พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๑ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๕๕-๑๕๖
อัจฉริยสูตรที่ ๑
ความเป็นอัจฉริยะของพระตถาคต สูตร๑
[๑๒๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความอัศจรรย์ไม่เคยมี ๔ ประการ ย่อมปรากฏ เพราะความปรากฏแห่งพระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ๔ ประการ เป็นไฉน
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อใด พระโพธิสัตว์จุติจากชั้นดุสิต มีสติสัมปชัญญะ เสด็จลงสู่ครรภ์พระมารดา เมื่อนั้น แสงสว่างอันโอฬารหาประมาณมิได้ ย่อมปรากฏ ในโลก พร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก ในหมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณพราหมณ์เทวดา และมนุษย์ ล่วงเทวานุภาพของเทวดาทั้งหลาย แม้ในโลกันตริกนรกอันโล่งโถง ไม่มี อะไรปิดบัง มืดมิดมองไม่เห็นอะไร ซึ่งแสงสว่างแห่งพระจันทร์และพระอาทิตย์ ผู้มีฤทธิ์ มีอานุภาพมากอย่างนั้นส่องไม่ถึง แต่แสงสว่างอันยิ่ง หาประมาณมิได้ ย่อมปรากฏแม้ใน โลกันตริกนรกนั้น ล่วงเทวานุภาพของเทวดาทั้งหลาย แม้พวกสัตว์ที่เกิดในนรกนั้น ย่อมจำกันและกันได้ด้วยแสงสว่างนั้นว่าท่านผู้เจริญ ได้ยินว่า แม้สัตว์เหล่าอื่นผู้เกิด ในที่นี้ ก็มี (ไม่ใช่มีแต่เรา)
ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นความอัศจรรย์ไม่เคยมีข้อที่ ๑ ย่อมปรากฏ เพราะความ ปรากฏแห่งพระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
อีกประการหนึ่ง เมื่อใด พระโพธิสัตว์มีสติสัมปชัญญะ ประสูติจากครรภ์ พระมารดา ฯลฯ ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นความอัศจรรย์ไม่เคยมีข้อที่ ๒ ย่อมปรากฏ เพราะความปรากฏแห่งพระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
อีกประการหนึ่ง เมื่อใด พระตถาคต ตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ ฯลฯ ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นความอัศจรรย์ไม่เคยมีข้อที่ ๓ ย่อมปรากฏ เพราะความปรากฏ แห่งพระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
อีกประการหนึ่ง เมื่อใดพระตถาคต ประกาศอนุตรธรรมจักร เมื่อนั้น แสงสว่าง อย่างยิ่ง หาประมาณมิได้ ย่อมปรากฏในโลกพร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก ในหมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ เทวดาและมนุษย์ ล่วงเทวานุภาพของ เทวดา ทั้งหลาย แม้ในโลกันตริกนรกอันโล่งโถง ไม่มีอะไรปิดบัง มืดมิดมองไม่เห็นอะไร ซึ่งแสงสว่างแห่งพระจันทร์ และพระอาทิตย์ผู้มีฤทธิ์มีอานุภาพมากอย่างนั้นส่องไม่ถึง แต่แสงสว่างอย่างยิ่ง หาประมาณมิได้ ย่อมปรากฏแม้ในโลกันตริกนรกนั้น ล่วง เทวานุภาพ ของเทวดาทั้งหลาย แม้พวกสัตว์ที่เกิดในนรกนั้น ย่อมจำกันและกันได้ด้วย แสงสว่างนั้นว่า ท่านผู้เจริญ ได้ยินว่า แม้สัตว์เหล่าอื่นผู้เกิดในที่นี้ก็มี (ไม่ใช่มีแต่เรา) ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นความอัศจรรย์ไม่เคยมีข้อที่ ๔ ย่อมปรากฏ เพราะความปรากฏ แห่งพระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความอัศจรรย์ไม่เคยมี ๔ ประการนี้ ย่อมปรากฏ เพราะความ ปรากฏแห่งพระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
---------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๑ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๕๖-๑๕๗
อัจฉริยสูตรที่ ๒
ความเป็นอัจฉริยะของพระตถาคต สูตร๑
[๑๒๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความอัศจรรย์ไม่เคยมี ๔ ประการ ย่อมปรากฏ เพราะความปรากฏแห่งพระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ๔ ประการเป็นไฉน
ดูกรภิกษุทั้งหลาย หมู่สัตว์ผู้มีอาลัย (คือกามคุณ) เป็นที่รื่นรมย์ยินดีในอาลัย บันเทิงใน อาลัย เมื่อพระตถาคตแสดงธรรมอันหาความอาลัยมิได้อยู่ หมู่สัตว์นั้นย่อมฟัง ด้วยดี เงี่ยโสตสดับ ตั้งจิตเพื่อรู้ทั่วถึง ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นความอัศจรรย์ไม่เคยมี ข้อที่ ๑ ย่อมปรากฏ เพราะความ ปรากฏแห่งพระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย หมู่สัตว์ผู้มีมานะ (ความถือตัว) เป็นที่รื่นรมย์ ยินดีในมานะ บันเทิงในมานะ เมื่อพระตถาคตแสดงธรรมอันเป็นเครื่องปราบปรามมานะอยู่ หมู่สัตว์นั้น ย่อมฟังด้วยดี เงี่ยโสตสดับ ตั้งจิตเพื่อรู้ทั่วถึง ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นความอัศจรรย์ ไม่เคยมีข้อที่ ๒ ย่อมปรากฏ เพราะความปรากฏแห่งพระตถาคต อรหันตสัมมา สัมพุทธเจ้า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย หมู่สัตว์ผู้มีความไม่สงบเป็นที่รื่นรมย์ ยินดีแล้วในความ ไม่สงบ บันเทิงในความไม่สงบ เมื่อพระตถาคตแสดงธรรมอันกระทำความสงบอยู่ หมู่สัตว์นั้นย่อมฟังด้วยดี เงี่ยโสตสดับ ตั้งจิตเพื่อรู้ทั่วถึง
ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นความ อัศจรรย์ไม่เคยมีข้อที่ ๓ ย่อมปรากฏ เพราะ ความปรากฏแห่งพระตถาคตอรหันต สัมมา สัมพุทธเจ้า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย หมู่สัตว์ผู้ตกอยู่ในอวิชชา เป็นผู้มืด ถูกอวิชชารัดรึงไว้ เมื่อพระตถาคตแสดงธรรมอันเป็นเครื่องปราบปรามอวิชชาอยู่ หมู่สัตว์นั้นย่อมฟังด้วยดี เงี่ยโสตสดับ ตั้งจิตเพื่อรู้ทั่วถึง ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นความอัศจรรย์ไม่เคยมีข้อที่ ๔ ย่อมปรากฏ เพราะความปรากฏแห่งพระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความอัศจรรย์ไม่เคยมี ๔ ประการนี้ ย่อมปรากฏ เพราะ ความปรากฏแห่งพระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
---------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๑ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๕๗-๑๕๘
อัจฉริยสูตรที่ ๓
ความเป็นอัจฉริยะของพระอานนท์
[๑๒๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความอัศจรรย์ไม่เคยมี ๔ ประการนี้ ในเพราะ พระอานนท์ ๔ ประการเป็นไฉน
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าภิกษุบริษัทเข้าไปเพื่อเห็นอานนท์ ภิกษุบริษัทนั้นย่อม มีใจ ยินดีแม้ด้วยการเห็น ถ้าอานนท์กล่าวธรรมในบริษัทนั้น ภิกษุบริษัทนั้น ย่อมมีใจ ยินดีแม้ด้วยคำที่กล่าวนั้น ภิกษุบริษัทนั้นเป็นผู้ไม่อิ่มเลย ถ้าอานนท์เป็นผู้นิ่ง ถ้าภิกษุณีบริษัทเข้าไปเพื่อเห็นอานนท์ ... ฯ
ถ้าอุบาสกบริษัทเข้าไปเพื่อเห็นอานนท์ ... ฯ
ถ้าอุบาสิกาบริษัทเข้าไปเพื่อเห็นอานนท์ อุบาสิกาบริษัทนั้นย่อมมีใจยินดีแม้ด้วยการเห็น ถ้าอานนท์กล่าวธรรมในบริษัทนั้น อุบาสิกาบริษัทนั้นย่อมมีใจยินดีแม้ด้วยคำที่กล่าวนั้น อุบาสิกาบริษัทนั้นเป็นผู้ไม่อิ่มเลย ถ้าอานนท์เป็นผู้นิ่ง
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความอัศจรรย์ไม่เคยมี ๔ ประการนี้แล ในเพราะพระอานนท์
---------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๑ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๕๘-๑๕๙
อัจฉริยสูตรที่ ๔
ความเป็นอัจฉริยะของพระเจ้าจักรพรรดิ
[๑๓๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความอัศจรรย์ไม่เคยมี ๔ ประการนี้ ในเพราะพระเจ้า จักรพรรดิ ๔ ประการเป็นไฉน
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าขัตติยบริษัทเข้าไปเฝ้าเยี่ยมพระเจ้า จักรพรรดิ ขัตติย บริษัทนั้นย่อมมีพระทัยยินดีแม้ด้วยการเฝ้าเยี่ยมนั้น ถ้าพระเจ้า จักรพรรดิดำรัสในที่ ประชุม นั้น ขัตติยบริษัทนั้นย่อมมีพระทัยยินดี แม้ด้วยพระดำรัส ขัตติยบริษัทย่อมเป็น ผู้ไม่อิ่มเลย ถ้าพระเจ้าจักรพรรดิทรงนิ่งเสีย
ถ้าพราหมณ์บริษัทเข้าไปเฝ้าเยี่ยมพระเจ้าจักรพรรดิ ... ฯ
ถ้าคฤหบดีบริษัทเข้าไปเฝ้าเยี่ยมพระเจ้าจักรพรรดิ ... ฯ
ถ้าสมณบริษัทเข้าไปเยี่ยมพระเจ้าจักรพรรดิ สมณบริษัทนั้นย่อมมีใจยินดีแม้ด้วย การเฝ้าเยี่ยมนั้น ถ้าพระเจ้าจักรพรรดิดำรัสในที่ประชุมนั้น สมณบริษัทนั้นย่อมมีใจยินดี แม้ด้วยพระดำรัส สมณบริษัทนั้นย่อมเป็นผู้ไม่อิ่มเลย ถ้าพระเจ้าจักรพรรดิทรงนิ่งเสีย ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความอัศจรรย์ไม่เคยมี ๔ ประการนี้แล ในเพราะพระเจ้าจักรพรรดิ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความอัศจรรย์ไม่เคยมี ๔ ประการ ในเพราะพระอานนท์ ฉันนั้นเหมือนกันแล ๔ ประการเป็นไฉน คือ
ถ้าภิกษุบริษัทเข้าไปเพื่อเห็น อานนท์ภิกษุ บริษัทนั้นย่อมมีใจยินดีแม้ด้วยการเห็น ถ้าอานนท์กล่าวธรรมในที่ประชุมนั้นภิกษุบริษัท ย่อมมีใจยินดีแม้ด้วยคำที่กล่าว ภิกษุบริษัทย่อมเป็นผู้ไม่อิ่มเลย ถ้าอานนท์นิ่งอยู่
ถ้าภิกษุณีบริษัทเข้าไปเพื่อเห็นอานนท์ ... ฯ
ถ้าอุบาสกบริษัทเข้าไปเพื่อเห็นอานนท์ ... ฯ
ถ้าอุบาสิกาบริษัทเข้าไปเพื่อเห็นอานนท์ อุบาสิกาบริษัทนั้นย่อมมีใจยินดีแม้ด้วยการเห็น ถ้าอานนท์กล่าวธรรมในที่ประชุมนั้น อุบาสิกาบริษัทย่อมมีใจยินดีแม้ด้วยคำที่กล่าว อุบาสิกาบริษัทย่อมเป็นผู้ไม่อิ่มเลย ถ้าอานนท์นิ่งอยู่
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความอัศจรรย์ไม่เคยมี ๔ ประการนี้ ในเพราะพระอานนท์
|