พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๔๖๒-๔๖๕
พระสูตรที่ไม่รวมเข้าในวรรค
กายานุปัสสนา
[๓๘๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่ละธรรม ๖ ประการ เป็นผู้ไม่ควรเพื่อพิจารณาเห็นกายในกายอยู่ ธรรม ๖ ประการเป็นไฉน คือ
๑ ความเป็นผู้ชอบการงาน
๒ ความเป็นผู้ชอบคุย
๓ ความเป็นผู้ชอบหลับ
๔ ความเป็นผู้ชอบคลุกคลีด้วยหมู่คณะ
๕ ความเป็นผู้ไม่คุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้งหลาย
๖ ความเป็นผู้ไม่รู้ประมาณในโภชนะ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่ละธรรม ๖ ประการ นี้แล เป็นผู้ไม่ควรเพื่อพิจารณา เห็นกายในกายอยู่
[๓๘๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุละธรรม ๖ ประการ เป็นผู้ควร
เพื่อพิจารณาเห็นกายในกายอยู่ ธรรม ๖ ประการเป็นไฉน คือ
๑ ความเป็นผู้ชอบการงาน
๒ ความเป็นผู้ชอบคุย
๓ ความเป็นผู้ชอบหลับ
๔ ความเป็นผู้ชอบคลุกคลีด้วยหมู่คณะ
๕ ความเป็นผู้ไม่คุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้งหลาย
๖ ความเป็นผู้ไม่รู้ประมาณในโภชนะ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุละธรรม ๖ ประการนี้แล เป็นผู้ควรเพื่อพิจารณาเห็นกายในกายอยู่
[๓๙๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่ละธรรม ๖ ประการ เป็นผู้ไม่ควร
เพื่อพิจารณาเห็นกาย ในกายเป็นภายในอยู่ ฯลฯ
เพื่อพิจารณาเห็นกายในกาย เป็นภายนอกอยู่ ฯลฯ
เพื่อพิจารณาเห็นกายในกาย ทั้งกายในภายนอกอยู่ ฯลฯ
เวทนา นุปัสสนา
[๓๙๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่ละธรรม ๖ ประการ เป็นผู้ไม่ควร เพื่อพิจารณาเห็นเวทนา ในเวทนาทั้งหลายอยู่ ฯลฯ
เพื่อพิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาทั้งหลาย เป็นภายในอยู่ ฯลฯ
เพื่อพิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาทั้งหลาย เป็นภายนอกอยู่ ฯลฯ
เพื่อพิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาทั้งหลาย ทั้งภายในทั้งภายนอกอยู่ ฯลฯ
จิตตานุปัสสนา
[๓๙๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่ละธรรม ๖ ประการ เป็นผู้ไม่ควร
เพื่อพิจารณา เห็นจิต ในจิตอยู่ ฯลฯ
เพื่อพิจารณาเห็นจิตในจิต เป็นภายในอยู่ ฯลฯ
เพื่อพิจารณาเห็นจิตในจิต เป็นภายนอกอยู่ ฯลฯ
เพื่อพิจารณาเห็นจิตในจิต ทั้งในภายใน ทั้งในภายนอกอยู่ ฯลฯ
ธรรมานุปัสสนา
[๓๙๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่ละธรรม ๖ ประการ
เป็นผู้ไม่ควรเพื่อพิจารณาเห็นธรรม ในธรรมทั้งหลายอยู่ ฯลฯ
เพื่อพิจารณาเห็นธรรมในธรรมทั้งหลาย เป็นภายในอยู่ ฯลฯ
เพื่อพิจารณาเห็นธรรมในธรรมทั้งหลาย เป็นภายนอกอยู่ ฯลฯ
เพื่อพิจารณาเห็นธรรมในธรรมทั้งหลาย ทั้งภายใน ทั้งภายนอกอยู่
ธรรม๖ ประการเป็นไฉน คือ
ความเป็นผู้ชอบการงาน ...
ความเป็นผู้ไม่รู้ประมาณในโภชนะ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่ละธรรม ๖ ประการนี้แล เป็นผู้ไม่ควรเพื่อพิจารณา เห็นธรรม ในธรรมทั้งหลายอยู่
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่ละธรรม ๖ ประการ
เป็นผู้ไม่ควร เพื่อพิจารณาเห็นธรรมในธรรมทั้งหลาย เป็นภายในอยู่ ฯลฯ
เพื่อพิจารณาเห็นธรรมในธรรมทั้งหลาย เป็นภายนอกอยู่ ฯลฯ
เพื่อพิจารณาเห็นธรรมในธรรมทั้งหลาย ทั้งภายใน ภายนอกอยู่
ธรรม ๖ ประการเป็นไฉน คือ
ความเป็นผู้ชอบการงาน ...
ความเป็นผู้ไม่รู้ประมาณในโภชนะ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่ละธรรม ๖ ประการนี้แล เป็นผู้ไม่ควรเพื่อพิจารณา เห็นธรรมในธรรมทั้งหลายทั้งภายในภายนอกอยู่
[๓๙๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุละธรรม ๖ ประการ เป็นผู้ควรเพื่อพิจารณา เห็นธรรม ในธรรมทั้งหลาย ทั้งภายในภายนอกอยู่ ธรรม ๖ ประการเป็นไฉนคือ ความเป็นผู้ชอบการงาน ฯลฯ ความเป็นผู้ไม่รู้ประมาณในโภชนะ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุละธรรม ๖ ประการนี้แล เป็นผู้ควรเพื่อพิจารณา เห็นธรรม ในธรรมทั้งหลาย ทั้งภายในภายนอกอยู่
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
ความเลื่อมใสศรัทธาตถาคต
[๓๙๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ตปุสสคฤหบดีประกอบด้วยธรรม ๖ ประการ เป็นผู้พึงปลงใจเชื่อในพระตถาคต เห็นอมตธรรม ทำให้แจ้งอมตธรรมอยู่
ธรรม๖ ประการเป็นไฉน คือ
๑ ความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระพุทธเจ้า
๒ ความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระธรรม
๓ ความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระสงฆ์
๔ อริยศีล
๕ อริยญาณ
๖ อริยวิมุติ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ตปุสสคฤหบดีประกอบด้วยธรรม ๖ ประการนี้แล เป็นผู้พึงปลงใจเชื่อในพระตถาคต เห็นอมตธรรม ทำให้แจ้งอมตธรรมอยู่
[๓๙๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภัลลิกคฤหบดี อนาถบิณฑิกสุทัตตคฤหบดี จิตตคฤหบดีชาวมัจฉิกาสัณฑนคร หัตถกคฤหบดีชาวเมืองอาฬวี เจ้าศากยะพระนามว่า มหานามะ อุคคคฤหบดีชาวเมืองเวสาลี อุคคตคฤหบดี สูรอัมพัฏฐคฤหบดี ชีวกโกมารภัจ นกุลบิดาคฤหบดี ตวกัณณกคฤหบดี ปูรณคฤหบดีอิสิทัตตคฤหบดี สันธานคฤหบดี วิชยคฤหบดี วัชชิยมหิตคฤหบดี เมณฑกคฤหบดี วาเสฏฐอุบาสก อริฏฐอุบาสก สาทัตตอุบาสก ประกอบด้วยธรรม๖ ประการ เป็นผู้ปลงใจเชื่อในพระตถาคต เห็นอมตธรรม ทำให้แจ้งซึ่งอมตธรรมอยู่
ธรรม ๖ ประการเป็นไฉน คือ
๑ ความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระพุทธเจ้า
๒ ความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระธรรม
๓ ความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระสงฆ์
๔ อริยศีล
๕ อริยญาณ
๖ อริยวิมุติ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย สาทัตตอุบาสก ประกอบด้วยธรรม ๖ ประการนี้แล เป็นผู้ปลงใจเชื่อในพระตถาคต เห็นอมตธรรม ทำให้แจ้งอมตธรรมอยู่
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
รู้ยิ่งราคะ
[๓๙๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๖ ประการ อันภิกษุพึงให้เจริญ เพื่อรู้ยิ่งราคะ
ธรรม ๖ ประการเป็นไฉน คือ
๑ ทัสสนานุตตริยะ
๒ สวนานุตตริยะ
๓ ลาภานุตตริยะ
๔ สิกขานุตตริยะ
๕ ปาริจริยานุตตริยะ
๖ อนุสสตานุตตริยะ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๖ ประการนี้ อันภิกษุพึงให้เจริญเพื่อรู้ยิ่งราคะ
[๓๙๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๖ ประการ อันภิกษุพึงให้เจริญ เพื่อรู้ ยิ่งราคะ
ธรรม ๖ ประการเป็นไฉน คือ
๑ พุทธานุสสติ
๒ ธัมมานุสสติ
๓ สังฆานุสสติ
๔ สีลานุสสติ
๕ จาคานุสสติ
๖ เทวตานุสสติ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๖ ประการนี้แล อันภิกษุพึงให้เจริญเพื่อรู้ยิ่งราคะ
[๓๙๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๖ ประการ อันภิกษุพึงให้เจริญ เพื่อรู้ยิ่งราคะ
ธรรม ๖ ประการเป็นไฉน คือ
๑ อนิจจสัญญา
๒ อนิจเจทุกขสัญญา
๓ ทุกเขอนัตตสัญญา
๔ ปหานสัญญา
๕ วิราคสัญญา
๖ นิโรธสัญญา
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๖ ประการนี้แล อันภิกษุพึงให้เจริญเพื่อรู้ยิ่งราคะ
[๔๐๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๖ ประการ อันภิกษุพึงให้เจริญ เพื่อกำหนด รู้ราคะ ฯลฯ
เพื่อความสิ้นไปรอบแห่งราคะ เพื่อละราคะ เพื่อสิ้นไปแห่งราคะ เพื่อเสื่อมไป แห่งราคะ เพื่อความคลายกำหนัดราคะ เพื่อดับราคะเพื่อสละราคะ เพื่อปล่อยวางราคะ ฯลฯ
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
รู้ยิ่ง โทสะ โมหะ โกธะ ...
[๔๐๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๖ ประการ อันภิกษุพึงให้เจริญ เพื่อรู้ยิ่ง เพื่อกำหนดรู้ เพื่อความสิ้นไปรอบ เพื่อละ เพื่อสิ้นไป เพื่อเสื่อมไปเพื่อคลายไป เพื่อดับ เพื่อสละ เพื่อปล่อยวาง ซึ่ง โทสะ โมหะ โกธะ อุปนาหะ มักขะ ปฬาสะ อิสสา มัจฉริยะ มายา สาเถยยะ ถัมภะ สารัมภะมานะ อติมานะ มทะ ปมาทะ ฯลฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๖ ประการนี้แล อันภิกษุพึงให้เจริญ เพื่อปล่อยวาง ปมาทะ
พระผู้มีพระภาค ได้ตรัสพระพุทธพจน์นี้จบลงแล้ว ภิกษุเหล่านั้นชื่นชมยินดี ภาษิต ของพระผู้มีพระภาค ฉะนี้แล
|