เว็บไซต์ อนาคามี เผยแพร่คำพระศาสดา เผยแพร่คำสอนตถาคต เว็บไซต์เผยแพร่พระสุตรคำสอนของพระพุทธเจ้า คลิปคำสอน คลิปสาธยายธรรม
ค้นหาคำที่ต้องการ            

ปาตุภาวสูตร อานิสังสสูตร อนิจจสูตร ทุกขสูตร อนัตตสูตร นิพพานสูตร อโนทิสสูตร ภวสูตร ตัณหาสูตร 2269
 

พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒

๑. ปาตุภาวสูตร
ความปรากฏขึ้นแห่งเหตุ ๖ ประการเป็นของหาได้ ยาก ในโลก
๑ ความปรากฏขึ้นแห่งพระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
๒ บุคคลผู้แสดงธรรมวินัยที่พระตถาคตประกาศแล้ว
๓ ความเกิดขึ้นในมัชฌิมประเทศ (ที่มีพระอริยเจ้า)
๔ ความเป็นผู้มีอินทรีย์ไม่บกพร่อง
๕ ความไม่เป็นใบ้บ้าน้ำลาย
๖ ความพอใจในกุศลธรรม

๒. อานิสังสสูตร
อานิสงส์ในการกระทำให้แจ้ง ซึ่งโสดาปัตติผล
๑ เป็นผู้แน่นอนในพระสัทธรรม
๒ เป็นผู้มีความไม่เสื่อมเป็นธรรมดา
๓ เขาผู้กระทำที่สุดแห่งทุกข์แล้วย่อมไม่มีทุกข์
๔ เป็นผู้ประกอบด้วยอสาธารณญาณ
๕ เขาเห็นเหตุแล้วด้วยดี
๖ เห็นธรรมที่เกิดขึ้นแต่เหตุด้วยดี
------------------------------------------------------------------------------------------------
ข้อที่เป็นฐานะและไม่เป็นฐานะ

๓. อนิจจสูตร ข้อที่ไม่เป็นฐานะที่จะมีได้
๑ ภิกษุผู้พิจารณาเห็นสังขาร เป็นของเที่ยง
๒ ไม่ประกอบด้วย ขันติที่สมควรแล้ว จักก้าวลงสู่ความเป็นชอบ
๓ จะกระทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล สกทาคามิผล อนาคามิผล หรืออรหัตผล

๔. ทุกขสูตร ข้อที่ไม่เป็นฐานะ
ภิกษุผู้พิจารณาเห็นสังขารไรๆ โดยความเป็นสุข ฯลฯ ข้อนั้นย่อมไม่เป็นฐานะที่จะมีได้

๕. อนัตตสูตร ข้อที่เป็นฐานะ
ภิกษุผู้พิจารณาเห็นธรรมทั้งปวง โดยความเป็นอนัตตา ข้อนั้นย่อมเป็นฐานะที่จะมีได้

๖. นิพพานสูตร ข้อที่เป็นฐานะ
ภิกษุพิจารณาเห็นนิพพาน โดยความเป็นสุข จักเป็นผู้ประกอบด้วยขันติ ข้อนั้นย่อมเป็นฐานะ
ภิกษุประกอบด้วยขันติ จักก้าวลงสู่ความเป็นชอบ ข้อนั้นย่อมเป็นฐานะที่จะมีได้
ภิกษุก้าวลงสู่ความเป็นชอบ จักกระทำให้แจ้งฯ ข้อนั้นย่อมเป็นฐานะที่จะมีได้
---------------------------------------------------------------------------------

๗. อโนทิสสูตรที่ ๑
ภิกษุพิจารณาเห็นอยู่ว่าสังขารทั้งปวงไม่มีเขตจำกัด แล้วทำอนิจจสัญญาให้ปรากฏ
สัวขารทั้งหลายเป็นของแปรปรวน เป็นผู้ไม่ยินดีในโลกทั้งปวง จิตจะน้อมไปสู่นิพพาน...

๘. อโนทิสสูตรที่ ๒
ภิกษุพิจารณาเห็นอยู่ว่าสังขารทั้งปวงไม่มีเขตจำกัด แล้วทำทุกขสัญญาให้ปรากฏ
พิจารณาเห็นว่านิพพานสัญญาจะปรากฎแก่เรา เราจักมีปกติเห็นสันติในนิพพาน...

๙. อโนทิสสูตรที่ ๓

๑๐. ภวสูตร
ภพ ๓ นี้ควรละ คือ กามภพ รูปภพ อรูปภพ ภพ

๑๑. ตัณหาสูตร
ตัณหา ๓ นี้ควรละ กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา
มานะ ๓ นี้ควรละ ความถือตัวว่าเสมอเขา ความถือตัวว่าเลวกว่าเขา ความถือตัวว่าดีกว่าเขา

เรื่องสำคัญของพระพุทธเจ้า
การบำเพ็ญบารมีในอดีตชาติ
การประสูติ แสงสว่าง แผ่นดินไหว
แสวงหาสัจจะบำเพ็ญทุกรกิริยา
ปัญจวัคคีย์หลีก สิ่งที่ตรัสรู้
ตรัสรู้ แสดงเทศนาปัญจวัคคีย์
ปลงสังขาร ปรินิพพาน
ลำดับขั้นการปรินิพพาน
เทวดาแสดงฤทธิ์ขณะถวายเพลิง
แบ่งพระสรีระออกเป็น ๘ ส่วน
 
รวมพระสูตรบุคคลสำคัญ
พระโมคคัลลานะ
พระสารีบุตร
พระเทวทัต
นิครนถ์ปริพาชก
พระมหากัปปินะ
พระอนุรุทธะ
พระอุบาลี
(ดูทั้งหมด)
 
สารบาญพระไตรปิฎก
เล่มที่ ๘-๓๓ (๒๕ เล่ม) ทุกพระสูตร
1. ฉบับหลวง
2. ฉบับมหาจุฬาฯ
3. อรรถกถาไทย
4. ฉบับภาษาบาลี
5. อรรถกถา-บาลี
6. Pali Roman (Roman Script)
7. Atthakatha PaliRoman
 

 


 


พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๔๕๒

๑. ปาตุภาวสูตร

            [๓๖๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความปรากฏขึ้นแห่งเหตุ ๖ ประการเป็นของหาได้ ยาก ในโลก เหตุ ๖ ประการเป็นไฉน คือ

ความปรากฏขึ้นแห่งพระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ๑
บุคคลผู้แสดงธรรมวินัยที่พระตถาคตประกาศแล้ว ๑
ความเกิดขึ้นในมัชฌิมประเทศ (ที่มีพระอริยเจ้า) ๑
ความเป็นผู้มีอินทรีย์ไม่บกพร่อง ๑
ความไม่เป็นใบ้บ้าน้ำลาย ๑
ความพอใจในกุศลธรรม ๑

            ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความปรากฏขึ้นแห่งเหตุ ๖ ประการนี้แล เป็นของหาได้ยาก ในโลก


-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๔๕๒

๒. อานิสังสสูตร

            [๓๖๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อานิสงส์ในการกระทำให้แจ้ง ซึ่งโสดาปัตติผล ๖ ประการนี้ ๖ ประการเป็นไฉน คือ

บุคคลย่อมเป็นผู้แน่นอนในพระสัทธรรม ๑
ย่อมเป็นผู้มีความไม่เสื่อมเป็นธรรมดา ๑
เขาผู้กระทำที่สุดแห่งทุกข์แล้วย่อมไม่มีทุกข์ ๑
เป็นผู้ประกอบด้วยอสาธารณญาณ ๑
เขาเห็นเหตุแล้วด้วยดี ๑
และเห็นธรรมที่เกิดขึ้นแต่เหตุด้วยดี ๑

            ดูกรภิกษุทั้งหลาย อานิสงส์ในการกระทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล ๖ ประการ นี้แล


-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๔๕๒-๔๕๓

๓. อนิจจสูตร

            [๓๖๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย

ภิกษุผู้พิจารณาเห็นสังขารไรๆ โดยความเป็นของเที่ยง จักเป็นผู้ประกอบด้วยขันติ ที่สมควร ข้อนั้นย่อมไม่เป็นฐานะที่จะมีได้

ไม่ประกอบด้วย ขันติที่สมควรแล้ว จักก้าวลงสู่ความเป็นชอบ และความแน่นอน ข้อนั้นย่อมไม่เป็นฐานะที่จะมีได้

เมื่อไม่ก้าวลงสู่ความเป็นชอบและความแน่นอน จักกระทำให้แจ้งซึ่ง โสดาปัตติผล สกทาคามิผล อนาคามิผลหรืออรหัตผล ข้อนั้นย่อมไม่เป็นฐานะที่จะมีได้

            ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้พิจารณาเห็นสังขารทั้งปวง โดยความเป็นของ ไม่เที่ยง จักเป็นผู้ประกอบด้วยขันติ ที่สมควร ข้อนั้นย่อมเป็นฐานะที่จะมีได้

เธอประกอบด้วยขันติที่สมควรแล้ว จักก้าวลงสู่ความเป็นชอบและความแน่นอน ข้อนั้นย่อมเป็นฐานะที่จะมีได้

เมื่อก้าวลงสู่ความเป็นชอบ และความแน่นอน จักกระทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล สกทาคามิผล อนาคามิผล หรือ อรหัตผล ข้อนั้นย่อมเป็นฐานะที่จะมีได้


-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๔๕๓

๔. ทุกขสูตร

            [๓๗๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้พิจารณาเห็นสังขารไรๆ โดยความเป็นสุข ฯลฯ (ข้อนั้นย่อมไม่เป็นฐานะที่จะมีได้)

            ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้พิจารณาเห็นสังขารทั้งปวง โดยความเป็นทุกข์ ฯลฯ (ข้อนั้นย่อมเป็นฐานะที่จะมีได้)


-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๔๕๓

๕. อนัตตสูตร

            [๓๗๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้พิจารณาเห็นธรรมไรๆ โดยความเป็นอัตตา ฯลฯ(ข้อนั้นย่อมไม่เป็นฐานะที่จะมีได้)

            ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้พิจารณาเห็นธรรมทั้งปวง โดยความเป็นอนัตตา ฯลฯ(ข้อนั้นย่อมเป็นฐานะที่จะมีได้)


-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๔๕๓-๔๕๔

๖. นิพพานสูตร

            [๓๗๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ภิกษุผู้พิจารณาเห็นนิพพาน โดยความเป็นทุกข์ จักเป็นผู้ประกอบด้วยขันติที่สมควร ข้อนั้นย่อมไม่เป็นฐานะที่จะมีได้

เธอไม่ประกอบด้วย ขันติที่สมควรแล้ว จักก้าวลงสู่ความเป็นชอบ และความแน่นอน ข้อนั้นย่อมไม่เป็น ฐานะที่จะมีได้

เมื่อไม่ก้าวลงสู่ความเป็นชอบ และความแน่นอน จักกระทำให้แจ้งซึ่ง โสดาปัตติผล สกทาคามิผล อนาคามิผล หรือ อรหัตผล ข้อนั้นย่อมไม่เป็นฐานะที่จะมีได้

            ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้พิจารณาเห็นนิพพาน โดยความเป็นสุข จักเป็นผู้ ประกอบด้วยขันติที่สมควร ข้อนั้นย่อมเป็นฐานะที่จะมีได้

เธอประกอบด้วยขันติ ที่สมควรแล้ว จักก้าวลงสู่ความเป็นชอบและความแน่นอน ข้อนั้นย่อมเป็นฐานะที่จะมีได้

มื่อก้าวลงสู่ความเป็นชอบและความแน่นอน จักกระทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล สกทาคามิผล อนาคามิผล หรือ อรหัตผล ข้อนั้นย่อมเป็นฐานะที่จะมีได้


-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๔๕๔

๗. อโนทิสสูตรที่ ๑

            [๓๗๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้พิจารณาเห็นอานิสงส์ ๖ ประการ เป็นผู้สามารถเพื่อไม่กระทำเขตจำกัด ในสังขารทั้งปวง แล้วยัง อนิจจสัญญาให้ปรากฏ อานิสงส์ ๖ ประการเป็นไฉน คือ

ภิกษุพิจารณาเห็นอยู่ว่าสังขารทั้งปวง จักปรากฏโดย ความเป็นของไม่มั่นคง ๑
ใจของเราจักไม่ยินดีในโลกทั้งปวง ๑
ใจของเราจักออกจากโลกทั้งปวง ๑
ใจของเราจักน้อมไปสู่นิพพาน ๑
สังโยชน์ทั้งหลายของเราจักถึงการละได้ ๑
และเราจักเป็นผู้ประกอบด้วยสามัญญธรรม ชั้นเยี่ยม ๑

            ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้พิจารณาเห็นอานิสงส์ ๖ ประการนี้แล เป็นผู้สามารถ เพื่อไม่กระทำเขตจำกัด ในสังขารทั้งปวง แล้วยังอนิจจสัญญาให้ปรากฏ


-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๔๕๔-๔๕๓

๘. อโนทิสสูตรที่ ๒

            [๓๗๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้พิจารณาเห็นอานิสงส์ ๖ ประการ ๑ สามัญญธรรม หมายถึงอริยมรรคเป็นผู้สามารถ เพื่อไม่กระทำเขตจำกัดในสังขารทั้งปวง แล้วยังทุกขสัญญาให้ปรากฏ อานิสงส์ ๖ ประการเป็นไฉน คือ

ภิกษุพิจารณาเห็นอยู่ว่า นิพพานสัญญาในสังขารทั้งปวง จักปรากฏแก่เราเหมือน เพชฌฆาตผู้เงื้อดาบขึ้นอยู่ ๑
ใจของเราจักออกจากโลกทั้งปวง ๑
เราจักเป็นผู้มีปรกติเห็นสันติในนิพพาน ๑
อนุสัยของเราจักถึงการเพิกถอน ๑
เราจักเป็นผู้กระทำตามหน้าที่ ๑ และเราจักบำรุงพระศาสดาด้วยความบำรุงอันประกอบด้วยเมตตา ๑

            ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้พิจารณาเห็นอานิสงส์ ๖ ประการนี้แล เป็นผู้สามารถ เพื่อไม่กระทำเขตจำกัด ในสังขารทั้งปวง แล้วยังทุกขสัญญาให้ปรากฏ


-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๔๕๕

๙. อโนทิสสูตรที่ ๓

            [๓๗๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้พิจารณาเห็นอานิสงส์ ๖ ประการ เป็นผู้ สามารถ เพื่อไม่กระทำเขตจำกัดในธรรมทั้งปวง แล้วยังอนัตตสัญญาให้ปรากฏ อานิสงส์ ๖ ประการเป็นไฉน คือ

ภิกษุพิจารณาเห็นอยู่ว่าเราเป็นผู้ไม่มีตัณหา และทิฐิในโลกทั้งปวง ๑
ทิฐิอันเป็นเหตุให้กระทำความถือตัวว่า เราของเราจักดับ ๑
ตัณหาอันเป็นเหตุให้กระทำการยึดถือว่าของเราของเราจักดับ ๑
เราจักเป็นผู้ประกอบด้วยอสาธารณญาณ ๑
เราจะเห็นเหตุด้วยดี ๑
และจักเห็นธรรมที่เกิดขึ้นแต่เหตุด้วยดี ๑

            ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุพิจารณาเห็นอานิสงส์ ๖ ประการนี้แล เป็นผู้สามารถ เพื่อไม่กระทำเขตจำกัดในธรรมทั้งปวง แล้วยังอนัตตสัญญาให้ปรากฏ


-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๔๕๕-๔๕๖

๑๐. ภวสูตร

            [๓๗๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภพ ๓ นี้ควรละ ควรศึกษาในไตรสิกขา ภพ ๓ เป็นไฉน คือ กามภพ รูปภพ อรูปภพ ภพ ๓ นี้ควรละไตรสิกขาเป็นไฉน คือ อธิศีลสิกขา อธิจิตสิกขา อธิปัญญาสิกขา ควรศึกษาในไตรสิกขานี้

            ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อใดแล ภพ ๓ นี้ เป็นสภาพอันภิกษุละได้แล้ว และเธอ เป็นผู้มีสิกขา อันได้ศึกษาแล้วในไตรสิกขานี้ เมื่อนั้นภิกษุนี้เรากล่าวว่า ได้ตัดตัณหา ขาดแล้ว คลายสังโยชน์ได้แล้ว ได้ทำที่สุดทุกข์เพราะละมานะได้โดยชอบ


-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๔๕๖

๑๑. ตัณหาสูตร

            [๓๗๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ตัณหา ๓ และ มานะ ๓ ควรละ

ตัณหา ๓ เป็นไฉน คือ กามตัณหา ๑ ภวตัณหา ๑ วิภวตัณหา ๑ ตัณหา ๓ นี้ควรละ

มานะ ๓ เป็นไฉน คือ ความถือตัวว่าเสมอเขา ๑ ความถือตัวว่าเลวกว่าเขา ๑ ความถือตัวว่าดีกว่าเขา ๑ มานะ ๓ นี้ควรละ

            ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อใดแล ตัณหา ๓ และมานะ ๓ นี้ย่อมเป็นธรรมชาติ อันภิกษุละได้แล้ว เมื่อนั้น ภิกษุนี้เรากล่าวว่า ได้ตัดตัณหาขาดแล้ว คลายสังโยชน์ ได้แล้ว ได้กระทำที่สุดทุกข์เพราะละมานะได้โดยชอบ




 





หนังสือพุทธวจน ธรรมะของพระศาสดา
90 90 90 90
พุทธประวัติ ขุมทรัพย์ อริยสัจ
ภาคต้น
อริยสัจ
ภาคปลาย
ปฏิจจ ปฐมธรรม ตถาคต อนาคามี อินทรีย์
สังวร
สัตว์
สัตตานัง
ทาน
สกทาคามี
ฆราวาส
ชั้นเลิศ
มรรควิธี
ที่ง่าย
อริยวินัย เดรัจฉานวิชา กรรม สมถะ
วิปัสสนา
โสดาบัน นา
ปานสติ
จิต มโน
วิญญาณ
ก้าวย่าง
อย่างพุทธะ
ตามรอย
ธรรม
ภพ ภูมิ
พุทธวจน
สาธยาย
ธรรม
สังโยชน์