เว็บไซต์ อนาคามี เผยแพร่คำพระศาสดา เผยแพร่คำสอนตถาคต เว็บไซต์เผยแพร่พระสุตรคำสอนของพระพุทธเจ้า คลิปคำสอน คลิปสาธยายธรรม
ค้นหาคำที่ต้องการ            

อนาคามิสูตร อรหัตตสูตร มิตตสูตร ภิกษุมีสหายลามกจักบำเพ็ญธรรมให้บริบูรณ์ นี้ไม่ใช่ฐานะ.. ฐานสูตร 2261
 

พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒

อนาคามิสูตร ผู้ทำให้แจ้งซึ่งอนาคามีผล
ภิกษุยังละธรรม ๖ ประการไม่ได้ ไม่ควรเพื่อทำให้แจ้งซึ่ง อนาคามิผล
เป็นผู้ไม่มีศรัทธา ไม่มีหิริ ไม่มีโอตตัปปะ เป็นผู้เกียจคร้าน มีสติเลอะเลือน มีปัญญาทราม

อรหัตตสูตร ผู้ทำให้แจ้งซึ่งอรหัตผล
ภิกษุยังละธรรม ๖ ประการไม่ได้ ย่อมเป็นผู้ไม่ควรเพื่อทำให้แจ้งซึ่ง อรหัตผล
ถีนะ (ความหดหู่) มิทธะ (ความเคลิบเคลิ้ม) อุทธัจจะ (ความฟุ้งซ่าน)
กุกกุจจะ (ความรำคาญใจ) ความไม่มีศรัทธา และ ความประมาท

มิตตสูตร ว่าด้วยมิตร
ข้อนี้ไม่เป็นฐานะที่จะมีได้
๑ มีสหายลามก มีเพื่อนฝูงลามก จักบำเพ็ญธรรม ให้บริบูรณ์ นี้ไม่ใช่ฐานะ..
๒ ภิกษุไม่บำเพ็ญธรรม คือ อภิสมาจาริกวัตรให้บริบูรณ์แล้ว นี้ไม่ใช่ฐานะ..
๓ ไม่บำเพ็ญเสขธรรมให้บริบูรณ์แล้ว จักบำเพ็ญศีลทั้งหลายให้บริบูรณ์ นี้ไม่ใช่ฐานะ..
๔ ไม่บำเพ็ญศีลทั้งหลายให้บริบูรณ์แล้ว จักละกามราคะ รูปราคะ หรืออรูปราคะ นี้ไม่ใช่ฐานะ...

ฐานสูตร (อารามสูตร)
ข้อนี้ไม่เป็นฐานะที่จะมีได้
๑ เมื่อไม่อยู่รูปเดียว(อยู่หลายรูป) ยินดียิ่งในวิเวก จักถือนิมิตแห่งจิต นี้ไม่เป็นฐานะ...
๒ เมื่อไม่ถือนิมิตแห่งจิต จักบำเพ็ญสัมมาทิฐิให้สมบูรณ์ นี้ไม่เป็นฐานะ...
๓ ไม่บำเพ็ญสัมมาทิฐิให้สมบูรณ์ แล้ว จักบำเพ็ญสัมมาสมาธิให้สมบูรณ์ นี้ไม่เป็นฐานะ...
๔ ไม่บำเพ็ญสัมมาสมาธิให้สมบูรณ์ แล้วจักละสังโยชน์ นี้ไม่เป็นฐานะ...
๕ ไม่ละสังโยชน์แล้ว จักกระทำให้แจ้งซึ่งนิพพาน นี้ไม่เป็นฐานะ...

เรื่องสำคัญของพระพุทธเจ้า
การบำเพ็ญบารมีในอดีตชาติ
การประสูติ แสงสว่าง แผ่นดินไหว
แสวงหาสัจจะบำเพ็ญทุกรกิริยา
ปัญจวัคคีย์หลีก สิ่งที่ตรัสรู้
ตรัสรู้ แสดงเทศนาปัญจวัคคีย์
ปลงสังขาร ปรินิพพาน
ลำดับขั้นการปรินิพพาน
เทวดาแสดงฤทธิ์ขณะถวายเพลิง
แบ่งพระสรีระออกเป็น ๘ ส่วน
 
รวมพระสูตรบุคคลสำคัญ
พระโมคคัลลานะ
พระสารีบุตร
พระเทวทัต
นิครนถ์ปริพาชก
พระมหากัปปินะ
พระอนุรุทธะ
พระอุบาลี
(ดูทั้งหมด)
 
สารบาญพระไตรปิฎก
เล่มที่ ๘-๓๓ (๒๕ เล่ม) ทุกพระสูตร
1. ฉบับหลวง
2. ฉบับมหาจุฬาฯ
3. อรรถกถาไทย
4. ฉบับภาษาบาลี
5. อรรถกถา-บาลี
6. Pali Roman (Roman Script)
7. Atthakatha PaliRoman
 

 


 


พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๔๒๙

อนาคามิสูตร

            [๓๓๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุยังละธรรม ๖ ประการไม่ได้แล้ว
ย่อมเป็นผู้ ไม่ควรเพื่อทำให้แจ้งซึ่งอนาคามิผล
ธรรม ๖ ประการเป็นไฉน คือ
๑ ความเป็นผู้ไม่มีศรัทธา
๒ ความเป็นผู้ไม่มีหิริ
๓ ความเป็นผู้ไม่มีโอตตัปปะ
๔ ความเป็นผู้เกียจคร้าน
๕ ความเป็นผู้มีสติเลอะเลือน
๖ ความเป็นผู้มีปัญญาทราม

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุยังละธรรม ๖ ประการนี้ไม่ได้แล้ว ย่อมเป็นผู้ไม่ควร เพื่อทำให้แจ้งซึ่งอนาคามิผล

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุละธรรม ๖ ประการได้แล้ว
ย่อมเป็นผู้ควรเพื่อทำให้แจ้งซึ่ง อนาคามิผล
ธรรม ๖ ประการเป็นไฉน คือ
๑ ความเป็นผู้ไม่มีศรัทธา
๒ ความเป็นผู้ไม่มีหิริ
๓ ความเป็นผู้ไม่มีโอตตัปปะ
๔ ความเป็นผู้เกียจคร้าน
๕ ความเป็นผู้มีสติเลอะเลือน
๖ ความเป็นผู้มีปัญญาทราม

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุละธรรม ๖ ประการนี้ได้แล้ว ย่อมเป็นผู้ควรเพื่อ ทำให้แจ้งซึ่งอนาคามิผล


---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๔๒๙-๔๓๐

อรหัตตสูตร

            [๓๓๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุยังละธรรม ๖ ประการไม่ได้แล้ว ย่อมเป็นผู้ไม่ควรเพื่อทำให้แจ้งซึ่งอรหัต ธรรม ๖ ประการเป็นไฉน คือ
๑ ถีนะ (ความหดหู่)
๒ มิทธะ (ความเคลิบเคลิ้ม)
๓ อุทธัจจะ (ความฟุ้งซ่าน)
๔ กุกกุจจะ (ความรำคาญใจ)
๕ ความไม่มีศรัทธา
๖ ความประมาท

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุยังละธรรม ๖ ประการนี้ไม่ได้แล้ว ย่อมเป็นผู้ไม่ควร เพื่อทำให้แจ้งซึ่งอรหัต

            ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุละธรรม ๖ ประการได้แล้ว
ย่อมเป็นผู้ควรเพื่อทำให้แจ้ง ซึ่งอรหัต ธรรม ๖ ประการเป็นไฉน คือ
๑ ถีนะ
๒ มิทธะ
๓ อุทธัจจะ
๔ กุกกุจจะ
๕ ความไม่มี ศรัทธา
๖ ความประมาท

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุละธรรม ๖ ประการ นี้ ได้แล้ว ย่อมเป็นผู้ควรเพื่อทำ ให้แจ้งซึ่งอรหัต


---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๔๓๐

มิตตสูตร
ว่าด้วยมิตร

            [๓๓๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ภิกษุผู้มี มิตรลามก มีสหายลามก มีเพื่อนฝูงลามก เสพ คบ เข้าไปนั่งใกล้มิตรลามก และประพฤติตามมิตรลามกเหล่านั้นอยู่จักบำเพ็ญธรรม คือ อภิสมาจาริกวัตรให้บริบูรณ์ ข้อนี้ไม่เป็นฐานะที่จะมีได้

ภิกษุไม่บำเพ็ญธรรม คือ อภิสมาจาริกวัตรให้บริบูรณ์แล้ว จักบำเพ็ญเสขธรรมให้บริบูรณ์ ข้อนี้ไม่เป็นฐานะที่จะมีได้

ไม่บำเพ็ญเสขธรรมให้บริบูรณ์แล้ว จักบำเพ็ญศีลทั้งหลายให้บริบูรณ์ ข้อนี้ไม่เป็นฐานะ ที่จะมีได้

ไม่บำเพ็ญศีลทั้งหลายให้บริบูรณ์แล้ว จักละกามราคะ รูปราคะ หรืออรูปราคะ ข้อนี้ไม่เป็นฐานะที่จะมีได้

            ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ภิกษุผู้มีมิตรดี มีสหายดี มีเพื่อนฝูงดี เสพ คบเข้าไปนั่งใกล้มิตรดี และประพฤติตาม มิตร เหล่านั้นอยู่ จักบำเพ็ญธรรม คืออภิสมาจาริกวัตรให้บริบูรณ์ ข้อนี้ย่อมเป็นฐานะ ที่จะมีได้

บำเพ็ญธรรมคืออภิสมาจาริกวัตรให้บริบูรณ์แล้ว จักบำเพ็ญเสขธรรมให้บริบูรณ์ ข้อนี้ย่อมเป็นฐานะที่จะมีได้

บำเพ็ญเสขธรรมให้บริบูรณ์แล้ว จักบำเพ็ญศีลทั้งหลายให้บริบูรณ์ ข้อนี้ย่อมเป็นฐานะ ที่จะมีได้

บำเพ็ญศีลให้บริบูรณ์แล้ว จักละกามราคะ รูปราคะหรืออรูปราคะ ข้อนี้ย่อมเป็นฐานะ ที่จะมีได้


---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๔๓๐-๔๓๑

ฐานสูตร (อารามสูตร)

            [๓๓๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ภิกษุชอบคลุกคลีด้วยหมู่
ยินดีในการคลุกคลี ด้วยหมู่ ประกอบความยินดีในการ คลุกคลีด้วยหมู่ ชอบคณะ ยินดีคณะประกอบความยินดี ในคณะ จักเป็นผู้อยู่รูปเดียว ยินดียิ่งในวิเวก ข้อนี้ไม่เป็นฐานะที่จะมีได้

เมื่อไม่อยู่รูปเดียว ยินดียิ่งในวิเวก จักถือนิมิตแห่งจิต ข้อนี้ไม่เป็นฐานะที่จะมีได้
เมื่อไม่ถือนิมิตแห่งจิต จักบำเพ็ญสัมมาทิฐิให้สมบูรณ์ ข้อนี้ไม่เป็นฐานะที่จะมีได้
ไม่บำเพ็ญสัมมาทิฐิให้สมบูรณ์ แล้ว จักบำเพ็ญสัมมาสมาธิให้สมบูรณ์ ข้อนี้ไม่เป็น ฐานะที่จะมีได้

ไม่บำเพ็ญสัมมาสมาธิให้สมบูรณ์ แล้วจักละสังโยชน์ ข้อนี้ไม่เป็นฐานะที่จะมีได้
ไม่ละสังโยชน์แล้ว จักกระทำให้แจ้งซึ่งนิพพาน ข้อนี้ไม่เป็นฐานะที่จะมีได้

            ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ภิกษุไม่ชอบคลุกคลีด้วยหมู่ ไม่ยินดีในการคลุกคลีด้วยหมู่ ไม่ประกอบความยินดี ในการ คลุกคลีด้วยหมู่ ไม่ชอบคณะ ไม่ยินดีคณะไม่ประกอบความยินดีคณะ จักเป็นผู้อยู่ รูปเดียวยินดียิ่งในวิเวก ข้อนี้ย่อมเป็นฐานะที่จะมีได้

เมื่อเป็นผู้อยู่รูปเดียว ยินดียิ่งในวิเวก จักถือนิมิตแห่งจิต ข้อนี้ย่อมเป็นฐานะที่จะมีได้
เมื่อถือนิมิตแห่งจิต จักบำเพ็ญสัมมาทิฐิให้สมบูรณ์ ข้อนี้ย่อมเป็นฐานะที่จะมีได้
บำเพ็ญสัมมาทิฐิให้สมบูรณ์แล้ว จักบำเพ็ญสัมมาสมาธิให้สมบูรณ์ ข้อนี้ย่อมเป็น ฐานะที่จะมีได้

บำเพ็ญสัมมาสมาธิให้สมบูรณ์ แล้ว จักละสังโยชน์ ข้อนี้ย่อมเป็นฐานะที่จะมีได้
ละสังโยชน์ได้แล้ว จักกระทำให้แจ้งซึ่งนิพพาน ข้อนี้ย่อมเป็นฐานะที่จะมีได้

 





หนังสือพุทธวจน ธรรมะของพระศาสดา
90 90 90 90
พุทธประวัติ ขุมทรัพย์ อริยสัจ
ภาคต้น
อริยสัจ
ภาคปลาย
ปฏิจจ ปฐมธรรม ตถาคต อนาคามี อินทรีย์
สังวร
สัตว์
สัตตานัง
ทาน
สกทาคามี
ฆราวาส
ชั้นเลิศ
มรรควิธี
ที่ง่าย
อริยวินัย เดรัจฉานวิชา กรรม สมถะ
วิปัสสนา
โสดาบัน นา
ปานสติ
จิต มโน
วิญญาณ
ก้าวย่าง
อย่างพุทธะ
ตามรอย
ธรรม
ภพ ภูมิ
พุทธวจน
สาธยาย
ธรรม
สังโยชน์