พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๑ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๖๔-๖๕
ปุญญาภิสันท สูตรที่ ๑
ห้วงบุญห้วงกุศล
[๕๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ห้วงบุญห้วงกุศล ๔ ประการนี้ นำความสุขมาให้ ให้อารมณ์อันเลิศ มีสุขเป็นวิบาก เป็นไปเพื่อเกิดในสวรรค์ ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์ เกื้อกูล เพื่อสุข อันน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ
ห้วงบุญ ห้วงกุศล ๔ ประการเป็นไฉน
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
๑ ภิกษุบริโภคจีวรของทายกใดเข้าถึงเจโตสมาธิ อันหาประมาณมิได้อยู่ ห้วงบุญห้วงกุศลของทายกนั้นหาประมาณมิได้ นำความสุขมาให้ ให้อารมณ์อันเลิศ มีสุขเป็นวิบาก เป็นไปเพื่อเกิดในสวรรค์ ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์ เกื้อกูล เพื่อสุข อันน่าปรารถนา น่าใคร่น่าพอใจ
๒ ภิกษุบริโภคบิณฑบาตของทายกใด ...
๓ บริโภคเสนาสนะของทายกใด ...
๔ บริโภคเภสัชบริขารอันเป็นปัจจัยแห่งคนไข้ของทายกใด เข้าถึงเจโตสมาธิอันหา ประมาณมิได้อยู่ ห้วงบุญห้วงกุศลของทายกนั้นหาประมาณมิได้ นำความสุขมาให้ ให้อารมณ์อันเลิศ มีสุขเป็นวิบาก เป็นไปเพื่อเกิดในสวรรค์ ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์ เกื้อกูล เพื่อสุข อันน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ห้วงบุญห้วงกุศล ๔ ประการนี้แล นำความสุขมาให้ ให้อารมณ์ อันเลิศ มีสุขเป็นวิบาก เป็นไปเพื่อเกิดในสวรรค์ ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์ เกื้อกูลเพื่อสุข อันน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ
อนึ่ง การถือเอาประมาณแห่งบุญของอริยสาวก ผู้ประกอบด้วยห้วงบุญห้วงกุศล ๔ ประการนี้ว่า ห้วงบุญห้วงกุศลมีประมาณเท่านี้ นำความสุขมาให้ให้อารมณ์อันเลิศ มีสุขเป็นวิบาก เป็นไปเพื่อเกิดในสวรรค์ ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อสุข อันน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ดังนี้ ไม่ใช่กระทำได้ง่าย โดยที่แท้ ย่อมถึงการนับว่า เป็นกองบุญใหญ่ จะนับจะประมาณมิได้ทีเดียว
การถือเอาประมาณแห่งน้ำในมหาสมุทรว่า เท่านี้อาฬหกะ เท่านี้ร้อยอาฬหกะ เท่านี้พันอาฬหกะ หรือว่าเท่านี้แสนอาฬหกะ ไม่ใช่ทำได้ง่ายโดยที่แท้ ย่อมถึงการนับว่า เป็นห้วงน้ำใหญ่ จะนับจะประมาณมิได้ทีเดียวแม้ฉันใด การถือเอาประมาณแห่งบุญ ของ อริยสาวก ผู้ประกอบด้วยห้วงบุญห้วงกุศล ๔ ประการนี้ว่า ห้วงบุญห้วงกุศล มีประมาณเท่านี้ นำความสุขมาให้ ให้อารมณ์อันเลิศ มีสุขเป็นวิบาก เป็นไปเพื่อเกิดใน สวรรค์ ย่อม เป็นไป เพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อสุข อันน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ดังนี้ ไม่ใช่กระทำ ได้ง่าย โดยที่แท้ ย่อมถึงซึ่งการนับว่า เป็นกองบุญใหญ่ จะนับจะประมาณ มิได้ทีเดียว ฉันนั้นเหมือนกันแล (บุญกุศลที่ทำไม่อาจวัดได้ว่า ได้เป็นเท่านั้นเท่านี้)
แม่น้ำทั้งหลาย อันคับคั่งด้วยหมู่ปลาเป็นจำนวนมาก ไหล ไปยังสาครคือ ทะเลใหญ่ ที่ขังน้ำใหญ่ ไม่มีประมาณ ประกอบด้วยสิ่งที่น่ากลัวมาก เป็นที่อยู่อาศัยแห่ง รัตนะเป็น อันมาก ย่อมยังสาครให้เต็ม ฉันใด ท่อธารแห่งบุญย่อมยัง นรชนผู้เป็นบัณฑิต ผู้ให้ข้าวและน้ำ ให้เครื่องปูลาด ที่นอนและที่นั่ง ให้เต็มด้วยบุญ ฉันนั้น เหมือนอย่าง แม่น้ำ คือห้วงน้ำยังสาครให้เต็มฉะนั้น
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๑ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๖๕-๖๗
ปุญญาภิสันท สูตรที่ ๒
ว่าด้วยห้วงบุญกุศล
[๕๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ห้วงบุญห้วงกุศล ๔ ประการนี้ นำความสุขมาให้ ให้อารมณ์อันเลิศ มีสุขเป็นวิบาก เป็นไปเพื่อเกิดในสวรรค์ ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์ เกื้อกูล เพื่อสุข อันน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ห้วงบุญห้วงกุศล ๔ ประการเป็นไฉน
ดูกรภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้ประกอบด้วย ความเลื่อมใส อันไม่หวั่นไหว ในพระพุทธเจ้า ว่า แม้เพราะเหตุนี้พระผู้มีพระภาค พระองค์นั้น เป็น พระอรหันต์ ตรัสรู้เองโดยชอบ ทรงสมบูรณ์ด้วยวิชชาและจรณะ เสด็จไปดีแล้ว ทรงรู้ แจ้งโลก เป็นสารถีฝึกบุรุษ ที่ควรฝึกชั้นเยี่ยม เป็นศาสดาของ เทวดา และมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้ตื่นแล้ว เป็นผู้มี โชคห้วงบุญห้วงกุศลประการที่ ๑ นี้ นำความสุขมาให้ ให้อารมณ์ อันเลิศ มีสุขเป็นวิบาก เป็นไปเพื่อเกิดในสวรรค์ ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อสุขอันน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ
อีกประการหนึ่ง อริยสาวกเป็นผู้ประกอบด้วยความเลื่อมใส อันไม่หวั่นไหว ในพระธรรม ว่า พระธรรมอันพระผู้มีพระภาคตรัสดีแล้ว อันผู้บรรลุพึงเห็นเอง ไม่ประกอบด้วยกาล ควรเรียกให้มาดู ควรน้อมเข้ามาในตน อันวิญญูชนพึงรู้ได้เฉพาะตน ห้วงบุญห้วงกุศลประการที่ ๒ นี้นำความสุขมาให้ ให้อารมณ์อันเลิศ มีสุขเป็นวิบาก เป็นไปเพื่อเกิดในสวรรค์ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อสุข อันน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ
อีกประการหนึ่ง อริยสาวกเป็นผู้ประกอบด้วยความเลื่อมใส อันไม่หวั่นไหว ในพระสงฆ์ ว่า พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเป็นผู้ปฏิบัติดี เป็นผู้ปฏิบัติตรงเป็น ผู้ปฏิบัติ เป็นธรรม เป็นผู้ปฏิบัติชอบ คือ คู่แห่งบุรุษ ๔ บุรุษบุคคล ๘ นี้คือพระสงฆ์สาวก ของพระผู้มีพระภาค เป็นผู้ควรของคำนับ เป็นผู้ควรของต้อนรับเป็นผู้ควรของทำบุญ เป็นผู้ควรทำอัญชลี เป็นนาบุญของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า
ห้วงบุญห้วงกุศลประการที่ ๓ นี้ นำความสุขมาให้ ให้อารมณ์อันเลิศมีสุข เป็นวิบาก เป็นไปเพื่อเกิดในสวรรค์ ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูลเพื่อสุข อันน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ
อีกประการหนึ่ง อริยสาวกเป็นผู้ประกอบด้วยศีล อันพระอริยะใคร่แล้ว ไม่ขาด ไม่ทะลุ ไม่ด่าง ไม่พร้อย เป็นไทย อันวิญญูชนสรรเสริญ อันตัณหาและทิฐิไม่ ถูกต้อง เป็นไปเพื่อสมาธิห้วงบุญห้วงกุศลประการที่ ๔ นี้ นำสุขมาให้ ให้อารมณ์อันเลิศ มีสุขเป็นวิบากเป็นไปเพื่อเกิดในสวรรค์ ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อสุข อันน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ห้วงบุญห้วงกุศล ๔ ประการนี้แล นำความสุขมาให้ ให้อารมณ์อันเลิศ มีสุขเป็นวิบาก เป็นไปเพื่อเกิดในสวรรค์ ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์ เกื้อกูล เพื่อสุข อันน่าปรารถนา น่าใคร่น่าพอใจ
ผู้ใดมีศรัทธาตั้งมั่น ไม่หวั่นไหว ใน พระตถาคต มีศีลดีงาม อันพระอริยะเจ้าใคร่แล้ว สรรเสริญแล้ว มีความเลื่อมใสใน พระสงฆ์ และมีความเห็นตรง บัณฑิตทั้งหลายกล่าวผู้นั้นว่า เป็นคนไม่ขัดสน ชีวิตของ ผู้นั้นไม่เปล่า เพราะฉะนั้น ผู้มี ปัญญา เมื่อระลึกถึงคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ควร ประกอบศรัทธา ศีล ความเลื่อมใส และความเห็นธรรมไว้ เนืองๆ เถิด |