พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๔ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๓๔๔-๓๔๖
โมรนิวาปนสูตร
ผู้สำเร็จล่วงส่วน
(ตรัสกับภิกษูทั้งหลาย)
[๒๑๗] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ ปริพาชการาม อันเป็นที่ให้ เหยื่อ แก่นกยูง ใกล้พระนครราชคฤห์ ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคได้ตรัสเรียก ภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคแล้ว พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุประกอบด้วยธรรม ๓ ประการ ย่อมเป็นผู้
มีความสำเร็จล่วงส่วน
มีความเกษมจากโยคะล่วงส่วน
มีพรหมจรรย์ล่วงส่วน
มีที่สุดล่วงส่วน
เป็นผู้ประเสริฐสุดกว่าเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
(ผู้ล่วงส่วนนัยยะที่๑ เป็นผู้ประกอบด้วยธรรม ๓ ประการ)
ธรรม ๓ ประการเป็นไฉน คือ
๑ ศีลขันธ์ อันเป็นของพระอเสขะ
๒ สมาธิขันธ์ อันเป็นของพระอเสขะ
๓ ปัญญาขันธ์ อันเป็นของ พระอเสขะ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๓ ประการนี้แล ย่อมเป็นผู้มีความ สำเร็จล่วงส่วน มีความเกษมจากโยคะล่วงส่วน มีพรหมจรรย์ล่วงส่วน มีที่สุดล่วงส่วน เป็นผู้ประเสริฐสุดกว่าเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
----------------------------------------------------------------------------------------------------------
(ผู้ล่วงส่วนนัยยะที่๒)
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๓ ประการ แม้อื่นอีก ย่อมเป็นผู้มี ความสำเร็จล่วงส่วน มีความเกษมจากโยคะล่วงส่วน มีพรหมจรรย์ล่วงส่วน เป็นผู้ประเสริฐสุด กว่าเทวดา และมนุษย์ทั้งหลาย
ธรรม ๓ ประการเป็นไฉน คือ
๑ อิทธิปฏิหาริย์
๒ อาเทสนาปาฏิหาริย์
๓ อนุสาสนีปาฏิหาริย์
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๓ ประการนี้แล ย่อมเป็นผู้มีความ สำเร็จล่วงส่วน มีความเกษม จากโยคะล่วงส่วน มีพรหมจรรย์ล่วงส่วน มีที่สุดล่วงส่วน เป็นผู้ประเสริฐสุดกว่าเทวดา และมนุษย์ทั้งหลาย
----------------------------------------------------------------------------------------------------------
(ผู้ล่วงส่วนนัยยะที่ ๓)
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๓ ประการแม้อื่นอีก ย่อมเป็นผู้มี ความสำเร็จล่วงส่วน มีความเกษมจากโยคะล่วงส่วน มีพรหมจรรย์ล่วงส่วน เป็นผู้ประเสริฐสุดกว่าเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
ธรรม ๓ ประการเป็นไฉน คือ
๑
สัมมาทิฐิ
๒
สัมมาญาณะ
๓
สัมมาวิมุติ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๓ ประการ นี้แล ย่อมเป็นผู้มีความ สำเร็จล่วงส่วน มีความเกษมจากโยคะล่วงส่วน มีพรหมจรร์ล่วงส่วน มีที่สุดล่วงส่วน เป็นผู้ประเสริฐสุดกว่าเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
----------------------------------------------------------------------------------------------------------
(ผู้ล่วงส่วนนัยยะที่๔)
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๒ ประการ ย่อมเป็นผู้มีความ สำเร็จล่วงส่วน มีความเกษมจากโยคะล่วงส่วน มีพรหมจรรย์ล่วงส่วน มีที่สุดล่วงส่วน เป็นผู้ประเสริฐสุดกว่าเทวดา และมนุษย์ทั้งหลาย
ธรรม ๒ ประการเป็นไฉน คือ
๑
วิชชา
๒
จรณะ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๒ ประการนี้แล ย่อมเป็นผู้มีความ สำเร็จ ล่วงส่วน มีความเกษมจากโยคะล่วงส่วน มีพรหมจรรย์ล่วงส่วน มีที่สุดล่วงส่วน เป็นผู้ประเสริฐสุดกว่าเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
----------------------------------------------------------------------------------------------------------
ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม้สนังกุมารพรหมก็ได้กล่าวคาถานี้ไว้ว่า ในหมู่ชนที่ยัง รังเกียจกันด้วยโคตร กษัตริย์เป็นผู้ประเสริฐ สุด ท่านผู้สมบูรณ์ด้วยวิชชาและจรณะ เป็นผู้ประเสริฐสุด กว่าเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็คาถานี้นั้น สนังกุมารพรหมร้อยกรองไว้ถูกแล้ว มิใช่ร้อยกรองไว้ผิด กล่าวไว้ชอบแล้ว มิใช่กล่าวไม่ชอบ ประกอบด้วยประโยชน์ มิใช่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ เราเห็นด้วย
ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม้เราก็กล่าวอย่างนี้ว่า
ในหมู่ชนที่ยังรังเกียจกัน ด้วยโคตร กษัตริย์เป็นผู้ประเสริฐสุด ท่านผู้สมบูรณ์ด้วยวิชชา และจรณะ เป็นผู้ประเสริฐสุดกว่า เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
|