เว็บไซต์ อนาคามี เผยแพร่คำพระศาสดา เผยแพร่คำสอนตถาคต เว็บไซต์เผยแพร่พระสุตรคำสอนของพระพุทธเจ้า คลิปคำสอน คลิปสาธยายธรรม
ค้นหาคำที่ต้องการ            

โมรนิวาปนสูตร ผู้สำเร็จล่วงส่วน (พระอรหันต์) ประกอบด้วย ศีลขันธ์ สมาธิขันธ์ ปัญญาขันธ์ ของพระอเสขะ 2377
 

พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๔

โมรนิวาปนสูตร ผู้สำเร็จล่วงส่วน
(ผู้สำเร็จล่วงส่วนคือ ผู้สำเร็จอรหันต์)

ผู้ล่วงส่วนนัยยะที่ ๑ ประกอบด้วยธรรม ๓ ประการ คือ
๑ ศีลขันธ์ อันเป็นของพระอเสขะ
๒ สมาธิขันธ์ อันเป็นของพระอเสขะ
๓ ปัญญาขันธ์ อันเป็นของ พระอเสขะ

ผู้ล่วงส่วนนัยยะที่ ๒ ประกอบด้วยธรรม ๓ ประการ คือ
๑ อิทธิปฏิหาริย์
๒ อาเทสนาปาฏิหาริย์
๓ อนุสาสนีปาฏิหาริย์

ผู้ล่วงส่วนนัยยะที่ ๓ ประกอบด้วยธรรม ๓ ประการ คือ
๑ สัมมาทิฐิ
๒ สัมมาญาณะ
๓ สัมมาวิมุติ

ผู้ล่วงส่วนนัยยะที่ ๔ ประกอบด้วยธรรม ๒ ประการ คือ
๑ วิชชา
๒ จรณะ
-----------------------------------------------------------------------------------------------
ผู้สำเร็จล่วงส่วน คือผู้ก้าวล่วงสังขตธรรมมาสู่อสังขตธรรม, คือผู้หลุดพ้น, คือพระอรหันต์, คือผู้ไปดีแล้ว, อยู่จบพรหมจรรย์แล้ว, ถึงที่สุดแห่งทุกข์แล้ว, เป็นผู้ที่เหนือกว่าและประสริฐกว่าเทวดาและมนุษย์

พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๗
ตรัสกับพระมหากัจจานะ (หลิททิกานิสูตรที่ ๒)
PhraMahaKatChaNa_04

เรื่องสำคัญของพระพุทธเจ้า
การบำเพ็ญบารมีในอดีตชาติ
การประสูติ แสงสว่าง แผ่นดินไหว
แสวงหาสัจจะบำเพ็ญทุกรกิริยา
ปัญจวัคคีย์หลีก สิ่งที่ตรัสรู้
ตรัสรู้ แสดงเทศนาปัญจวัคคีย์
ปลงสังขาร ปรินิพพาน
ลำดับขั้นการปรินิพพาน
เทวดาแสดงฤทธิ์ขณะถวายเพลิง
แบ่งพระสรีระออกเป็น ๘ ส่วน
 
รวมพระสูตรบุคคลสำคัญ
พระโมคคัลลานะ
พระสารีบุตร
พระเทวทัต
นิครนถ์ปริพาชก
พระมหากัปปินะ
พระอนุรุทธะ
พระอุบาลี
(ดูทั้งหมด)
 
สารบาญพระไตรปิฎก
เล่มที่ ๘-๓๓ (๒๕ เล่ม) ทุกพระสูตร
1. ฉบับหลวง
2. ฉบับมหาจุฬาฯ
3. อรรถกถาไทย
4. ฉบับภาษาบาลี
5. อรรถกถา-บาลี
6. Pali Roman (Roman Script)
7. Atthakatha PaliRoman
 

 


 


พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๔ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๓๔๔-๓๔๖

โมรนิวาปนสูตร
ผู้สำเร็จล่วงส่วน
(ตรัสกับภิกษูทั้งหลาย)

           [๒๑๗] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ ปริพาชการาม อันเป็นที่ให้ เหยื่อ แก่นกยูง ใกล้พระนครราชคฤห์ ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคได้ตรัสเรียก ภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคแล้ว พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า

           ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุประกอบด้วยธรรม ๓ ประการ ย่อมเป็นผู้
มีความสำเร็จล่วงส่วน
มีความเกษมจากโยคะล่วงส่วน
มีพรหมจรรย์ล่วงส่วน
มีที่สุดล่วงส่วน
เป็นผู้ประเสริฐสุดกว่าเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย


(ผู้ล่วงส่วนนัยยะที่๑ เป็นผู้ประกอบด้วยธรรม ๓ ประการ)

ธรรม ๓ ประการเป็นไฉน
คือ
ศีลขันธ์ อันเป็นของพระอเสขะ
สมาธิขันธ์ อันเป็นของพระอเสขะ
ปัญญาขันธ์ อันเป็นของ พระอเสขะ

           ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๓ ประการนี้แล ย่อมเป็นผู้มีความ สำเร็จล่วงส่วน มีความเกษมจากโยคะล่วงส่วน มีพรหมจรรย์ล่วงส่วน มีที่สุดล่วงส่วน เป็นผู้ประเสริฐสุดกว่าเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
----------------------------------------------------------------------------------------------------------

(ผู้ล่วงส่วนนัยยะที่๒)

           ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๓ ประการ แม้อื่นอีก ย่อมเป็นผู้มี ความสำเร็จล่วงส่วน มีความเกษมจากโยคะล่วงส่วน มีพรหมจรรย์ล่วงส่วน เป็นผู้ประเสริฐสุด กว่าเทวดา และมนุษย์ทั้งหลาย
ธรรม ๓ ประการเป็นไฉน คือ
๑ อิทธิปฏิหาริย์
๒ อาเทสนาปาฏิหาริย์
๓ อนุสาสนีปาฏิหาริย์


            ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๓ ประการนี้แล ย่อมเป็นผู้มีความ สำเร็จล่วงส่วน มีความเกษม จากโยคะล่วงส่วน มีพรหมจรรย์ล่วงส่วน มีที่สุดล่วงส่วน เป็นผู้ประเสริฐสุดกว่าเทวดา และมนุษย์ทั้งหลาย
----------------------------------------------------------------------------------------------------------
(ผู้ล่วงส่วนนัยยะที่ ๓)

           ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๓ ประการแม้อื่นอีก ย่อมเป็นผู้มี ความสำเร็จล่วงส่วน มีความเกษมจากโยคะล่วงส่วน มีพรหมจรรย์ล่วงส่วน เป็นผู้ประเสริฐสุดกว่าเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
ธรรม ๓ ประการเป็นไฉน คือ
๑ สัมมาทิฐิ
๒ สัมมาญาณะ
๓ สัมมาวิมุติ


            ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๓ ประการ นี้แล ย่อมเป็นผู้มีความ สำเร็จล่วงส่วน มีความเกษมจากโยคะล่วงส่วน มีพรหมจรร์ล่วงส่วน มีที่สุดล่วงส่วน เป็นผู้ประเสริฐสุดกว่าเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
----------------------------------------------------------------------------------------------------------
(ผู้ล่วงส่วนนัยยะที่๔)

           ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๒ ประการ ย่อมเป็นผู้มีความ สำเร็จล่วงส่วน มีความเกษมจากโยคะล่วงส่วน มีพรหมจรรย์ล่วงส่วน มีที่สุดล่วงส่วน เป็นผู้ประเสริฐสุดกว่าเทวดา และมนุษย์ทั้งหลาย
ธรรม ๒ ประการเป็นไฉน คือ
๑ วิชชา
๒ จรณะ


            ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๒ ประการนี้แล ย่อมเป็นผู้มีความ สำเร็จ ล่วงส่วน มีความเกษมจากโยคะล่วงส่วน มีพรหมจรรย์ล่วงส่วน มีที่สุดล่วงส่วน เป็นผู้ประเสริฐสุดกว่าเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
----------------------------------------------------------------------------------------------------------

           ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม้สนังกุมารพรหมก็ได้กล่าวคาถานี้ไว้ว่า ในหมู่ชนที่ยัง รังเกียจกันด้วยโคตร กษัตริย์เป็นผู้ประเสริฐ สุด ท่านผู้สมบูรณ์ด้วยวิชชาและจรณะ เป็นผู้ประเสริฐสุด กว่าเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย

           ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็คาถานี้นั้น สนังกุมารพรหมร้อยกรองไว้ถูกแล้ว มิใช่ร้อยกรองไว้ผิด กล่าวไว้ชอบแล้ว มิใช่กล่าวไม่ชอบ ประกอบด้วยประโยชน์ มิใช่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ เราเห็นด้วย

           ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม้เราก็กล่าวอย่างนี้ว่า ในหมู่ชนที่ยังรังเกียจกัน ด้วยโคตร กษัตริย์เป็นผู้ประเสริฐสุด ท่านผู้สมบูรณ์ด้วยวิชชา และจรณะ เป็นผู้ประเสริฐสุดกว่า เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย

 





หนังสือพุทธวจน ธรรมะของพระศาสดา
90 90 90 90
พุทธประวัติ ขุมทรัพย์ อริยสัจ
ภาคต้น
อริยสัจ
ภาคปลาย
ปฏิจจ ปฐมธรรม ตถาคต อนาคามี อินทรีย์
สังวร
สัตว์
สัตตานัง
ทาน
สกทาคามี
ฆราวาส
ชั้นเลิศ
มรรควิธี
ที่ง่าย
อริยวินัย เดรัจฉานวิชา กรรม สมถะ
วิปัสสนา
โสดาบัน นา
ปานสติ
จิต มโน
วิญญาณ
ก้าวย่าง
อย่างพุทธะ
ตามรอย
ธรรม
ภพ ภูมิ
พุทธวจน
สาธยาย
ธรรม
สังโยชน์