พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๔๔๕
๑. สีติสูตร
ว่าด้วยสีติภาวะ
[๓๕๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๖ ประการ ย่อมเป็นผู้ไม่ ควรเพื่อทำให้แจ้ง ซึ่งความเป็นผู้เย็นอย่างยิ่ง ธรรม ๖ ประการเป็นไฉน คือ ภิกษุใน ธรรมวินัยนี้
ย่อมไม่ข่มจิตในสมัยที่ควรข่ม ๑
ไม่ประคองจิตในสมัยที่ควรประคอง ๑
ไม่ยังจิตให้ร่าเริงในสมัยที่ควรให้ร่าเริง ๑
ไม่วางเฉยจิตในสมัยที่ควรวางเฉย ๑
เป็นผู้น้อมไปในธรรมเลว ๑
และเป็นผู้ยินดียิ่งในสักกายะ ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๖ ประการนี้แลย่อมเป็นผู้ไม่ควร เพื่อทำให้แจ้ง ซึ่งความเป็นผู้เย็นอย่างยิ่ง
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๖ ประการ ย่อมเป็นผู้ควรเพื่อ กระทำให้แจ้ง ซึ่งความเป็นผู้เย็นอย่างยิ่ง ธรรม ๖ ประการเป็นไฉน คือภิกษุในธรรมวินัย นี้
ย่อมข่มจิตในสมัยที่ควรข่ม ๑
ย่อมประคองจิตในสมัยที่ควรประคอง ๑
ย่อมยังจิตให้ร่าเริงในสมัยที่ควรให้ร่าเริง ๑
ย่อมวางเฉยจิตในสมัยที่ควรวางเฉย ๑
เป็นผู้น้อมไปในธรรมประณีต ๑
และเป็นผู้ยินดียิ่งในนิพพาน ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุประกอบด้วยธรรม ๖ ประการนี้แล ย่อมเป็นผู้ควร กระทำให้แจ้งซึ่งความเป็นผู้เย็นอย่างยิ่ง
------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๔๔๕-๔๔๖
๒. ภัพพสูตร
ว่าด้วยธรรมเป็นเครื่องกั้น
[๓๕๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๖ ประการ แม้ฟัง สัทธรรมอยู่ ก็เป็นผู้ไม่ควรเพื่อก้าวลงสู่ความแน่นอน ความเป็นชอบ ในกุศลธรรม ทั้งหลาย ธรรม ๖ ประการเป็นไฉน คือ
เป็นผู้ประกอบด้วยความเป็นผู้มีกรรมเป็นเครื่องกั้น ๑
ประกอบด้วยความเป็นผู้มีกิเลสเป็นเครื่องกั้น ๑
ประกอบด้วยความเป็นผู้มีวิบากเป็นเครื่องกั้น ๑
เป็นผู้ไม่มีศรัทธา ๑
ไม่มีฉันทะ ๑
และมีปัญญาทราม ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๖ ประการนี้แล แม้ฟังสัทธรรม อยู่ ก็เป็นผู้ไม่ควร เพื่อก้าวลงสู่ความแน่นอน ความเป็นชอบในกุศลธรรมทั้งหลาย
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๖ ประการ แม้ฟังสัทธรรมอยู่ ก็เป็นผู้ควร เพื่อก้าวลงสู่ความแน่นอน ความเป็นชอบในกุศลธรรมทั้งหลาย ธรรม ๖ ประการเป็นไฉน คือ
ย่อมเป็นผู้ไม่ประกอบด้วย ความเป็นผู้มีกรรมเป็นเครื่องกั้น ๑
ไม่ประกอบด้วย ความเป็นผู้มีกิเลสเป็นเครื่องกั้น ๑
ไม่ประกอบด้วย ความเป็นผู้มีวิบากเป็นเครื่องกัน ๑
เป็นผู้มีศรัทธา ๑
มีฉันทะ ๑
และมีปัญญา ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลประกอบด้วยธรรม ๖ ประการนี้แล แม้ฟังสัทธรรมอยู่ ก็เป็นผู้ควรเพื่อก้าวลงสู่ความแน่นอน ความเป็นชอบในกุศลธรรมทั้งหลาย
------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๔๔๖-๔๔๗
๓. อาวรณตาสูตร
ว่าด้วยผู้ฆ่า
[๓๕๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๖ ประการ แม้ฟัง สัทธรรมอยู่ก็เป็นผู้ไม่ควรเพื่อก้าวลงสู่ความแน่นอน ความเป็นชอบในกุศลธรรม ทั้งหลาย ธรรม ๖ ประการเป็นไฉน คือ
เป็นผู้ฆ่ามารดา ๑
ฆ่าบิดา๑
ฆ่าพระอรหันต์ ๑
ยังพระโลหิตของพระตถาคตให้ห้อขึ้นด้วยจิตประทุษร้าย ๑
เป็นผู้ทำลายสงฆ์ให้แตกกัน ๑
และเป็นผู้มีปัญญาทราม ใบ้ บ้าน้ำลาย ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๖ ประการนี้แล แม้ฟังสัทธรรม อยู่ ก็เป็นผู้ไม่ควรเ พื่อก้าวลงสู่ความแน่นอน ความเป็นชอบ ในกุศลธรรมทั้งหลาย
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๖ ประการ แม้ฟังสัทธรรมอยู่ ก็เป็นผู้ควร เพื่อก้าวลงสู่ความแน่นอน ความเป็นชอบ ในกุศลธรรมทั้งหลาย ธรรม ๖ ประการเป็นไฉน คือ
ไม่เป็นผู้ฆ่ามารดา ๑
ไม่เป็นผู้ฆ่าบิดา ๑
ไม่เป็นผู้ฆ่าพระอรหันต์ ๑
ไม่เป็นผู้ยังพระโลหิตของพระตถาคตให้ห้อขึ้นด้วยจิตประทุษร้าย ๑
ไม่ทำลายสงฆ์ให้แตกกัน ๑
และมีปัญญา ไม่ใบ้ไม่บ้าน้ำลาย ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๖ ประการนี้แลแม้ฟังสัทธรรมอยู่ ก็เป็นผู้ควรเพื่อก้าวลงสู่ความแน่นอน ความเป็นชอบ ในกุศลธรรมทั้งหลาย
------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๔๔๗-๔๔๘
๔. สุสสูสาสูตร
การฟังด้วยดี
[๓๕๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๖ ประการ แม้ฟัง สัทธรรมอยู่ ก็เป็นผู้ไม่ควรเพื่อก้าวลงสู่ความแน่นอน ความเป็นชอบในกุศลธรรม ทั้งหลาย ธรรม ๖ ประการเป็นไฉน คือ เมื่อธรรมวินัย ที่ตถาคตประกาศแล้ว อันบุคคลอื่น แสดงอยู่
ก็ไม่ฟังด้วยดี ๑
ไม่เงี่ยโสตลงฟัง ๑
ไม่เข้าไปตั้งจิตเพื่อรู้ทั่วถึง ๑
ถือเอาแต่สิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ ๑
ทิ้งสิ่งที่เป็นประโยชน์ ๑
และเป็นผู้ประกอบด้วยขันติที่ไม่สมควร ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๖ ประการนี้แล แม้ฟังสัทธรรม อยู่ ก็เป็นผู้ไม่ควรเพื่อก้าวลงสู่ความแน่นอน ความเป็นชอบ ในกุศลธรรมทั้งหลาย
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๖ ประการ แม้ฟังสัทธรรมอยู่ ก็เป็นผู้ควรเพื่อก้าวลงสู่ความแน่นอน ความเป็นชอบ ในกุศลธรรมทั้งหลายธรรม ๖ ประการเป็นไฉน คือ เมื่อธรรมวินัย ที่ตถาคตประกาศแล้ว อันบุคคลอื่นแสดงอยู่
ย่อมฟังด้วยดี ๑
ย่อมเงี่ยโสตลงฟัง ๑
เข้าไปตั้งจิตเพื่อรู้ทั่วถึง ๑
ถือเอาแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์ ๑
ละทิ้งสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ ๑
และเป็นผู้ประกอบด้วยขันติที่สมควร ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๖ประการนี้แล แม้ฟังสัทธรรมอยู่ ก็เป็นผู้ควรเพื่อก้าวลงสู่ความแน่นอน ความเป็นชอบ ในกุศลธรรมทั้งหลาย |