เว็บไซต์ อนาคามี เผยแพร่คำพระศาสดา เผยแพร่คำสอนตถาคต เว็บไซต์เผยแพร่พระสุตรคำสอนของพระพุทธเจ้า คลิปคำสอน คลิปสาธยายธรรม
ค้นหาคำที่ต้องการ            

สพรหมสูตร สกุลที่มีพรหม นิรยสูตร เหตุให้เกิดในนรก รูปสูตร ผู้ถือรูปเป็นประมาณ สราคสูตร ผู้มีราคะ ปธานสูตร.. 2171
 

พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๑

สพรหมสูตร ว่าด้วยสกุลที่มีพรหม
มารดาและบิดา เป็นผู้อันบุตรทั้งหลาย ของตระกูล เหล่าใดบูชาแล้วภายในเรือน ตระกูลเหล่านั้น ชื่อว่ามีพรหม คำว่าพรหมบุรพาจารย์ บุรพเทพอาหุเนยยบุคคล นี้เป็นชื่อ ของมารดา และ บิดา ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะมารดาและบิดาเป็นผู้มีอุปการะ มาก เป็นผู้ประคบประหงมเลี้ยงดู บุตร เป็นผู้แสดงโลกนี้แก่บุตร มารดาและบิดา ผู้อนุเคราะห์แก่บุตร

นิรยสูตร ธรรมเป็นเหตุให้เกิดในนรก
บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการ ย่อมเกิดใน นรก
๑ เป็นผู้มักฆ่าสัตว์ ๒ ลักทรัพย์ ๓ ประพฤติผิดในกาม ๔ พูดเท็จ

รูปสูตร บุคคลผู้ถือรูปเป็นประมาณ
บุคคล ๔ จำพวก นี้ มีปรากฏอยู่ในโลก
๑ ผู้ถือประมาณในรูป เลื่อมใสในรูป
๒ ผู้ถือประมาณในเสียง เลื่อมใสในเสียง
๓ ผู้ถือประมาณในความเศร้าหมอง เลื่อมใสในความเศร้าหมอง
๔ ผู้ถือประมาณในธรรม เลื่อมใสในธรรม

สราคสูตร บุคคลผู้มีราคะ
บุคคล ๔ จำพวก นี้ มีปรากฏอยู่ในโลก
๑ มีราคะ ๒ มีโทสะ ๓ มีโมหะ ๔ มีมานะ

ปธานสูตร
ปธานคือความเพียร ๔ ประการ
๑ สังวรปธาน ประคองจิต ตั้งจิตไว้ เพื่อให้อกุศลบาปธรรม ที่ยังไม่เกิด มิให้เกิด
๒ ปหานปธาน ประคองจิต ตั้งจิตไว้ เพื่อละอกุศลบาปธรรม ที่เกิดขึ้นแล้ว
๓ ภาวนาปธาน ประคองจิต ตั้งจิตไว้ เพื่อให้กุศลกรรม ที่ยังไม่เกิด ให้เกิดขึ้น
๔ อนุรักขนาปธาน ประคองจิตตั้งจิตไว้ เพื่อความดำรงอยู่ เพื่อไม่หลงลืม เพื่อความเจริญยิ่งขึ้น

เรื่องสำคัญของพระพุทธเจ้า
การบำเพ็ญบารมีในอดีตชาติ
การประสูติ แสงสว่าง แผ่นดินไหว
แสวงหาสัจจะบำเพ็ญทุกรกิริยา
ปัญจวัคคีย์หลีก สิ่งที่ตรัสรู้
ตรัสรู้ แสดงเทศนาปัญจวัคคีย์
ปลงสังขาร ปรินิพพาน
ลำดับขั้นการปรินิพพาน
เทวดาแสดงฤทธิ์ขณะถวายเพลิง
แบ่งพระสรีระออกเป็น ๘ ส่วน
 
รวมพระสูตรบุคคลสำคัญ
พระโมคคัลลานะ
พระสารีบุตร
พระเทวทัต
นิครนถ์ปริพาชก
พระมหากัปปินะ
พระอนุรุทธะ
พระอุบาลี
(ดูทั้งหมด)
 
สารบาญพระไตรปิฎก
เล่มที่ ๘-๓๓ (๒๕ เล่ม) ทุกพระสูตร
1. ฉบับหลวง
2. ฉบับมหาจุฬาฯ
3. อรรถกถาไทย
4. ฉบับภาษาบาลี
5. อรรถกถา-บาลี
6. Pali Roman (Roman Script)
7. Atthakatha PaliRoman
 

 


 


พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๑ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๘๐-๘๑

สพรหมสูตร
ว่าด้วยสกุลที่มีพรหม

            [๖๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย มารดาและบิดา เป็นผู้อันบุตรทั้งหลาย ของตระกูล เหล่าใดบูชาแล้วภายในเรือน ตระกูลเหล่านั้น ชื่อว่ามีพรหม มารดาและบิดา เป็นผู้ อันบุตรทั้งหลายของตระกูลเหล่าใดบูชาแล้วภายในเรือน ตระกูลเหล่านั้นชื่อว่ามี บุรพาจารย์ มารดาและบิดา เป็นผู้อันบุตรทั้งหลายของตระกูลเหล่าใด บูชาแล้ว ภายในเรือน ตระกูลเหล่านั้นชื่อว่ามีบุรพเทพ มารดาและบิดาเป็นผู้อันบุตรทั้งหลาย ของตระกูลเหล่าใดบูชาแล้วภายในเรือน ตระกูลเหล่านั้นชื่อว่ามีอาหุเนยยบุคคล

            ดูกรภิกษุทั้งหลาย คำว่าพรหมบุรพาจารย์ บุรพเทพอาหุเนยยบุคคล นี้เป็นชื่อ ของมารดาและบิดา ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะมารดาและบิดาเป็นผู้มีอุปการะ มาก เป็นผู้ประคบประหงมเลี้ยงดูบุตร เป็นผู้แสดงโลกนี้แก่บุตร มารดาและบิดา ผู้อนุเคราะห์ แก่บุตร ท่านเรียกว่า พรหม บุรพาจารย์ และอาหุเนยยบุคคลของบุตร ทั้งหลาย เพราะ เหตุนั้นแหละ บุตรผู้เป็นบัณฑิตพึงนอบน้อม พึงสักการะ ท่านด้วยข้าว น้ำ ผ้านุ่งห่ม ที่นอน ที่นั่ง อบกาย ให้อาบน้ำ และชำระเท้า เพราะเหตุที่บุตรผู้เป็นบัณฑิต ได้บำรุง บำเรอใน มารดาและบิดา บัณฑิตทั้งหลายย่อมสรรเสริญเขา ครั้นเขา ละโลกนี้ ไปแล้ว ย่อมบันเทิงในโลกสวรรค์


--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๑ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๘๑-๘๒

นิรยสูตร
ธรรมเป็นเหตุให้เกิดในนรก

            [๖๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการ ย่อมเกิดใน นรก เหมือนถูกนำมาโยนลง ธรรม ๔ ประการเป็นไฉน คือ
๑ เป็นผู้มักฆ่าสัตว์
๒ ลักทรัพย์
๓ ประพฤติผิดในกาม
๔ พูดเท็จ

            ดูกรภิกษุทั้งหลายบุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการนี้แล ย่อมเกิดในนรก เหมือนถูกนำมาโยนลง

            การฆ่าสัตว์ การลักทรัพย์ การคบหาภรรยาของผู้อื่น การ พูดเท็จ เรากล่าวว่า เป็นกรรมกิเลส บัณฑิตทั้งหลายย่อม ไม่สรรเสริญเลย


--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๑ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๘๒

รูปสูตร
บุคคลผู้ถือรูปเป็นประมาณ

            [๖๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๔ จำพวก นี้ มีปรากฏอยู่ในโลก ๔ จำพวก เป็นไฉนคือ
๑ ผู้ถือประมาณในรูป เลื่อมใสในรูป
๒ ผู้ถือประมาณในเสียง เลื่อมใสในเสียง
๓ ผู้ถือประมาณในความเศร้าหมอง เลื่อมใสในความเศร้าหมอง
๔ ผู้ถือประมาณในธรรม เลื่อมใสในธรรม

            ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๔ จำพวกนี้แล มีปรากฏอยู่ในโลกนี้

            ก็ชนเหล่าใด ถือประมาณในรูป และชนเหล่าใด คล้อยไป ตามเสียง ชนเหล่านั้น เป็นผู้ตกอยู่ในอำนาจของฉันทราคะ ย่อมไม่รู้จักชนนั้น คือ ย่อมไม่รู้คุณภายในของเขา และ ไม่เห็นข้อปฏิบัติภายนอกของเขา บุคคลนั้นแล เป็นคน เขลา ถูกห้อมล้อมไว้ โดยรอบ อันเสียงย่อมพัดไป

             อนึ่ง บุคคลไม่รู้คุณภายใน และไม่เห็นข้อปฏิบัติภายนอกของเขา แม้บุคคลนั้น เห็นผลในภายนอก ก็ยังถูกเสียงพัดไป ส่วน บุคคลรู้ทั่วถึงคุณภายในของเขา และเห็น แจ้งข้อปฏิบัติภาย นอกของเขา บุคคลนั้นเป็นผู้เห็นธรรมอันปราศจากเครื่องกั้น ย่อม ไม่ถูกเสียงพัดไป ฯ


--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๑ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๘๒-๘๓

สราคสูตร
บุคคลผู้มีราคะ

            [๖๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๔ จำพวก นี้ มีปรากฏอยู่ในโลก ๔ จำพวกเป็นไฉน คือ บุคคลผู้มี
๑ ราคะ
๒ มีโทสะ
๓ มีโมหะ
๔ มีมานะ


           บุคคล ๔ จำพวกนี้แล มีปรากฏอยู่ในโลก

            ชนทั้งหลาย กำหนัดนักในอารมณ์เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด เพลิดเพลินในรูป ที่น่ารัก เป็นสัตว์เลวทราม อันโมหะผูกไว้ ย่อมยังเครื่องผูกให้เจริญ เป็นผู้ไม่ฉลาด ย่อม กระทำอกุศล กรรมอันเกิดแต่ราคะบ้าง เกิดแต่โทสะบ้าง เกิดแต่โมหะบ้าง มีความ คับแค้น ให้ทุกข์ต่อไป สัตว์ทั้งหลาย อันอวิชชาหุ้ม ห่อแล้ว เป็นผู้มืดมน ไม่มีจักษุ พวกเขาย่อมไม่สำคัญ ว่าเราเป็นผู้มีสภาพเหมือนธรรม ๓ ทั้งหลาย


--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๑ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๘๕-๘๖

ปธานสูตร

            [๖๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปธานคือความเพียร ๔ ประการ นี้ ๔ ประการเป็นไฉน คือ
๑ สังวรปธาน
๒ ปหานปธาน
๓ ภาวนาปธาน
๔ อนุรักขนาปธาน

            ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สังวรปธานเป็นไฉน ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมยังฉันทะ ให้เกิด พยายาม ปรารภความเพียรประคองจิต ตั้งจิตไว้ เพื่อให้อกุศลบาปธรรมทั้งหลาย ที่ยังไม่เกิดมิให้เกิดขึ้นนี้เรียกว่า สังวรปธาน

            ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ปหานธานเป็นไฉน ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมยังฉันทะ ให้เกิด พยายาม ปรารภความเพียร ประคองจิต ตั้งจิตไว้เพื่อละอกุศลบาปธรรม ทั้งหลายที่เกิดขึ้นแล้ว นี้เรียกว่า ปหานปธาน

           ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภาวนาปธานเป็นไฉน ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมยังฉันทะ ให้เกิดพยายาม ปรารภความเพียร ประคองจิต ตั้งจิตไว้ เพื่อให้กุศลกรรมที่ยังไม่เกิด ให้เกิดขึ้น นี้เรียกว่า ภาวนาปธาน

            ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อนุรักขนาปธานเป็นไฉน ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมยัง ฉันทะ ให้เกิด พยายาม ปรารภความเพียรประคองจิต ตั้งจิตไว้ เพื่อความดำรงอยู่ เพื่อไม่หลง ลืม เพื่อความเจริญยิ่งขึ้นเพื่อความไพบูลย์ เพื่อเพิ่มพูน เพื่อความบริบูรณ์ แห่ง กุศลธรรม ที่เกิดขึ้นแล้วนี้เรียกว่า อนุรักขนาปธาน

            ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปธานคือความเพียร ๔ ประการนี้แล

            ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ผู้มีความเพียร พึงถึงความสิ้นทุกข์ได้ด้วย ปธานเหล่าใด ปธาน ๔ ประการเหล่านี้ คือ สังวรปธาน ๑ ปหานปธาน ๑ ภาวนาปธาน ๑ อนุรักขนาปธาน ๑ อัน พระพุทธเจ้าผู้เป็นเผ่าพันธุ์แห่งพระอาทิตย์ ทรงแสดง ไว้แล้ว


 





หนังสือพุทธวจน ธรรมะของพระศาสดา
90 90 90 90
พุทธประวัติ ขุมทรัพย์ อริยสัจ
ภาคต้น
อริยสัจ
ภาคปลาย
ปฏิจจ ปฐมธรรม ตถาคต อนาคามี อินทรีย์
สังวร
สัตว์
สัตตานัง
ทาน
สกทาคามี
ฆราวาส
ชั้นเลิศ
มรรควิธี
ที่ง่าย
อริยวินัย เดรัจฉานวิชา กรรม สมถะ
วิปัสสนา
โสดาบัน นา
ปานสติ
จิต มโน
วิญญาณ
ก้าวย่าง
อย่างพุทธะ
ตามรอย
ธรรม
ภพ ภูมิ
พุทธวจน
สาธยาย
ธรรม
สังโยชน์