พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๔๓๘
๑. ทุกขสูตร
ธรรมที่เป็นเหตุให้อยู่เป็นทุกข์
[๓๔๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๖ ประการ ย่อมอยู่เป็น ทุกข์ มีความเดือดร้อน คับแค้น เร่าร้อน ในปัจจุบันเทียว เมื่อตายไปพึงหวัง ได้ทุคติ ธรรม ๖ ประการเป็นไฉน คือ
กามวิตก ๑
พยาบาทวิตก ๑
วิหิงสาวิตก ๑
กามสัญญา ๑
พยาบาทสัญญา ๑
วิหิงสาสัญญา ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๖ ประการนี้แล ย่อมอยู่เป็นทุกข์ มีความเดือดร้อน คับแค้น เร่าร้อน ในปัจจุบันเทียว เมื่อตายไป พึงหวังได้ทุคติ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๖ ประการ ย่อมอยู่เป็นสุข ไม่เดือดร้อน ไม่คับแค้น ไม่เร่าร้อน ในปัจจุบันเทียว เมื่อตายไป พึงหวังได้สุคติ ธรรม ๖ ประการเป็นไฉน คือ
เนกขัมมวิตก ๑
อัพยาบาทวิตก ๑
อวิหิงสาวิตก ๑
เนกขัมมสัญญา ๑
อัพยาบาทสัญญา ๑
อวิหิงสาสัญญา ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๖ ประการนี้แล ย่อมอยู่เป็นสุข ไม่เดือดร้อนไม่คับแค้น ไม่เร่าร้อน ในปัจจุบันเทียว เมื่อตายไป พึงหวังได้สุคติ
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๔๓๘-๔๓๙
๒. อรหัตตสูตร
ว่าด้วยอรหัตตผล
[๓๔๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่ละธรรม ๖ ประการ ย่อมเป็นผู้ไม่ควร เพื่อทำให้แจ้งซึ่งอรหัต ธรรม ๖ ประการเป็นไฉน คือ
มานะ ความถือตัว ๑
โอมานะ ความสำคัญว่าเลวกว่าเขา ๑
อติมานะ ความเย่อหยิ่ง ๑
อธิมานะ ความเข้าใจผิด ๑
ถัมภะความหัวดื้อ ๑
อตินิปาตะ ความดูหมิ่นตนเองว่าเป็นคนเลว ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่ละธรรม ๖ ประการนี้แลย่อมเป็นผู้ไม่ควร เพื่อ กระทำ ให้แจ้งซึ่งอรหัต
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุละธรรม ๖ ประการ ย่อม เป็นผู้ควรเพื่อกระทำให้แจ้ง ซึ่งอรหัต ธรรม ๖ ประการเป็นไฉน คือ
ความถือตัว ๑
ความสำคัญว่าเลวกว่าเขา ๑
ความเย่อหยิ่ง ๑
ความเข้าใจผิด ๑
ความหัวดื้อ ๑
ความดูหมิ่นตัวเองว่าเป็นคนเลว ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุละธรรม ๖ ประการนี้แล ย่อมเป็นผู้ควรเพื่อกระทำ ให้แจ้งซึ่งอรหัต
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๔๓๙
๓. อุตตริมนุสสธรรมสูตร
ญาณทัสสนะที่ยิ่งกว่าธรรมของมนุษย์
[๓๔๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่ละธรรม ๖ ประการ ย่อมเป็นผู้ไม่ควรเพื่อ กระทำให้แจ้งซึ่งญาณทัสนะชั้นวิเศษ อันสามารถกระทำความเป็นพระอริยะ ยิ่งกว่า ธรรมของมนุษย์ ธรรม ๖ ประการเป็นไฉน คือ
ความเป็นผู้มีสติเลอะเลือน ๑
ความเป็นผู้ไม่มีสัมปชัญญะ ๑
ความเป็นผู้ไม่คุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้งหลาย ๑
ความเป็นผู้ไม่รู้ประมาณในโภชนะ ๑
ความโกหก ๑
การพูดเลียบเคียง ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่ละธรรม ๖ ประการนี้แล ย่อมเป็นผู้ไม่ควรเพื่อ กระทำให้แจ้งซึ่งญาณทัสนะชั้นวิเศษ อันสามารถกระทำความเป็นพระอริยะ ยิ่งกว่า ธรรมของมนุษย์
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุละธรรม ๖ ประการ ย่อมเป็นผู้ควรเพื่อกระทำ ให้แจ้ง ซึ่งญาณทัสนะชั้นวิเศษ อันสามารถกระทำความเป็นพระอริยะ ยิ่งกว่าธรรม ของมนุษย์ ธรรม ๖ ประการเป็นไฉน คือ
ความเป็นผู้มีสติเลอะเลือน ๑
ความเป็นผู้ไม่มีสัมปชัญญะ ๑
ความเป็นผู้ไม่คุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้งหลาย ๑
ความเป็นผู้ไม่รู้ประมาณในโภชนะ ๑
ความโกหก ๑
การพูดเลียบเคียง ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุละธรรม ๖ ประการนี้แล ย่อมเป็นผู้ควรเพื่อกระทำ ให้แจ้งซึ่งญาณทัสนะชั้นวิเศษ อันสามารถกระทำความเป็นพระอริยะ ยิ่งกว่าธรรม ของมนุษย์
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๔๓๙-๔๔๐
๔. สุขสูตร
ธรรมที่เป็นเหตุให้มีสุขโสมนัส
[๓๔๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๖ ประการ ย่อมเป็นผู้ มากด้วยสุขและโสมนัสอยู่ในปัจจุบันเทียว และย่อมเป็นผู้ปรารภเหตุเพื่อความ สิ้นไปแห่ง อาสวะทั้งหลาย ธรรม ๖ ประการเป็นไฉน คือ ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้
ย่อมเป็นผู้ยินดีธรรม ๑
ย่อมเป็นผู้ยินดีภาวนา ๑
ย่อมเป็นผู้ยินดีการละ ๑
ย่อมเป็นผู้ยินดีปวิเวก ๑
ย่อมเป็นผู้ยินดีความไม่พยาบาท ๑
ย่อมเป็นผู้ยินดีธรรมที่ไม่เนิ่นช้า ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๖ ประการนี้แล ย่อมเป็นผู้มาก ด้วยสุขและโสมนัสอยู่ในปัจจุบันเทียว และย่อมเป็นผู้ปรารภเหตุเพื่อความสิ้นไป แห่ง อาสวะทั้งหลาย
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๔๔๐-๔๔๑
๕. อธิคมสูตร
การบรรลุกุศลธรรม
[๓๕๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๖ ประการ ย่อมเป็นผู้ ไม่ควรเพื่อบรรลุกุศลธรรมที่ยังไม่ได้บรรลุ หรือเพื่อกระทำกุศลธรรมที่ได้บรรลุแล้ว ให้เจริญ ธรรม ๖ ประการเป็นไฉน คือ ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้
เป็นผู้ไม่ฉลาดในเหตุแห่งความเจริญ ๑
เป็นผู้ไม่ฉลาดในเหตุแห่งความเสื่อม ๑
เป็นผู้ไม่ฉลาดในอุบาย ๑
ไม่ยังฉันทะให้เกิดขึ้นเพื่อบรรลุกุศลธรรมที่ยังไม่ได้บรรลุ ๑
ไม่รักษากุศลธรรมที่ได้บรรลุแล้ว ๑
และไม่ยังฉันทะให้ถึงพร้อมเพื่อกระทำติดต่อ ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๖ ประการนี้แลเป็นผู้ไม่ควรเพื่อ บรรลุกุศลธรรมที่ยังไม่ได้บรรลุ หรือเพื่อกระทำกุศลธรรมที่ได้บรรลุแล้วให้เจริญ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๖ ประการ ย่อมเป็นผู้ควรเพื่อ บรรลุ กุศลธรรมที่ยังไม่ได้บรรลุ หรือเพื่อกระทำกุศลธรรมที่ได้บรรลุแล้วให้ เจริญธรรม ๖ ประการเป็นไฉน คือ ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้
เป็นผู้ฉลาดในเหตุแห่งความเจริญ ๑
เป็นผู้ฉลาดในเหตุแห่งความเสื่อม ๑
เป็นผู้ฉลาดในอุบาย ๑
ย่อมยังฉันทะให้เกิดขึ้นเพื่อบรรลุกุศลธรรมที่ยังไม่ได้บรรลุ ๑
ย่อมรักษากุศลธรรมที่ได้บรรลุแล้ว ๑
และย่อมยังฉันทะให้ถึงพร้อมเพื่อกระทำติดต่อ ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๖ ประการนี้แล ย่อมเป็นผู้ควร
เพื่อบรรลุกุศลธรรมที่ยังไม่ได้บรรลุ หรือเพื่อกระทำกุศลธรรมที่ได้บรรลุแล้วให้เจริญ
|