เว็บไซต์ อนาคามี เผยแพร่คำพระศาสดา เผยแพร่คำสอนตถาคต เว็บไซต์เผยแพร่พระสุตรคำสอนของพระพุทธเจ้า คลิปคำสอน คลิปสาธยายธรรม
ค้นหาคำที่ต้องการ            

เมตตาสูตรที่ ๑ ความต่างของผู้ไม่ได้สดับกับผู้ได้สดับ เมตตาสูตรที่ ๒ สาวกผู้เจริญเมตตา ย่อมเข้าถึงสุทธาวาส 2188
 

พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๑

เมตตาสูตรที่ ๑ ความต่างกันของผู้ไม่ได้สดับ กับอริยสาวกผู้ได้สดับ
ผู้ประกอบด้วยเมตตา เมื่อทำกาละย่อมเข้าถึงเทวดา พรหมกายิกา มีอายุ 1กัป แต่หลัง สิ้นอายุ ย่อมไม่พ้นนรก กำเนิดดิรัจฉาน เปรตวิสัย ส่วนอริยสาวกฯ ย่อมปรินิพพานในภพนั้น

ผู้ประกอบด้วยกรุณา เมื่อทำกาละย่อมเข้าถึงเทวดา อาภัสสระ มีอายุ 2กัป แต่หลังสิ้นอายุ
ย่อมไม่พ้นนรก กำเนิดดิรัจฉาน เปรตวิสัย ส่วนอริยสาวกฯ ย่อมปรินิพพาน ในภพนั้น

ผู้ประกอบด้วยมุทิตา เมื่อทำกาละย่อมเข้าถึงเทวดา สุภกิณหะ มีอายุ 4กัป แต่หลังสิ้นอายุ ย่อมไม่พ้นนรก กำเนิดดิรัจฉาน เปรตวิสัย ส่วนอริยสาวกฯ ย่อมปรินิพพาน ในภพนั้น

ผู้ประกอบด้วยอุเบกขา เมื่อทำกาละย่อมเข้าถึงเทวดา วหัปผละ มีอายุ 500กัป แต่หลัง สิ้นอายุย่อมไม่พ้นนรก กำเนิดดิรัจฉาน เปรตวิสัย ส่วนอริยสาวกฯ ย่อมปรินิพพาน ในภพนั้น

เมตตาสูตรที่ ๒ อริยสาวกผู้เจริญเมตตา ย่อมเข้าถึงสุทธาวาส (ชั้นใดชั้นหนึ่ง)
ผู้ประกอบด้วยเมตตา พิจารณาโดยความเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นของว่างเปล่า ไม่ใช่ตน เมื่อตายไปย่อมเข้าถึงเทวดา สุทธาวาส ความอุบัตินี้แล ไม่ทั่วไปในปุถุชน

ผู้ประกอบด้วยกรุณา พิจารณาโดยความเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นของว่างเปล่า ไม่ใช่ตน เมื่อตายไปย่อมเข้าถึงเทวดาสุทธาวาส ความอุบัตินี้แล ไม่ทั่วไปในปุถุชน

ผู้ประกอบด้วยมุทิตา พิจารณาโดยความเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นของว่างเปล่า ไม่ใช่ตน เมื่อตายไปย่อมเข้าถึงเทวดาสุทธาวาส ความอุบัตินี้แล ไม่ทั่วไปในปุถุชน

ผู้ประกอบด้วยอุเบกขา พิจารณาโดยความเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นของว่างเปล่า ไม่ใช่ตน เมื่อตายไปย่อมเข้าถึงเทวดาสุทธาวาส ความอุบัตินี้แล ไม่ทั่วไปในปุถุชน
(เทวดาเหล่าสุทธาวาสไม่มีอายุแน่นอน บรรลุธรรมตามกำลังอินทรีย์เมื่อใด จิตก็ดับเมื่อนั้น)

   
เรื่องสำคัญของพระพุทธเจ้า
การบำเพ็ญบารมีในอดีตชาติ
การประสูติ แสงสว่าง แผ่นดินไหว
แสวงหาสัจจะบำเพ็ญทุกรกิริยา
ปัญจวัคคีย์หลีก สิ่งที่ตรัสรู้
ตรัสรู้ แสดงเทศนาปัญจวัคคีย์
ปลงสังขาร ปรินิพพาน
ลำดับขั้นการปรินิพพาน
เทวดาแสดงฤทธิ์ขณะถวายเพลิง
แบ่งพระสรีระออกเป็น ๘ ส่วน
 
รวมพระสูตรบุคคลสำคัญ
พระโมคคัลลานะ
พระสารีบุตร
พระเทวทัต
นิครนถ์ปริพาชก
พระมหากัปปินะ
พระอนุรุทธะ
พระอุบาลี
(ดูทั้งหมด)
 
สารบาญพระไตรปิฎก
เล่มที่ ๘-๓๓ (๒๕ เล่ม) ทุกพระสูตร
1. ฉบับหลวง
2. ฉบับมหาจุฬาฯ
3. อรรถกถาไทย
4. ฉบับภาษาบาลี
5. อรรถกถา-บาลี
6. Pali Roman (Roman Script)
7. Atthakatha PaliRoman
 

 


 


พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๑ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๕๑-๑๕๔

เมตตาสูตรที่ ๑
ความต่างกันของผู้ไม่ได้สดับ กับอริยสาวกผู้ได้สดับ

            [๑๒๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๔ จำพวกนี้ มีปรากฏอยู่ในโลก ๔ จำพวก เป็นไฉน

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลบางคนในโลกนี้ มีใจประกอบด้วยเมตตาแผ่ไป ตลอด ทิศหนึ่งอยู่ ทิศที่สอง ที่สาม ที่สี่ก็เหมือนกัน ตามนัยนี้ ทั้งเบื้องบน เบื้องล่าง เบื้องขวาง แผ่ไปตลอดโลก ทั่วสัตว์ทุกเหล่าในที่ทุกสถาน ด้วยใจประกอบด้วยเมตตา อันไพบูลย์ ถึงความเป็นใหญ่ หาประมาณมิได้ ไม่มีเวร ไม่มีความเบียดเบียนอยู่ บุคคลนั้นพอใจ ชอบใจเมตตาฌานและถึงความปลื้มใจด้วยเมตตาฌานนั้น ยับยั้ง อยู่ในเมตตาฌานนั้น น้อมใจไปในเมตตาฌานนั้น อยู่จนคุ้นด้วยเมตตาฌานนั้น ไม่เสื่อม เมื่อกระทำกาละ ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของเทวดาเหล่าพรหมกายิกา

            ดูกรภิกษุทั้งหลาย กัปหนึ่ง เป็นประมาณอายุของเทวดาเหล่าพรหมกายิกา ปุถุชนดำรงอยู่ในชั้นพรหมกายิกานั้น ตราบเท่าตลอดอายุ ยังประมาณอายุทั้งหมดของ เทวดาเหล่านั้นให้สิ้นไปแล้ว ย่อมเข้าถึงนรกบ้าง กำเนิดดิรัจฉานบ้าง เปรตวิสัยบ้าง
            ส่วนสาวกของพระผู้มีพระภาค ดำรงอยู่ในชั้นพรหมกายิกานั้นตราบเท่า ตลอดอายุ ยังประมาณอายุทั้งหมดของเทวดาเหล่านั้นให้สิ้นไปแล้ว ย่อมปรินิพพาน ในภพนั้นเอง

            ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นความพิเศษผิดแผกแตกต่างกัน ระหว่างอริยสาวก ผู้ได้สดับ กับปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ คือ ในเมื่อคติอุบัติมีอยู่
---------------------------------------------------------------------

            อีกประการหนึ่ง บุคคลบางคนในโลกนี้ มีใจประกอบด้วยกรุณา แผ่ไปตลอด ทิศหนึ่งอยู่ ทิศที่สอง ที่สาม ที่สี่ก็เหมือนกัน ตามนัยนี้ ทั้งเบื้องบน เบื้องล่าง เบื้องขวาง แผ่ไปตลอดโลกทั่วสัตว์ทุกเหล่า ในที่ทุกสถาน ด้วยใจประกอบด้วยกรุณาอันไพบูลย์ ถึงความเป็นใหญ่ หาประมาณมิได้ ไม่มีเวร ไม่มีความเบียดเบียนอยู่ บุคคลนั้นพอใจ ชอบใจกรุณาฌานนั้น และถึงความปลื้มใจด้วยกรุณาฌานนั้น ยับยั้งอยู่ในกรุณาฌานนั้น น้อมใจไปในกรุณาฌานนั้น อยู่จนคุ้นด้วยกรุณาฌานนั้น ไม่เสื่อม เมื่อกระทำกาละ ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของเทวดาเหล่าอาภัสสระ

            ดูกรภิกษุทั้งหลาย ๒ กัป เป็นประมาณอายุของเทวดาเหล่าอาภัสสระ ปุถุชน ดำรงอยู่ในชั้น อาภัสสระนั้น ตราบเท่าตลอดอายุ ยังประมาณอายุทั้งหมดของเทวดา เหล่านั้นให้สิ้นไปแล้ว ย่อมเข้าถึงนรกบ้าง กำเนิดดิรัจฉานบ้างเปรตวิสัยบ้าง
             ส่วนสาวก ของพระผู้มีพระภาค
ดำรงอยู่ในชั้นอาภัสสระนั้น ตราบเท่าตลอด อายุ ยังประมาณอายุทั้งหมดของเทวดาเหล่านั้นให้สิ้นไปแล้ว ย่อมปรินิพพานในภพนั้น เอง ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นความพิเศษผิดแผกแตกต่างกันระหว่างอริยสาวกผู้ได้ สดับ กับ ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ คือ ในเมื่อคติ อุบัติมีอยู่
---------------------------------------------------------------------

            อีกประการหนึ่ง บุคคลบางคนในโลกนี้ มีใจประกอบด้วยมุทิตา แผ่ไปตลอด ทิศหนึ่งอยู่ ทิศที่สอง ที่สาม ที่สี่ก็เหมือนกัน ตามนัยนี้ ทั้งเบื้องบน เบื้องล่าง เบื้องขวาง แผ่ไปตลอดโลก ทั่วสัตว์ทุกเหล่า ในที่ทุกสถาน ด้วยใจประกอบด้วยมุทิตาอันไพบูลย์ ถึงความเป็นใหญ่ หาประมาณมิได้ ไม่มีเวรไม่มีความเบียดเบียนอยู่ บุคคลนั้น พอใจ ชอบใจมุทิตาฌานนั้น และถึงความปลื้มใจด้วยมุทิตาฌานนั้น ยับยั้งอยู่ในมุทิตาฌานนั้น น้อมใจไปในมุทิตาฌานนั้นอยู่จนคุ้นด้วยมุทิตาฌานนั้น ไม่เสื่อม เมื่อกระทำกาละ ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของเทวดาเหล่าสุภกิณหะ

            ดูกรภิกษุทั้งหลาย ๔ กัป เป็นประมาณอายุของเทวดาเหล่าสุภกิณหะ ปุถุชน ดำรงอยู่ในชั้นสุภกิณหะนั้น ตราบเท่าตลอดอายุ ยังประมาณอายุทั้งหมดของเทวดา เหล่านั้นให้สิ้นไปแล้ว ย่อมเข้าถึงนรกบ้าง กำเนิดดิรัจฉานบ้าง เปรตวิสัยบ้าง
             ส่วนสาวก ของพระผู้มีพระภาค
ดำรงอยู่ในชั้นสุภกิณหะนั้น ตราบเท่าตลอด อายุ ยังประมาณอายุ ทั้งหมดของเทวดาเหล่านั้นให้สิ้นไปแล้ว ย่อมปรินิพพานในภพ นั้นเอง ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นความพิเศษผิดแผกแตกต่างกัน ระหว่างอริยสาวก ผู้ได้ สดับกับ ปุถุชน ผู้ไม่ได้สดับ คือ ในเมื่อคติ อุบัติมีอยู่
---------------------------------------------------------------------

            อีกประการหนึ่ง บุคคลบางคนในโลกนี้ มีใจประกอบด้วยอุเบกขาแผ่ไปตลอด ทิศหนึ่งอยู่ ทิศที่สอง ที่สาม ที่สี่ก็เหมือนกัน ตามนัยนี้ ทั้งเบื้องบน เบื้องล่าง เบื้องขวาง แผ่ไปตลอดโลก ทั่วสัตว์ทุกเหล่า ในที่ทุกสถาน ด้วยใจประกอบด้วยอุเบกขาอันไพบูลย์ ถึงความเป็นใหญ่ หาประมาณมิได้ ไม่มีเวรไม่มีความเบียดเบียนอยู่ บุคคลนั้นพอใจ ชอบใจอุเบกขาฌานนั้น และถึงความปลื้มใจด้วยอุเบกขาฌานนั้น ยับยั้งอยู่ในอุเบกขา ฌาน นั้น น้อมใจไปในอุเบกขาฌานนั้น อยู่จนคุ้นด้วยอุเบกขาฌานนั้น ไม่เสื่อม เมื่อกระทำ กาละ ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของเทวดาชั้นเวหัปผละ

            ดูกรภิกษุทั้งหลาย ๕๐๐ กัป เป็นประมาณอายุของเทวดาเหล่าเวหัปผละ ปุถุชน ดำรงอยู่ในเวหัปผละนั้นตราบเท่าตลอดอายุ ยังประมาณอายุทั้งหมดของเทวดา เหล่านั้น ให้สิ้นไปแล้ว ย่อมเข้าถึงนรกบ้าง กำเนิดดิรัจฉานบ้าง เปรตวิสัยบ้าง
            
ส่วนสาวก ของพระผู้มีพระภาค ดำรงอยู่ในชั้นเวหัปผละนั้น ตราบเท่า ตลอดอายุ ยังประมาณอายุ ทั้งหมด ของเทวดาเหล่านั้นให้สิ้นไปแล้ว ย่อมปรินิพพาน ในภพนั้นเอง

            ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นความพิเศษผิดแผกแตกต่างกันระหว่าง อริยสาวก ผู้ได้สดับกับปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ คือ ในเมื่อคติ อุบัติมีอยู่

             ดูกรภิกษุทั้งหลายบุคคล ๔ จำพวกนี้แล มีปรากฏในโลก


--------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๑ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๕๔-๑๕๕

เมตตาสูตรที่ ๒
ผู้เจริญเมตตา(เจริญพรหมวิหาร๔)

            [๑๒๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๔ จำพวกนี้ มีปรากฏอยู่ในโลก ๔ จำพวก เป็นไฉน

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลบางคนในโลกนี้ มีใจประกอบด้วยเมตตาแผ่ไป ตลอดทิศหนึ่งอยู่ ทิศที่สอง ที่สาม ที่สี่ก็เหมือนกัน ตามนัยนี้ทั้งเบื้องบน เบื้องล่าง เบื้องขวาง แผ่ไปตลอดโลก ทั่วสัตว์ทุกเหล่า ในที่ทุกสถาน ด้วยใจประกอบด้วยเมตตา อันไพบูลย์ ถึงความเป็นใหญ่ หาประมาณมิได้ไม่มีเวร ไม่มีความเบียดเบียนอยู่ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ อันใด มีอยู่ในเมตตาฌานนั้น             บุคคลนั้นพิจารณาเห็นธรรมเหล่านั้น โดยความเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นดังโรค เป็นดังหัวฝี เป็นดังลูกศร เป็นของทนได้ยากเป็นของเบียดเบียน เป็นของไม่ เชื่อฟัง เป็นของต้องทำลายไป เป็นของว่างเปล่าเป็นของไม่ใช่ตน บุคคลนั้น เมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของเทวดาเหล่าสุทธาวาส ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความอุบัตินี้แล ไม่ทั่วไปด้วยปุถุชน

อีกประการหนึ่ง บุคคลบางคนในโลกนี้ มีใจประกอบด้วยกรุณา ... ฯ
อีกประการหนึ่ง บุคคลบางคนในโลกนี้ มีใจประกอบด้วยมุทิตา ... ฯ

อีกประการหนึ่ง บุคคลบางคนในโลกนี้ มีใจประกอบด้วยอุเบกขา
แผ่ไปตลอด ทิศหนึ่งอยู่ ทิศที่สอง ที่สาม ที่สี่ก็เหมือนกัน ตามนัยนี้ ทั้งเบื้องบน เบื้องล่าง เบื้องขวาง แผ่ไปตลอดโลก ทั่วสัตว์ทุกเหล่า ในที่ทุกสถาน ด้วยใจประกอบด้วยอุเบกขาอันไพบูลย์ ถึงความเป็นใหญ่ หาประมาณมิได้ ไม่มีเวรไม่มีความเบียดเบียนอยู่ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ อันใด มีอยู่ในอุเบกขาฌานนั้น

            บุคคลนั้นพิจารณาเห็นธรรมเหล่านั้น โดยความเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นดังโรค เป็นดังหัวฝี เป็นดังลูกศร เป็นของทนได้ยากเป็นของเบียดเบียน เป็นของ ไม่เชื่อฟัง เป็นของต้องทำลายไป เป็นของว่างเปล่าเป็นของไม่ใช่ตน บุคคลนั้นเมื่อ ตายไป ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของเทวดาเหล่าสุทธาวาส ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความอุบัตินี้แลไม่ทั่วไปด้วยปุถุชน

            ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๔ จำพวกนี้แล มีปรากฏอยู่ในโลก

 





หนังสือพุทธวจน ธรรมะของพระศาสดา
90 90 90 90
พุทธประวัติ ขุมทรัพย์ อริยสัจ
ภาคต้น
อริยสัจ
ภาคปลาย
ปฏิจจ ปฐมธรรม ตถาคต อนาคามี อินทรีย์
สังวร
สัตว์
สัตตานัง
ทาน
สกทาคามี
ฆราวาส
ชั้นเลิศ
มรรควิธี
ที่ง่าย
อริยวินัย เดรัจฉานวิชา กรรม สมถะ
วิปัสสนา
โสดาบัน นา
ปานสติ
จิต มโน
วิญญาณ
ก้าวย่าง
อย่างพุทธะ
ตามรอย
ธรรม
ภพ ภูมิ
พุทธวจน
สาธยาย
ธรรม
สังโยชน์