เว็บไซต์ อนาคามี เผยแพร่คำพระศาสดา เผยแพร่คำสอนตถาคต เว็บไซต์เผยแพร่พระสุตรคำสอนของพระพุทธเจ้า คลิปคำสอน คลิปสาธยายธรรม
ค้นหาคำที่ต้องการ            

สีติสูตร ผู้ไม่ควรทำให้แจ้ง ภัพพสูตร ธรรมเป็นเครื่องกั้น อาวรณตาสูตร ฆ่าบิดา มารดา สุสสูสาสูตร ไม่ฟังด้วยดี 2200
 

พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒

สีติสูตร ว่าด้วยสีติภาวะ
ผู้ไม่ควรทำให้แจ้ง
๑ ไม่ข่มจิตในสมัยที่ควรข่ม
๒ ไม่ประคองจิตในสมัยที่ควรประคอง
๓ ไม่ยังจิตให้ร่าเริงในสมัยที่ควรให้ร่าเริง
๔ ไม่วางเฉยจิตในสมัยที่ควรวางเฉย
๕ เป็นผู้น้อมไปในธรรมเลว
๖ และเป็นผู้ยินดียิ่งในสักกายะ

ภัพพสูตร ว่าด้วยธรรมเป็นเครื่องกั้น
แม้ฟัง สัทธรรมอยู่ ก็เป็นผู้ไม่ควรก้าวลงสู่กุศลธรรม
๑ เป็นผู้ประกอบด้วยความเป็นผู้มีกรรมเป็นเครื่องกั้น
๒ ประกอบด้วยความเป็นผู้มีกิเลสเป็นเครื่องกั้น
๓ ประกอบด้วยความเป็นผู้มีวิบากเป็นเครื่องกั้น
๔ เป็นผู้ไม่มีศรัทธา
๕ ไม่มีฉันทะ
๖ มีปัญญาทราม

อาวรณตาสูตร ว่าด้วยผู้ฆ่า
แม้ฟังสัทธรรมอยู่ ก็เป็นผู้ไม่ควรก้าวลงสู่กุศลธรรมทั้งหลาย
๑ เป็นผู้ฆ่ามารดา
๒ ฆ่าบิดา
๓ ฆ่าพระอรหันต์
๔ ยังพระโลหิตของพระตถาคตให้ห้อขึ้นด้วยจิตประทุษร้าย
๕ ทำลายสงฆ์ให้แตกกัน
๖ มีปัญญาทราม ใบ้ บ้าน้ำลาย

สุสสูสาสูตร การฟังด้วยดี
แม้ฟัง สัทธรรมอยู่ ก็เป็นผู้ไม่ควรก้าวลงสู่กุศลธรรม
๑ ไม่ฟัง(ธรรม)ด้วยดี
๒ ไม่เงี่ยโสตลงฟัง
๓ ไม่เข้าไปตั้งจิตเพื่อรู้ทั่วถึง(ไม่ใคร่ครวญตาม)
๔ ถือเอาแต่สิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์
๕ ทิ้งสิ่งที่เป็นประโยชน์
๖ เป็นผู้ประกอบด้วยขันติที่ไม่สมควร



เรื่องสำคัญของพระพุทธเจ้า
การบำเพ็ญบารมีในอดีตชาติ
การประสูติ แสงสว่าง แผ่นดินไหว
แสวงหาสัจจะบำเพ็ญทุกรกิริยา
ปัญจวัคคีย์หลีก สิ่งที่ตรัสรู้
ตรัสรู้ แสดงเทศนาปัญจวัคคีย์
ปลงสังขาร ปรินิพพาน
ลำดับขั้นการปรินิพพาน
เทวดาแสดงฤทธิ์ขณะถวายเพลิง
แบ่งพระสรีระออกเป็น ๘ ส่วน
 
รวมพระสูตรบุคคลสำคัญ
พระโมคคัลลานะ
พระสารีบุตร
พระเทวทัต
นิครนถ์ปริพาชก
พระมหากัปปินะ
พระอนุรุทธะ
พระอุบาลี
(ดูทั้งหมด)
 
สารบาญพระไตรปิฎก
เล่มที่ ๘-๓๓ (๒๕ เล่ม) ทุกพระสูตร
1. ฉบับหลวง
2. ฉบับมหาจุฬาฯ
3. อรรถกถาไทย
4. ฉบับภาษาบาลี
5. อรรถกถา-บาลี
6. Pali Roman (Roman Script)
7. Atthakatha PaliRoman
 

 


 


พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๔๔๕

๑. สีติสูตร
ว่าด้วยสีติภาวะ

             [๓๕๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๖ ประการ ย่อมเป็นผู้ไม่ ควรเพื่อทำให้แจ้ง ซึ่งความเป็นผู้เย็นอย่างยิ่ง ธรรม ๖ ประการเป็นไฉน คือ ภิกษุใน ธรรมวินัยนี้

ย่อมไม่ข่มจิตในสมัยที่ควรข่ม ๑
ไม่ประคองจิตในสมัยที่ควรประคอง ๑
ไม่ยังจิตให้ร่าเริงในสมัยที่ควรให้ร่าเริง ๑
ไม่วางเฉยจิตในสมัยที่ควรวางเฉย ๑
เป็นผู้น้อมไปในธรรมเลว ๑
และเป็นผู้ยินดียิ่งในสักกายะ ๑


             ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๖ ประการนี้แลย่อมเป็นผู้ไม่ควร เพื่อทำให้แจ้ง ซึ่งความเป็นผู้เย็นอย่างยิ่ง

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๖ ประการ ย่อมเป็นผู้ควรเพื่อ กระทำให้แจ้ง ซึ่งความเป็นผู้เย็นอย่างยิ่ง ธรรม ๖ ประการเป็นไฉน คือภิกษุในธรรมวินัย นี้

ย่อมข่มจิตในสมัยที่ควรข่ม ๑
ย่อมประคองจิตในสมัยที่ควรประคอง ๑
ย่อมยังจิตให้ร่าเริงในสมัยที่ควรให้ร่าเริง ๑
ย่อมวางเฉยจิตในสมัยที่ควรวางเฉย ๑
เป็นผู้น้อมไปในธรรมประณีต ๑
และเป็นผู้ยินดียิ่งในนิพพาน ๑


             ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุประกอบด้วยธรรม ๖ ประการนี้แล ย่อมเป็นผู้ควร กระทำให้แจ้งซึ่งความเป็นผู้เย็นอย่างยิ่ง


------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๔๔๕-๔๔๖

๒. ภัพพสูตร
ว่าด้วยธรรมเป็นเครื่องกั้น

             [๓๕๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๖ ประการ แม้ฟัง สัทธรรมอยู่ ก็เป็นผู้ไม่ควรเพื่อก้าวลงสู่ความแน่นอน ความเป็นชอบ ในกุศลธรรม ทั้งหลาย ธรรม ๖ ประการเป็นไฉน คือ

เป็นผู้ประกอบด้วยความเป็นผู้มีกรรมเป็นเครื่องกั้น ๑
ประกอบด้วยความเป็นผู้มีกิเลสเป็นเครื่องกั้น ๑
ประกอบด้วยความเป็นผู้มีวิบากเป็นเครื่องกั้น ๑
เป็นผู้ไม่มีศรัทธา ๑
ไม่มีฉันทะ ๑
และมีปัญญาทราม ๑


             ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๖ ประการนี้แล แม้ฟังสัทธรรม อยู่ ก็เป็นผู้ไม่ควร เพื่อก้าวลงสู่ความแน่นอน ความเป็นชอบในกุศลธรรมทั้งหลาย

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๖ ประการ แม้ฟังสัทธรรมอยู่ ก็เป็นผู้ควร เพื่อก้าวลงสู่ความแน่นอน ความเป็นชอบในกุศลธรรมทั้งหลาย ธรรม ๖ ประการเป็นไฉน คือ

ย่อมเป็นผู้ไม่ประกอบด้วย ความเป็นผู้มีกรรมเป็นเครื่องกั้น ๑
ไม่ประกอบด้วย ความเป็นผู้มีกิเลสเป็นเครื่องกั้น ๑
ไม่ประกอบด้วย ความเป็นผู้มีวิบากเป็นเครื่องกัน ๑
เป็นผู้มีศรัทธา ๑
มีฉันทะ ๑
และมีปัญญา ๑


             ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลประกอบด้วยธรรม ๖ ประการนี้แล แม้ฟังสัทธรรมอยู่ ก็เป็นผู้ควรเพื่อก้าวลงสู่ความแน่นอน ความเป็นชอบในกุศลธรรมทั้งหลาย


------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๔๔๖-๔๔๗

๓. อาวรณตาสูตร
ว่าด้วยผู้ฆ่า

             [๓๕๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๖ ประการ แม้ฟัง สัทธรรมอยู่ก็เป็นผู้ไม่ควรเพื่อก้าวลงสู่ความแน่นอน ความเป็นชอบในกุศลธรรม ทั้งหลาย ธรรม ๖ ประการเป็นไฉน คือ

เป็นผู้ฆ่ามารดา ๑
ฆ่าบิดา๑
ฆ่าพระอรหันต์ ๑
ยังพระโลหิตของพระตถาคตให้ห้อขึ้นด้วยจิตประทุษร้าย ๑
เป็นผู้ทำลายสงฆ์ให้แตกกัน ๑
และเป็นผู้มีปัญญาทราม ใบ้ บ้าน้ำลาย ๑


             ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๖ ประการนี้แล แม้ฟังสัทธรรม อยู่ ก็เป็นผู้ไม่ควรเ พื่อก้าวลงสู่ความแน่นอน ความเป็นชอบ ในกุศลธรรมทั้งหลาย

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๖ ประการ แม้ฟังสัทธรรมอยู่ ก็เป็นผู้ควร เพื่อก้าวลงสู่ความแน่นอน ความเป็นชอบ ในกุศลธรรมทั้งหลาย ธรรม ๖ ประการเป็นไฉน คือ

ไม่เป็นผู้ฆ่ามารดา ๑
ไม่เป็นผู้ฆ่าบิดา ๑
ไม่เป็นผู้ฆ่าพระอรหันต์ ๑
ไม่เป็นผู้ยังพระโลหิตของพระตถาคตให้ห้อขึ้นด้วยจิตประทุษร้าย ๑
ไม่ทำลายสงฆ์ให้แตกกัน ๑
และมีปัญญา ไม่ใบ้ไม่บ้าน้ำลาย ๑


             ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๖ ประการนี้แลแม้ฟังสัทธรรมอยู่ ก็เป็นผู้ควรเพื่อก้าวลงสู่ความแน่นอน ความเป็นชอบ ในกุศลธรรมทั้งหลาย


------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๔๔๗-๔๔๘

๔. สุสสูสาสูตร
การฟังด้วยดี

             [๓๕๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๖ ประการ แม้ฟัง สัทธรรมอยู่ ก็เป็นผู้ไม่ควรเพื่อก้าวลงสู่ความแน่นอน ความเป็นชอบในกุศลธรรม ทั้งหลาย ธรรม ๖ ประการเป็นไฉน คือ เมื่อธรรมวินัย ที่ตถาคตประกาศแล้ว อันบุคคลอื่น แสดงอยู่

ก็ไม่ฟังด้วยดี ๑
ไม่เงี่ยโสตลงฟัง ๑
ไม่เข้าไปตั้งจิตเพื่อรู้ทั่วถึง ๑
ถือเอาแต่สิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ ๑
ทิ้งสิ่งที่เป็นประโยชน์ ๑
และเป็นผู้ประกอบด้วยขันติที่ไม่สมควร ๑


             ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๖ ประการนี้แล แม้ฟังสัทธรรม อยู่ ก็เป็นผู้ไม่ควรเพื่อก้าวลงสู่ความแน่นอน ความเป็นชอบ ในกุศลธรรมทั้งหลาย

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๖ ประการ แม้ฟังสัทธรรมอยู่ ก็เป็นผู้ควรเพื่อก้าวลงสู่ความแน่นอน ความเป็นชอบ ในกุศลธรรมทั้งหลายธรรม ๖ ประการเป็นไฉน คือ เมื่อธรรมวินัย ที่ตถาคตประกาศแล้ว อันบุคคลอื่นแสดงอยู่

ย่อมฟังด้วยดี ๑
ย่อมเงี่ยโสตลงฟัง ๑
เข้าไปตั้งจิตเพื่อรู้ทั่วถึง ๑
ถือเอาแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์ ๑
ละทิ้งสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ ๑
และเป็นผู้ประกอบด้วยขันติที่สมควร ๑

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๖ประการนี้แล แม้ฟังสัทธรรมอยู่ ก็เป็นผู้ควรเพื่อก้าวลงสู่ความแน่นอน ความเป็นชอบ ในกุศลธรรมทั้งหลาย

 





หนังสือพุทธวจน ธรรมะของพระศาสดา
90 90 90 90
พุทธประวัติ ขุมทรัพย์ อริยสัจ
ภาคต้น
อริยสัจ
ภาคปลาย
ปฏิจจ ปฐมธรรม ตถาคต อนาคามี อินทรีย์
สังวร
สัตว์
สัตตานัง
ทาน
สกทาคามี
ฆราวาส
ชั้นเลิศ
มรรควิธี
ที่ง่าย
อริยวินัย เดรัจฉานวิชา กรรม สมถะ
วิปัสสนา
โสดาบัน นา
ปานสติ
จิต มโน
วิญญาณ
ก้าวย่าง
อย่างพุทธะ
ตามรอย
ธรรม
ภพ ภูมิ
พุทธวจน
สาธยาย
ธรรม
สังโยชน์