พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๘๑-๒๘๖
ภูมิจาลสูตร
มารผู้ลามกทูลขอให้พระผู้มีพระภาคจงปรินิพพานเถิด
[๑๖๗] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ กูฏาคารศาลา ป่ามหาวัน ใกล้นครเวสาลี ครั้งนั้นแล เวลาเช้า พระผู้มีพระภาคทรงครองอันตรวาสกแล้ว ทรงถือ บาตรและจีวร เสด็จเข้าไปบิณฑบาตยังนครเวสาลี ครั้นเที่ยวบิณฑบาต ในนครเวสาลี แล้ว ในเวลา ปัจฉาภัต เสด็จกลับจากบิณฑบาตแล้ว ตรัสกะท่านพระอานนท์ว่า
ดูกรอานนท์ จงถือผ้านิสีทนะ เราจะเข้าไปยังปาวาลเจดีย์ เพื่อพัก กลางวัน ท่านพระ อานนท์ ทูลรับพระผู้มีพระภาคแล้ว ถือผ้านิสีทนะตามพระผู้มีพระภาค ไปข้างหลัง
ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาค เสด็จเข้าไปยังปาวาลเจดีย์ ประทับนั่งบนอาสนะ ที่ปูไว้ แล้วตรัสกะท่านพระอานนท์ว่า ดูกรอานนท์ นครเวสาลีเป็นที่น่ารื่นรมย์ อุเทนเจดีย์ ก็น่ารื่นรมย์ โคตมกเจดีย์ พหุปุตตกเจดีย์ สัตตัมพเจดีย์สารันททเจดีย์ ปาวาลเจดีย์ ล้วนน่ารื่นรมย์
ดูกรอานนท์ ผู้ใดผู้หนึ่งเจริญทำให้มากซึ่งอิทธิบาท ๔ ทำให้เป็นดุจยาน ทำให้เป็นที่ตั้ง ให้มั่นคง สั่งสมปรารภดีแล้ว ผู้นั้นหวังอยู่ พึงดำรงอยู่ได้กัลปหนึ่ง หรือเกินกว่ากัลป
ดูกรอานนท์ ตถาคตเจริญ กระทำให้มากซึ่ง อิทธิบาท ๔ ทำให้เป็นดุจยาน ทำให้เป็นที่ตั้ง ให้มั่นคง สั่งสม ปรารภดีแล้ว ตถาคตหวังอยู่ พึงดำรงอยู่ได้กัลปหนึ่ง หรือเกินกว่ากัลป เมื่อพระผู้มีพระภาค ทรงกระทำนิมิตแจ้งชัด ทรงกระทำโอภาส แจ้งชัดแม้อย่างนี้ ท่านพระอานนท์ก็ไม่อาจจะรู้ทัน จึงไม่ทูลอาราธนาพระผู้มีพระภาคว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระผู้มีพระภาคพึงทรงดำรงอยู่ตลอดกัลป ขอ พระสุคต พึงทรงดำรงอยู่ตลอดกัลป เพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่ชนหมู่มาก เพื่อสุขแก่ชน หมู่มาก เพื่ออนุเคราะห์โลก เพื่อประโยชน์ เพื่อเกื้อกูล เพื่อความสุขแก่เทวดาและ มนุษย์ทั้งหลาย เพราะถูกมารเข้าดลใจ แม้ครั้งที่ ๒ แม้ครั้งที่ ๓ พระผู้มีพระภาคก็ตรัส กะท่านพระอานนท์ว่า
ดูกรอานนท์ นครเวสาลีเป็นนครที่น่ารื่นรมย์ อุเทนเจดีย์ก็น่ารื่นรมย์ โคตมกเจดีย์ พหุปุตตกเจดีย์ สัตตัมพเจดีย์ สารันททเจดีย์ปาวาลเจดีย์ ล้วนน่ารื่นรมย์ ดูกรอานนท์ ผู้ใดผู้หนึ่งเจริญ กระทำให้มากซึ่งอิทธิบาท ๔ ทำให้เป็นดุจยาน ทำให้เป็นที่ตั้ง ให้มั่นคง สั่งสม ปรารภดีแล้ว ฯลฯตถาคตหวังอยู่ พึงดำรงอยู่ได้กัลปหนึ่ง หรือเกินกว่า กัลป เมื่อพระผู้มีพระภาคทรงกระทำนิมิตแจ้งชัด ทรงกระทำโอภาสแจ้งชัดแม้อย่างนี้ ท่านพระอานนท์ก็ไม่อาจจะรู้ทัน จึงไม่ทูลอาราธนาพระผู้มีพระภาคว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระผู้มีพระภาค พึงทรงดำรงอยู่ตลอดกัลป ขอพระ สุคต พึง ทรงดำรงอยู่ ตลอดกัลป เพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่ชนหมู่มาก เพื่อสุข แก่ชน หมู่มาก เพื่ออนุเคราะห์โลก เพื่อประโยชน์ เพื่อเกื้อกูล เพื่อความสุข แก่เทวดา และ มนุษย์ทั้งหลาย เพราะถูกมารเข้าดลใจ ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาค ตรัสกะท่าน พระอานนท์ว่า
ดูกรอานนท์ เธอจงไปเถิด บัดนี้เธอย่อมสำคัญกาลที่สมควร ท่านพระอานนท์ ทูลรับ พระผู้มีพระภาคแล้ว ลุกจากอาสนะ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาค กระทำ ประทักษิณแล้วไปนั่ง ณ โคนไม้แห่งหนึ่ง ในที่ไม่ไกลพระผู้มีพระภาค
ครั้งนั้นแล เมื่อท่านพระอานนท์ หลีกไปแล้วไม่นาน มารผู้ลามก ได้กราบทูล พระผู้มีพระภาคว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
บัดนี้พระผู้มีพระภาค จงเสด็จปรินิพพานเถิด
ขอพระสุคตจงเสด็จ ปรินิพพานเถิด
บัดนี้เป็นกาลปรินิพพานของพระผู้มีพระภาค
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็พระผู้มีพระภาคตรัสพระวาจานี้ไว้ว่า ดูกรมารผู้ลามก เราจักยังไม่ ปรินิพพาน ตราบเท่าที่พวกภิกษุสาวกของเรายังไม่ฉลาดไม่ได้รับแนะนำ ไม่แกล้วกล้า ยังไม่บรรลุธรรมอันเกษมจากโยคะ ยังไม่เป็นพหูสูต ไม่ทรงธรรม ไม่ปฏิบัติธรรม สมควรแก่ธรรม ยังไม่ปฏิบัติชอบ ยังไม่ประพฤติตามธรรม ไม่เรียน อาจาริยวาทของตน แล้วบอก แสดง บัญญัติ แต่งตั้งเปิดเผย จำแนก กระทำให้ง่าย ไม่แสดงธรรมมีปฏิหาริย์ย่ำยี ด้วยดีซึ่งปรัปวาทที่เกิดขึ้นแล้วโดยชอบธรรม
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ บัดนี้ ภิกษุสาวกของพระผู้มีพระภาค เป็นผู้ฉลาด ได้รับ แนะนำ แกล้วกล้า บรรลุธรรมอันเกษมจากโยคะเป็นพหูสูต ทรงธรรม ปฏิบัติธรรม สมควรแก่ธรรม ปฏิบัติชอบ ประพฤติตามธรรม เรียนอาจาริยวาทของตนแล้ว บอก แสดง บัญญัติ แต่งตั้ง เปิดเผยจำแนก กระทำให้ง่าย แสดงธรรมมีปาฏิหาริย์ย่ำยีด้วยดี ซึ่งปรัปวาท ที่เกิดขึ้นแล้ว โดยชอบธรรม
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ บัดนี้ขอพระผู้มีพระภาค จงเสด็จปรินิพพานเถิด ขอ พระสุคต จงเสด็จปรินิพพานเถิด บัดนี้ เป็นกาลปรินิพพานแห่งพระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาคตรัส พระวาจานี้ไว้ว่า
ดูกรมารผู้ลามก เราจักยังไม่ปรินิพพาน ตราบเท่าที่
ภิกษุณีสาวิกาของเรา ฯลฯ
อุบาสกสาวก ของเรา ฯลฯ
อุบาสิกาสาวิกาของเรา ยังไม่ฉลาด ยังไม่ได้รับแนะนำ ยังไม่แกล้วกล้า ยังไม่บรรลุธรรม อันเกษมจากโยคะ ยังไม่เป็นพหูสูต ยังทรงจำธรรมไม่ได้ ยังปฏิบัติธรรมสมควร แก่ธรรมไม่ได้ ยังไม่ปฏิบัติชอบ ยังไม่ประพฤติตามธรรม ไม่เรียนอาจาริยวาท ของตนแล้ว บอก แสดง บัญญัติ แต่งตั้ง เปิดเผย จำแนกกระทำ ให้ง่าย ไม่แสดงธรรม มีปฏิหาริย์ย่ำยีด้วยดีซึ่งปรัปวาทที่เกิดขึ้นแล้วโดยชอบธรรม
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ บัดนี้ อุบาสิกาสาวิกาของพระผู้มีพระภาค เป็นผู้ฉลาด ได้รับแนะนำ แกล้วกล้า บรรลุธรรมอันเกษมจากโยคะ เป็นพหูสูตทรงธรรม ปฏิบัติธรรม สมควรแก่ธรรม ปฏิบัติชอบ ประพฤติตามธรรม เรียนอาจาริยวาทของตนแล้ว บอก แสดง บัญญัติ แต่งตั้ง เปิดเผย จำแนก ทำให้ง่าย แสดงธรรมมีปาฏิหาริย์ย่ำยีด้วยดี ซึ่ง ปรัปวาท ที่เกิดขึ้นแล้ว โดยชอบธรรม
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ บัดนี้ ขอพระผู้มีพระภาค จงเสด็จปรินิพพานเถิด ขอพระสุคตจงเสด็จปรินิพพานเถิด บัดนี้เป็นกาลปรินิพพานแห่ง พระผู้มีพระภาค ก็พระผู้มีพระภาค ตรัสพระวาจานี้ไว้ว่า
ดูกรมารผู้ลามก เราจักยังไม่ปรินิพพาน ตราบเท่าที่พรหมจรรย์ของเรานี้ ยังไม่เจริญแพร่หลาย กว้างขวาง ชนเป็นอันมาก ยังไม่รู้ทั่วยังไม่แน่นหนา เทวดา และมนุษย์ทั้งหลาย ยังไม่ประกาศ ดีแล้ว
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ บัดนี้ พรหมจรรย์ของ พระผู้มีพระภาคเจริญแพร่หลาย กว้างขวาง ชนเป็นอันมากรู้ทั่ว แน่นหนา เทวดาและ มนุษย์ประกาศดีแล้ว ข้าแต่พระองค์ ผู้เจริญบัดนี้ ขอพระผู้มีพระภาคจงเสด็จปรินิพพาน เถิด ขอพระสุคตจงเสด็จปรินิพพาน เถิด บัดนี้ เป็นกาลปรินิพพาน แห่งพระผู้มีพระภาค
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรมารผู้ลามก ท่านจงเป็นผู้ขวนขวายน้อยเถิด ไม่นานนัก ตถาคตจักปรินิพพาน แต่นี้ล่วงไป ๓ เดือน ตถาคตจักปรินิพพาน
(ทรงปลงสังขาร ณ ปาวาลเจดีย์ เกิดแผ่นดินไหวใหญ่)
ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาค ทรงมีสติสัมปชัญญะ ปลงอายุสังขาร ณ ปาวาลเจดีย์ เมื่อพระผู้มี พระภาค ทรงปลงอายุ สังขารแล้ว แผ่นดินไหวใหญ่ น่าสะพึงกลัว โลมชาติชูชัน กลองทิพย์ก็บันลือลั่น
พระผู้มีพระภาค ทรงทราบเนื้อความนั้นแล้ว จึงทรงเปล่ง พระอุทาน ในเวลา นั้น ว่า มุนีได้ปลง เครื่องปรุงแต่งภพ อันเป็นเหตุสมภพ ทั้งที่ชั่งได้ ทั้งที่ชั่งไม่ได้ ยินดีในภายใน มีจิตตั้งมั่น ได้ทำลายกิเลสที่ เกิดในตน เหมือนทหาร ทำลายเกราะ ฉะนั้น
ครั้งนั้นแล ท่านพระอานนท์ได้มีความคิดดังนี้ว่า แผ่นดินนี้ไหวใหญ่หนอ แผ่นดินนี้ ไหวใหญ่ จริงหนอ น่าสะพึงกลัว โลมชาติชูชัน ทั้งกลองทิพย์ก็บันลือลั่น อะไรหนอเป็นเหตุเป็นปัจจัย แห่งความปรากฏแผ่นดินไหวใหญ่ ลำดับนั้นแลท่าน พระอานนท์เข้าไปเฝ้า พระผู้มีพระภาค ถึงที่ประทับ ถวายบังคมแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วน ข้างหนึ่ง
ครั้นแล้ว ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญแผ่นดินนี้ไหว ใหญ่หนอ แผ่นดินนี้ ไหวใหญ่จริงหนอ น่าสะพึงกลัว โลมชาติชูชัน ทั้งกลองทิพย์ ก็บันลือลั่น อะไรหนอ เป็นเหตุ เป็นปัจจัยแห่งความปรากฏแผ่นดินไหวใหญ่
(เหตุเกิดแผ่นดินไหว ๘ ประการ)
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรอานนท์ เหตุปัจจัย ๘ ประการนี้แห่งความปรากฏ แผ่นดินไหวใหญ่ ๘ ประการเป็นไฉน ดูกรอานนท์ (๑) แผ่นดินใหญ่ตั้งอยู่บนน้ำ น้ำตั้งอยู่ บนลม ลมตั้งอยู่บนอากาศ สมัยนั้นลมพายุพัดจัด ลมพายุพัดให้น้ำไหว น้ำไหวแล้ว ทำให้แผ่นดินไหว ดูกรอานนท์ นี้เป็นเหตุเป็นปัจจัยประการที่ ๑ แห่งความปรากฏ แผ่นดินไหวใหญ่ (ธาตทั้ง ๔ ไม่สมดุลย์)
อีกประการหนึ่ง (๒) สมณะหรือพราหมณ์ผู้มีฤทธิ์ บรรลุความชำนาญทางจิต หรือ เทวดาผู้มีฤทธิ์มาก มีอานุภาพมาก เจริญปฐวีสัญญานิดหน่อย เจริญอาโปสัญญา หาประมาณมิได้ ย่อมยังแผ่นดินนี้ให้สะเทื้อนสะท้านหวั่นไหว ดูกรอานนท์ นี้เป็นเหตุเป็น ปัจจัยประการที่ ๒ แห่งความปรากฏแผ่นดินไหวใหญ่
อีกประการหนึ่ง (๓) เมื่อใด พระโพธิสัตว์จุติจากชั้นดุสิต มีสติสัมปชัญญะลงสู่ พระครรภ์ พระมารดา เมื่อนั้น แผ่นดินนี้ย่อมสะเทื้อนสะท้านหวั่นไหวดูกรอานนท์ นี้เป็นเหตุเป็นปัจจัยประการที่ ๓ แห่งความปรากฏแผ่นดินไหวใหญ่
อีกประการหนึ่ง(๔) เมื่อใด พระโพธิสัตว์มีสติสัมปชัญญะ ประสูติจากพระครรภ์ พระมารดา เมื่อนั้น แผ่นดินนี้ย่อมสะเทื้อนสะท้านหวั่นไหว ดูกรอานนท์นี้เป็นเหตุ เป็นปัจจัย ประการที่ ๔ แห่ง ความปรากฏแผ่นดินไหวใหญ่
อีกประการหนึ่ง(๕) เมื่อใด พระตถาคตตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ เมื่อนั้น แผ่นดินนี้ย่อม สะเทื้อน สะท้านหวั่นไหว ดูกรอานนท์ นี้เป็นเหตุเป็นปัจจัยประการที่ ๕ แห่งความปรากฏ แผ่นดินไหวใหญ่
อีกประการหนึ่ง(๖) เมื่อใด พระตถาคตทรงประกาศอนุตรธรรมจักร เมื่อนั้น แผ่นดินนี้ ย่อมสะเทื้อน สะท้านหวั่นไหว ดูกรอานนท์ นี้เป็นเหตุเป็นปัจจัย ประการที่ ๖ แห่งความปรากฏ แผ่นดินไหว ใหญ่
อีกประการหนึ่ง(๗) เมื่อใด พระตถาคตทรงมีสติสัมปชัญญะ ปลงอายุสังขาร เมื่อนั้น แผ่นดินนี้ย่อม สะเทื้อนสะท้านหวั่นไหว ดูกรอานนท์ นี้เป็นเหตุเป็นปัจจัยประการที่ ๗ แห่งความ ปรากฏ แผ่นดินไหวใหญ่
อีกประการหนึ่ง(๘) เมื่อใด พระตถาคตปรินิพพาน ด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาต ุเมื่อนั้น แผ่นดินนี้ ย่อมสะเทื้อนสะท้านหวั่นไหว ดูกรอานนท์ นี้เป็นเหตุเป็นปัจจัย ประการที่ ๘ แห่งความ ปรากฏแผ่นดินไหวใหญ่ ดูกรอานนท์ เหตุปัจจัย๘ ประการนี้แล แห่งความปรากฏ แผ่นดินไหวใหญ่ |