เว็บไซต์ อนาคามี เผยแพร่คำพระศาสดา เผยแพร่คำสอนตถาคต เว็บไซต์เผยแพร่พระสุตรคำสอนของพระพุทธเจ้า คลิปคำสอน คลิปสาธยายธรรม
ค้นหาคำที่ต้องการ            

ปัจโจโรหณีสูตรที่ ๑ พิธีลอยบาปของพราหมณ์ คือบูชาไฟ การปลงบาปของพระพุทธเจ้า คือปลงมิจฉาทิฎฐิ 2359
 

พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๔

ปัจโจโรหณีสูตรที่ ๑ ว่าด้วยพิธีลอยบาป สูตร๑
(ตรัสกับพราหมณ์ชื่อว่า ชาณุสโสณี)
พิธีปลงบาปของพราหมณ์
ในวันอุโบสถสนานเกล้า นุ่งห่มผ้าไหมคู่ใหม่ ทาแผ่นดินด้วยโคมัย(ขี้วัว)สด ลาดด้วยหญ้าคา ที่เขียวสด นอนระหว่างกองทราย และเรือนไฟพราหมณ์ ลุกขึ้นประนมอัญชลี นมัสการไฟสามครั้ง ด้วยการกล่าวว่า ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอปลงบาปกะท่านผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลายขอปลงบาปกะท่าน ผู้เจริญ ดังนี้ และย่อมยังไฟให้อิ่มหนำด้วยเนยใส น้ำมันและเนยข้นอันเพียงพอ และโดย ล่วงราตรี นั้นไป ก็เลี้ยงพราหมณ์ทั้งหลาย ให้อิ่มหนำด้วยขาทนียโภชนียาหารอันประณีต

พิธีปลงบาปของพระศาสดา
อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ ย่อมพิจารณาว่า วิบากแห่งมิจฉาทิฐิ เป็นสิ่งที่ชั่วช้าทั้งในปัจจุบัน ทั้งในสัมปรายภพ ครั้นพิจารณาเห็นดังนี้แล้ว
๑ ย่อมละมิจฉาทิฐิ ย่อมปลงบาปจากมิจฉาทิฐิ ครั้นพิจารณาเห็นดังนี้แล้ว
๒ ย่อมละมิจฉาสังกัปปะ ย่อมปลงบาป จากมิจฉาสังกัปปะ ...
๓ ย่อมละมิจฉาวาจา ย่อมปลงบาปจากมิจฉาวาจา...
๔ ย่อมละมิจฉากัมมันตะ ย่อมปลงบาปจาก มิจฉากัมมันตะ...
๕ ย่อมละมิจฉาอาชีวะ ย่อมปลงบาปจากมิจฉาอาชีวะ...
๖ ย่อมละมิจฉาวายามะ ย่อมปลงบาปจาก มิจฉาวายามะ...
๗ ย่อมละมิจฉาสติ ย่อมปลงบาปจากมิจฉาสติ ...
๘ ย่อมละมิจฉาสมาธิย่อมปลงบาปจากมิจฉาสมาธิ ...
๙ ย่อมละมิจฉาาณะ ย่อมปลงบาปจากมิจฉาญาณะ ...
๑๐ ย่อมละมิจฉาวิมุติ ย่อมปลงบาปจากมิจฉาวิมุติ ...

ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ก็พิธีปลงบาป ของพราหมณ์ ทั้งหลาย ย่อมไม่ถึงเสี้ยวที่ ๑๖ แห่งพิธี ปลงบาปในวินัยแห่งพระอริยะนี้ ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งยิ่งนัก
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ปัจโจโรหณีสูตรที่ ๒ ว่าด้วยพิธีลอยบาป สูตร ๒

(ตรัสกับภิกษุทั้งหลาย เช่นเดียวที่ตรัสกับพราหมณ์)

เรื่องสำคัญของพระพุทธเจ้า
การบำเพ็ญบารมีในอดีตชาติ
การประสูติ แสงสว่าง แผ่นดินไหว
แสวงหาสัจจะบำเพ็ญทุกรกิริยา
ปัญจวัคคีย์หลีก สิ่งที่ตรัสรู้
ตรัสรู้ แสดงเทศนาปัญจวัคคีย์
ปลงสังขาร ปรินิพพาน
ลำดับขั้นการปรินิพพาน
เทวดาแสดงฤทธิ์ขณะถวายเพลิง
แบ่งพระสรีระออกเป็น ๘ ส่วน
 
รวมพระสูตรบุคคลสำคัญ
พระโมคคัลลานะ
พระสารีบุตร
พระเทวทัต
นิครนถ์ปริพาชก
พระมหากัปปินะ
พระอนุรุทธะ
พระอุบาลี
(ดูทั้งหมด)
 
สารบาญพระไตรปิฎก
เล่มที่ ๘-๓๓ (๒๕ เล่ม) ทุกพระสูตร
1. ฉบับหลวง
2. ฉบับมหาจุฬาฯ
3. อรรถกถาไทย
4. ฉบับภาษาบาลี
5. อรรถกถา-บาลี
6. Pali Roman (Roman Script)
7. Atthakatha PaliRoman
 

 


 


พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๔ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๓๕-๒๓๗

ปัจโจโรหณีสูตรที่ ๑
ว่าด้วยพิธีลอยบาป

            [๑๑๙] ก็โดยสมัยนั้นแล พราหมณ์ชื่อว่า ชาณุสโสณี สนานเกล้าในวันอุโบสถ นุ่งห่มผ้าไหมทั้งคู่อันใหม่ ถือกำหญ้าคาสดไป ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ในที่ไม่ไกล พระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาคได้ทอดพระเนตรเห็นชาณุสโสณีพราหมณ์ ผู้สนานเกล้า ในวันอุโบสถ นุ่งห่มผ้าไหมทั้งคู่อันใหม่ ถือกำหญ้าคาสด ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ในที่ไม่ไกล ครั้นแล้วได้ตรัสถามชาณุสโสณีพราหมณ์ว่า

            ดูกรพราหมณ์ เพราะเหตุไรหนอ ท่านจึงสนานเกล้าในวันอุโบสถ นุ่งห่มผ้าไหม ทั้งคู่อันใหม่ ถือกำหญ้าคาสดมายืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง วันนี้เป็นวันอะไรของสกุล พราหมณ์ ชาณุสโสณีพราหมณ์กราบทูลว่า ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ วันนี้เป็นวันปลงบาป ของสกุลพราหมณ์

            พ. ดูกรพราหมณ์ ก็พิธีปลงบาปของพราหมณ์ทั้งหลาย ย่อมมีด้วยประการไร เล่า

            ชา. ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ พราหมณ์ทั้งหลายในโลกนี้ ในวัน อุโบสถ สนานเกล้า นุ่งห่มผ้าไหมทั้งคู่อันใหม่ ทาแผ่นดิน ด้วยโคมัยอันสด ลาดด้วย หญ้าคา ที่เขียวสดแล้ว สำเร็จการนอนในระหว่างกองทราย และเรือนไฟพราหมณ์ เหล่านั้น ย่อมลุกขึ้นประนมอัญชลี นมัสการไฟสามครั้งในราตรีนั้นด้วยการกล่าวว่า ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอปลงบาปกะท่านผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลายขอปลงบาป กะท่าน ผู้เจริญ ดังนี้ และย่อมยังไฟให้อิ่มหนำด้วยเนยใส น้ำมันและเนยข้นอันเพียงพอ และโดย ล่วงราตรีนั้นไป ก็เลี้ยงพราหมณ์ทั้งหลาย ให้อิ่มหนำด้วยขาทนียโภชนียาหารอันประณีต ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ พิธีปลงบาปของพราหมณ์ทั้งหลาย ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้

            พ. ดูกรพราหมณ์ พิธีปลงบาปของพราหมณ์ทั้งหลาย ย่อมมีโดยประการอื่น ส่วนพิธีปลงบาปในวินัยของพระอริยะ ย่อมมีโดยประการอย่างอื่น

            ชา. ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ พิธีปลงบาปในวินัยของพระอริยะ ย่อมมีอย่างไรเล่า ขอประทานพระวโรกาส ขอพระโคดมผู้เจริญ โปรดทรงแสดงธรรมโดยประการ ที่เป็นพิธี ปลงบาป ในวินัยของพระอริยะ แก่ข้าพระองค์ด้วยเถิด

            พ. ดูกรพราหมณ์ ถ้าเช่นนั้นท่านจงฟัง จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าว

(การปลงบาปของพระพุทธเจ้า)

            ชาณุสโสณีพราหมณ์ ทูลรับแด่พระผู้มีพระภาคแล้ว พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า ดูกรพราหมณ์ อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า วิบากแห่ง มิจฉาทิฐิ เป็นสิ่งที่ชั่วช้าทั้งในปัจจุบันทั้งในสัมปรายภพ

            
อริยสาวกนั้น

            ครั้นพิจารณาเห็นดังนี้แล้ว ย่อมละมิจฉาทิฐิ ย่อมปลงบาปจากมิจฉาทิฐิ ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า วิบากแห่งมิจฉาสังกัปปะ เป็นสิ่งที่ชั่วช้าทั้งในปัจจุบัน ทั้งทั้งในสัมปรายภพ ครั้นพิจารณาเห็นดังนี้แล้ว ย่อมละมิจฉาสังกัปปะ ย่อมปลงบาป จากมิจฉาสังกัปปะ ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า วิบากแห่งมิจฉาวาจา เป็นสิ่งที่ชั่วช้า ทั้งในปัจจุบัน ทั้งในสัมปรายภพ

            ครั้นพิจารณาเห็นดังนี้แล้ว ย่อมละมิจฉาวาจา ย่อมปลงบาปจากมิจฉาวาจา ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า วิบากแห่งมิจฉากัมมันตะ เป็นสิ่งที่ชั่วช้าทั้งในปัจจุบัน ทั้งใน สัมปรายภพ

            ครั้นพิจารณาเห็นดังนี้แล้ว ย่อมละมิจฉากัมมันตะ ย่อมปลงบาปจาก มิจฉากัมมันตะ ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า วิบากแห่งมิจฉาอาชีวะ เป็นสิ่งที่ชั่วช้า ทั้งในปัจจุบัน ทั้งในสัมปรายภพ

            ครั้นพิจารณาเห็นดังนี้แล้ว ย่อมละมิจฉาอาชีวะ ย่อมปลงบาปจากมิจฉาอาชีวะ ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า วิบากแห่งมิจฉาวายามะ เป็นสิ่งที่ชั่วช้าทั้งในปัจจุบัน ทั้งใน สัมปรายภพ

            ครั้นพิจารณาเห็นดังนี้แล้ว ย่อมละมิจฉาวายามะ ย่อมปลงบาปจาก มิจฉาวายามะ ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า วิบากแห่งมิจฉาสติเป็นสิ่งที่ชั่วช้าทั้งในปัจจุบัน ทั้งในสัมปรายภพ

            ครั้นพิจารณาเห็นดังนี้แล้ว ย่อมละมิจฉาสติ ย่อมปลงบาปจากมิจฉาสติ ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า วิบากแห่งมิจฉาสมาธิ เป็นสิ่งที่ชั่วช้าทั้งในปัจจุบัน ทั้งในสัมปรายภพ

            ครั้นพิจารณาเห็นดังนี้แล้ว ย่อมละมิจฉาสมาธิย่อมปลงบาปจากมิจฉาสมาธิ ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า วิบากแห่งมิจฉาญาณะ เป็นสิ่งที่ชั่วช้าทั้งในปัจจุบัน ทั้งในสัมปรายภพ

            ครั้นพิจารณาเห็นดังนี้แล้ว ย่อมละมิจฉาาณะ ย่อมปลงบาปจากมิจฉาญาณะ ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า วิบากแห่งมิจฉาวิมุติ เป็นสิ่งที่ชั่วช้าทั้งในปัจจุบัน ทั้งในสัมปรายภพ

            ครั้นพิจารณาเห็นดังนี้แล้ว ย่อมละมิจฉาวิมุติ ย่อมปลงบาปจากมิจฉาวิมุติ ดูกรพราหมณ์ พิธีปลงบาปในวินัยแห่งพระอริยะ ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้แล

            ชาณุสโสณีพราหมณ์กราบทูลว่า ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ พิธีปลงบาปของ พราหมณ์ ทั้งหลาย ย่อมมีโดยประการอย่างอื่น ส่วนพิธีปลงบาปในวินัยของพระอริยะ ย่อมมีโดยประการอย่างอื่น ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ก็พิธีปลงบาป ของพราหมณ์ ทั้งหลาย ย่อมไม่ถึงเสี้ยวที่ ๑๖ แห่งพิธีปลงบาปในวินัยแห่งพระอริยะนี้ ข้าแต่พระโคดม ผู้เจริญ ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งยิ่งนัก ฯลฯ ขอพระโคดมผู้เจริญโปรด ทรงจำ ข้าพระองค์ว่า เป็นอุบาสกถึงสรณะตลอดชีวิต ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป


-------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๔ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๓๗-๒๓๘

ปัจโจโรหณีสูตรที่ ๒
ว่าด้วยพิธีลอยบาป สูตร ๒

            [๑๒๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงพิธีปลงบาป อันเป็นอริยะ แก่เธอทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงฟังพิธีปลงบาป อันเป็นอริยะนั้น จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าวภิกษุเหล่านั้น ทูลรับแด่พระผู้มีพระภาคแล้ว พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า

            ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็พิธีปลงบาป อันเป็นอริยะเป็นไฉน

            ดูกรภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า วิบากแห่ง มิจฉาทิฐิแล เป็นสิ่งที่ชั่วช้าทั้งในปัจจุบันทั้งในสัมปรายภพ อริยสาวกนั้น ครั้นพิจารณา เห็น ดังนี้แล้ว ย่อมละมิจฉาทิฐิ ย่อมปลงบาปจากมิจฉาทิฐิ ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า วิบากแห่งมิจฉาสังกัปปะ ... แห่งมิจฉาวาจา ... แห่งมิจฉากัมมันตะ ... แห่งมิจฉา อาชีวะ ...แห่งมิจฉาวายามะ ... แห่งมิจฉาสติ ... แห่งมิจฉาสมาธิ ... แห่งมิจฉาญาณะ ...แห่งมิจฉาวิมุติแล เป็นสิ่งที่ชั่วช้าทั้งในปัจจุบัน ทั้งในสัมปรายภพ

            อริยสาวกนั้นครั้นพิจารณาเห็นดังนี้แล้ว ย่อมละมิจฉาวิมุติ ย่อมปลงจากบาป จากมิจฉาวิมุติ

            ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อนี้เรากล่าวว่า เป็นพิธีปลงบาปอันเป็นอริยะ



หนังสือพุทธวจน ธรรมะของพระศาสดา
90 90 90 90
พุทธประวัติ ขุมทรัพย์ อริยสัจ
ภาคต้น
อริยสัจ
ภาคปลาย
ปฏิจจ ปฐมธรรม ตถาคต อนาคามี อินทรีย์
สังวร
สัตว์
สัตตานัง
ทาน
สกทาคามี
ฆราวาส
ชั้นเลิศ
มรรควิธี
ที่ง่าย
อริยวินัย เดรัจฉานวิชา กรรม สมถะ
วิปัสสนา
โสดาบัน นา
ปานสติ
จิต มโน
วิญญาณ
ก้าวย่าง
อย่างพุทธะ
ตามรอย
ธรรม
ภพ ภูมิ
พุทธวจน
สาธยาย
ธรรม
สังโยชน์