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๑๐ ประการ ย่อมบริหารตนให้ถูกกำจัดถูกทำลาย ธรรม ๑๐ ประการเป็นไฉน คือเป็นผู้ฆ่าสัตว์ ฯลฯ มีความเห็นผิด ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๑๐ ประการนี้แล (อกุศลกรรมบถ๑๐) ย่อมบริหารตนให้ถูกกำจัด ถูกทำลาย
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๑๐ ประการ ย่อมบริหารตน ไม่ให้ถูกกำจัด ไม่ให้ถูกทำลาย ธรรม ๑๐ ประการเป็นไฉน คือ เป็นผู้เว้นขาดจาก การฆ่าสัตว์ ฯลฯ มีความเห็นชอบ ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๑๐ ประการนี้แล ย่อมบริหารตนไม่ให้ถูกกำจัด ไม่ให้ถูกทำลาย
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๒๐ ประการ ย่อมบริหารตน ให้ถูกกำจัด ถูกทำลาย ธรรม ๒๐ ประการเป็นไฉน คือ เป็นผู้ฆ่าสัตว์ด้วยตนเอง ฯลฯ ชักชวนผู้อื่นในความเห็นผิด ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๒๐ ประการนี้แล ย่อมบริหารตนให้ถูกกำจัด ถูกทำลาย
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๒๐ ประการ ย่อมบริหารตน ไม่ให้ถูกกำจัด ไม่ให้ถูกทำลาย ธรรม ๒๐ ประการเป็นไฉน คือ เป็นผู้เว้นขาดจาก การฆ่าสัตว์ด้วยตนเอง ฯลฯ ชักชวนผู้อื่นในความเห็นชอบ ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ ประกอบด้วยธรรม ๒๐ ประการนี้แล ย่อมบริหารตนไม่ให้ถูกกำจัด ไม่ให้ถูกทำลาย
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๓๐ ประการ ย่อมบริหารตน ให้ถูกกำจัด ถูกทำลาย ธรรม ๓๐ ประการเป็นไฉน คือ เป็นผู้ฆ่าสัตว์ด้วยตนเอง ฯลฯ พอใจในความเห็นผิด ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๓๐ ประการนี้แล ย่อมบริหารตนให้ถูกกำจัด ถูกทำลาย
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๓๐ ประการ ย่อมบริหารตน ไม่ให้ถูกกำจัด ไม่ให้ถูกทำลาย ธรรม ๓๐ ประการเป็นไฉน คือเป็นผู้เว้นขาดจาก การฆ่าสัตว์ด้วยตนเอง ฯลฯ พอใจในความเห็นชอบ ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบ ด้วยธรรม ๓๐ ประการนี้แล ย่อมบริหารตนไม่ให้ถูกกำจัด ไม่ให้ถูกทำลาย
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๔๐ ประการ ย่อมบริหารตน ให้ถูกกำจัด ถูกทำลาย ธรรม ๔๐ ประการเป็นไฉน คือ เป็นผู้ฆ่าสัตว์ด้วยตนเอง ฯลฯ กล่าวสรรเสริญความเห็นผิด ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๔๐ ประการ นี้แล ย่อมบริหารตนให้ถูกกำจัด ถูกทำลาย
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๔๐ ประการ ย่อมบริหารตน ไม่ให้ถูกกำจัด ไม่ให้ถูกทำลาย ธรรม ๔๐ ประการเป็นไฉน คือ เป็นผู้เว้นขาดจาก การฆ่าสัตว์ด้วยตนเอง ฯลฯ กล่าวสรรเสริญความเห็นชอบ ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ ประกอบด้วยธรรม ๔๐ ประการนี้แล ย่อมบริหารตนไม่ให้ถูกกำจัด ไม่ให้ถูกทำลาย |