เว็บไซต์ อนาคามี เผยแพร่คำพระศาสดา เผยแพร่คำสอนตถาคต เว็บไซต์เผยแพร่พระสุตรคำสอนของพระพุทธเจ้า คลิปคำสอน คลิปสาธยายธรรม
ค้นหาคำที่ต้องการ            

อุปนิสาสูตรที่ ๒ ที่ ๓ ธรรมมีเหตุให้ถูกขจัด (โดยพระสารีบุตร และพระอานนท์) พยสนสูตร ความพินาศ.. 2374
 

พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๔

อุปนิสาสูตรที่ ๒ ธรรมมีเหตุให้ถูกขจัด สูตร๒
(แสดงธรรมโดยพระสารีบุตร)
วิปฏิสาร (วิ-ปะ-ติ-สาน) คือความร้อนใจ เสียใจ เศร้าใจความรู้สึกไม่สบายใจ ความรู้สึกผิด)
อวิปฏิสาร (ความร้อนใจ ถูกขจัดไป) * [ฉบับมหาจุฬาฯ] ใช้คำว่า อวิปปฏิสาร

อวิปฏิสาร (ความไม่เดือดร้อนใจ) ชื่อว่ามีเหตุอันบุคคล ผู้ทุศีล มีศีลวิบัติ ขจัดเสียแล้ว
เมื่ออวิปฏิสารไม่มี ความปราโมทย์ชื่อว่ามีเหตุอันบุคคล ผู้มี อวิปฏิสารวิบัติ ขจัดเสียแล้ว
เมื่อวิราคะไม่มี วิมุตติญาณทัสนะชื่อว่ามีเหตุอันบุคคล ผู้มีวิราคะวิบัติ ขจัดเสียแล้ว

เปรียบเหมือนต้นไม้มีกิ่ง และใบ วิบัติแล้ว แม้กะเทาะ ของต้นไม้นั้น ย่อมไม่บริบูรณ์
แม้เปลือก แม้กระพี้ แม้แก่น ของต้นไม้นั้น ก็ย่อมไม่บริบูรณ์

อุปนิสาสูตรที่ ๓ ธรรมมีเหตุให้ถูกขจัด สูตร๓
(แสดงธรรมโดยพระอานนท์)
เนื้อความเช่นเดียวกับ สููตร๑ (แสดงโดยพระสารีบุตร)

พยสนสูตร ว่าด้วยความพินาศ
ภิกษุใดด่าบริภาษเพื่อนพรหมจรรย์ ติเตียนพระอริยเจ้า ที่ภิกษุนั้น
จะพึงถึงความฉิบหาย ๑๑ อย่าง
อย่างใดอย่างหนึ่ง
๑ ไม่บรรลุธรรมที่ยังไม่ได้บรรลุ
๒ เสื่อมจากธรรมที่บรรลุแล้ว
๓ สัทธรรมของภิกษุนั้นย่อมไม่ผ่องแผ้ว
๔ เป็นผู้เข้าใจว่าได้บรรลุในสัทธรรม
๕ เป็นผู้ไม่ยินดีประพฤติพรหมจรรย์
...ฯลฯ

เรื่องสำคัญของพระพุทธเจ้า
การบำเพ็ญบารมีในอดีตชาติ
การประสูติ แสงสว่าง แผ่นดินไหว
แสวงหาสัจจะบำเพ็ญทุกรกิริยา
ปัญจวัคคีย์หลีก สิ่งที่ตรัสรู้
ตรัสรู้ แสดงเทศนาปัญจวัคคีย์
ปลงสังขาร ปรินิพพาน
ลำดับขั้นการปรินิพพาน
เทวดาแสดงฤทธิ์ขณะถวายเพลิง
แบ่งพระสรีระออกเป็น ๘ ส่วน
 
รวมพระสูตรบุคคลสำคัญ
พระโมคคัลลานะ
พระสารีบุตร
พระเทวทัต
นิครนถ์ปริพาชก
พระมหากัปปินะ
พระอนุรุทธะ
พระอุบาลี
(ดูทั้งหมด)
 
สารบาญพระไตรปิฎก
เล่มที่ ๘-๓๓ (๒๕ เล่ม) ทุกพระสูตร
1. ฉบับหลวง
2. ฉบับมหาจุฬาฯ
3. อรรถกถาไทย
4. ฉบับภาษาบาลี
5. อรรถกถา-บาลี
6. Pali Roman (Roman Script)
7. Atthakatha PaliRoman
 

 


 


พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๔ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๓๓๓-๓๓๔

อุปนิสาสูตรที่ ๒
ธรรมมีเหตุให้ถูกขจัด สูตร๒
(แสดงธรรมโดยพระสารีบุตร)

             [๒๑๑] ณ ที่นั้นแล ท่านพระสารีบุตร ได้เรียกภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุ ผู้มีอายุทั้งหลาย ภิกษุเหล่านั้นรับคำท่านพระสารีบุตรแล้ว ท่านพระสารีบุตร ได้กล่าวว่า

             ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย อวิปฏิสาร* ชื่อว่ามีเหตุอันบุคคล ผู้ทุศีล มีศีลวิบัติ ขจัด เสียแล้ว เมื่ออวิปฏิสารไม่มี ความปราโมทย์ชื่อว่ามีเหตุอันบุคคล ผู้มี อวิปฏิสารวิบัติ ขจัดเสียแล้ว ... เมื่อวิราคะไม่มี วิมุตติญาณทัสนะชื่อว่ามีเหตุอันบุคคล ผู้มีวิราคะวิบัติ ขจัดเสียแล้ว ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย เปรียบเหมือนต้นไม้มีกิ่ง และใบ วิบัติแล้ว แม้กะเทาะ ของต้นไม้นั้น ย่อมไม่บริบูรณ์ แม้เปลือก แม้กระพี้ แม้แก่น ของต้นไม้นั้น ก็ย่อมไม่ บริบูรณ์ ฉันใด
* [ฉบับมหาจุฬาฯ] ใช้คำว่า อวิปปฏิสาร

             ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย อวิปฏิสารชื่อว่ามีเหตุ อันบุคคล ผู้ทุศีลมีศีลวิบัติ ขจัด เสียแล้ว เมื่ออวิปฏิสารไม่มี ความปราโมทย์ชื่อว่า มีเหตุอันบุคคล ผู้มีอวิปฏิสารวิบัติ ขจัดเสียแล้ว ฯลฯ วิมุตติญาณทัสนะชื่อว่ามีเหตุอัน บุคคลผู้มีวิราคะวิบัติขจัดเสียแล้ว ฉันนั้นเหมือนกัน

             ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย อวิปฏิสาร ของบุคคล ผู้มีศีล สมบูรณ์ด้วยศีล ย่อมเป็นธรรมมีเหตุสมบูรณ์ เมื่อ อวิปฏิสารมีอยู่ ... เมื่อวิราคะมีอยู่ วิมุตติญาณทัสนะ ของบุคคล ผู้สมบูรณ์ด้วยวิราคะ ย่อมเป็นธรรมมีเหตุสมบูรณ์ ดูกรท่านผู้มีอายุทั้งหลาย เปรียบเหมือน ต้นไม้มีกิ่งและใบสมบูรณ์ แม้กะเทาะ ของต้นไม้นั้น ย่อมบริบูรณ์ แม้เปลือก แม้กระพี้ แม้แก่น ของต้นไม้นั้น ก็ย่อมบริบูรณ์ ฉันใด

             ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย อวิปฏิสาร ของบุคคลผู้มีศีลสมบูรณ์ด้วยศีล ย่อมเป็น ธรรมมีเหตุสมบูรณ์ เมื่อ อวิปฏิสาร มีอยู่ ความปราโมทย์ของบุคคล ผู้สมบูรณ์ ด้วย อวิปฏิสาร ย่อมเป็นธรรม มีเหตุ สมบูรณ์ ฯลฯ วิมุตติญาณทัสนะ ของบุคคลผู้สมบูรณ์ ด้วยวิราคะ ย่อมเป็นธรรม มีเหตุ สมบูรณ์ ฉันนั้นเหมือนกัน


----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๔ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๓๓๔-๓๓๕

อุปนิสาสูตรที่ ๓
ธรรมมีเหตุให้ถูกขจัด สูตร๓
(แสดงธรรมโดยพระอานนท์)

             [๒๑๒] ณ ที่นั้นแล ท่านพระอานนท์ ได้เรียกภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรผู้มีอายุ ทั้งหลาย ภิกษุเหล่านั้น รับคำท่านพระอานนท์แล้ว ท่านพระอานนท์ได้กล่าวว่า ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย อวิปฏิสารชื่อว่ามีเหตุอันบุคคล ผู้ทุศีลมีศีลวิบัติขจัดเสียแล้ว เมื่อวิปฏิสารไม่มี ความปราโมทย์ชื่อว่า มีเหตุอันบุคคล ผู้มีอวิปฏิสารวิบัติขจัดเสียแล้ว ... เมื่อวิราคะไม่มี วิมุตติญาณทัสนะชื่อว่ามีเหตุอันบุคคลผู้มีวิราคะวิบัติขจัดเสียแล้ว

             ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย เปรียบเหมือนต้นไม้มีกิ่ง และใบวิบัติแล้ว แม้กะเทาะ ของต้นไม้นั้น ก็ย่อมไม่บริบูรณ์ แม้เปลือก แม้กระพี้ แม้แก่น ของต้นไม้นั้น ก็ย่อมไม่ บริบูรณ์ ฉันใด ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย อวิปฏิสาร ชื่อว่ามีเหตุอันบุคคลผู้ทุศีลมีศีล วิบัติขจัดเสียแล้ว เมื่ออวิปฏิสารไม่มี ความปราโมทย์ชื่อว่ามีเหตุอันบุคคล ผู้มีอวิปฏิสาร วิบัติ ขจัดเสียแล้ว ฯลฯ วิมุตติญาณทัสนะ ชื่อว่ามีเหตุอันบุคคลผู้มีวิราคะวิบัติ ขจัด เสียแล้ว ฉันนั้นเหมือนกัน

             ดูกรท่านผู้มีอายุทั้งหลาย อวิปฏิสารของบุคคลผู้มีศีล สมบูรณ์ด้วยศีล ย่อมเป็น ธรรมมีเหตุสมบูรณ์ เมื่ออวิปฏิสารมีอยู่ ความปราโมทย์ของบุคคล ผู้สมบูรณ์ด้วย อวิปฏิสาร ย่อมเป็นธรรมมีเหตุสมบูรณ์ ... เมื่อวิราคะมีอยู่วิมุตติญาณทัสนะของบุคคล ผู้สมบูรณ์ด้วยวิราคะ ย่อมเป็นธรรมมีเหตุสมบูรณ์

             ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย เปรียบเหมือนต้นไม้มีกิ่ง และใบสมบูรณ์ แม้กะเทาะของ ต้นไม้นั้น ก็ย่อมบริบูรณ์ แม้เปลือก แม้กระพี้ แม้แก่น ของต้นไม้นั้น ก็ย่อมบริบูรณ์ ฉันใด ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย อวิปฏิสารของบุคคล ผู้มีศีลสมบูรณ์ด้วยศีล ย่อมเป็นธรรมมีเหตุ สมบูรณ์ เมื่ออวิปฏิสารมีอยู่ ความปราโมทย์ของบุคคล ผู้สมบูรณ์ด้วยอวิปฏิสาร ย่อมเป็น ธรรมมีเหตุสมบูรณ์ ฯลฯ วิมุตติญาณทัสนะของบุคคล ผู้สมบูรณ์ด้วยวิราคะ ย่อมเป็นธรรม มีเหตุสมบูรณ์ ฉันนั้น เหมือนกัน


----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๔ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๓๓๕

พยสนสูตร
ว่าด้วยความพินาศ

             [๒๑๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุใดด่าบริภาษเพื่อนพรหมจรรย์ทั้งหลาย ติเตียนพระอริยเจ้า ข้อนี้มิใช่ฐานะ มิใช่โอกาส ที่ภิกษุนั้น จะไม่พึงถึงความฉิบหาย ๑๑ อย่าง อย่างใดอย่างหนึ่ง
ความฉิบหาย ๑๑ อย่างเป็นไฉน คือ
๑ ไม่บรรลุธรรมที่ยังไม่ได้บรรลุ
๒ เสื่อมจากธรรมที่บรรลุแล้ว
๓ สัทธรรมของภิกษุนั้นย่อมไม่ผ่องแผ้ว
๔ เป็นผู้เข้าใจว่าได้บรรลุในสัทธรรม
๕ เป็นผู้ไม่ยินดีประพฤติพรหมจรรย์
๖ ต้องอาบัติเศร้าหมองอย่างใดอย่างหนึ่ง
๗ บอกลาสิกขาเวียนมาเพื่อหินภาพ
๘ ถูกต้องโรคอย่างหนัก
๙ ย่อมถึงความเป็นบ้า คือ ความฟุ้งซ่านแห่งจิต
๑๐ เป็นผู้หลงใหลทำกาละ
๑๑ เมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติวินิบาต นรก

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุใดด่าบริภาษเพื่อนพรหมจรรย์ทั้งหลาย ติเตียน พระอริยเจ้า ข้อนี้มิใช่ฐานะ มิใช่โอกาส ที่ภิกษุนั้น จะไม่พึงถึงความฉิบหาย ๑๑ อย่าง อย่างใดอย่างหนึ่งนี้

 





หนังสือพุทธวจน ธรรมะของพระศาสดา
90 90 90 90
พุทธประวัติ ขุมทรัพย์ อริยสัจ
ภาคต้น
อริยสัจ
ภาคปลาย
ปฏิจจ ปฐมธรรม ตถาคต อนาคามี อินทรีย์
สังวร
สัตว์
สัตตานัง
ทาน
สกทาคามี
ฆราวาส
ชั้นเลิศ
มรรควิธี
ที่ง่าย
อริยวินัย เดรัจฉานวิชา กรรม สมถะ
วิปัสสนา
โสดาบัน นา
ปานสติ
จิต มโน
วิญญาณ
ก้าวย่าง
อย่างพุทธะ
ตามรอย
ธรรม
ภพ ภูมิ
พุทธวจน
สาธยาย
ธรรม
สังโยชน์