พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๐ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๓๑๑-๓๑๒
โคตมสูตร
พระธรรมเทศนาที่โคตมกเจดีย์
[๕๖๕] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ โคตมกเจดีย์ใกล้พระนครเวสาลี ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุทั้งหลาย ทูลรับสนองพระผู้มีพระภาคแล้ว พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรารู้ด้วยปัญญาอันยิ่งแล้ว จึงแสดงธรรม ไม่รู้ไม่แสดง แสดงธรรมมีเหตุ ไม่ใช่แสดงธรรมไม่มีเหตุ แสดงธรรมมีปาฏิหาริย์ ไม่ใช่แสดงธรรม ไม่มีปาฏิหาริย์
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อเรารู้ด้วยปัญญาอันยิ่งแล้ว จึงแสดงธรรม ไม่รู้ ไม่แสดง แสดงธรรมมีเหตุไม่ใช่แสดงธรรมไม่มีเหตุ แสดงธรรมมีปาฏิหาริย์ ไม่ใช่แสดง ธรรมไม่มี ปาฏิหาริย์ท่านทั้งหลายควรทำโอวาท ควรทำอนุสาสนี ก็แหละ ท่านทั้งหลาย ควรที่จะ ยินดี ควรที่จะชื่นชม ควรที่จะโสมนัสว่า พระผู้มีพระภาคตรัสรู้เองโดยชอบ พระธรรม อันพระผู้มีพระภาคตรัสดีแล้ว พระสงฆ์ปฏิบัติชอบแล้ว
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสคำไวยากรณภาษิตนี้จบลงแล้ว ภิกษุเหล่านั้นต่างชื่นชม ยินดีภาษิตของพระผู้มีพระภาค ก็แหละเมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสไวยากรณภาษิตนี้อยู่ พันโลกธาตุได้หวั่นไหวแล้ว
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๐ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๓๑๕-๓๑๗
กฏุวิยสูตร
ว่าด้วยความมักใหญ่
[๕๖๘] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ใกล้ พระนครพาราณสี ครั้งนั้นแล เวลาเช้า พระผู้มีพระภาคทรงผ้าอันตรวาสก ทรงถือบาตร และจีวร เสด็จเข้าไปยังพระนครพาราณสีเพื่อบิณฑบาต
พระผู้มีพระภาค ได้ทอดพระเนตร เห็นภิกษุรูปหนึ่ง ผู้ไร้ความแช่มชื่น มีความ แช่มชื่นแต่ภายนอก หลงลืมสติ ไม่มีสัมปชัญญะ ไม่มีสมาธิ มีจิตกวัดแกว่ง ไม่สำรวม อินทรีย์กำลังเที่ยว บิณฑบาตอยู่ในสำนักของพวกมิลักขะ ซึ่งชุมนุมกันอยู่ ณ สถานที่ ขายโค แล้วได้ตรัส กะภิกษุนั้นว่า
ดูกรภิกษุ เธออย่าได้ทำตนให้เป็นคนมักใหญ่ใฝ่สูง ข้อที่ว่า แมลงวันจักไม่ ไต่ตอม จักไม่กัดตนที่ทำให้มักใหญ่ใฝ่สูง ชุ่มเพราะกลิ่นดิบนั้นแลไม่เป็นฐานะที่จะมีได้
ครั้งนั้นแล ภิกษุนั้น อันพระผู้มีพระภาค ตรัสสอนด้วยพระโอวาทนี้ ได้ถึงความ สลดใจ แล้ว ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคเสด็จเที่ยวบิณฑบาตในพระนครพาราณสี ในเวลาภายหลังภัต เสด็จกลับจากเที่ยวบิณฑบาตแล้ว ตรัสเรียกภิกษุทั้งหลาย มาตรัสว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลายเมื่อเช้านี้ เรานุ่งผ้าอันตรวาสก ถือบาตรและจีวรเข้าไปยัง พระนครพาราณสีเพื่อบิณฑบาต เราได้เห็นภิกษุรูปหนึ่งผู้ไร้ความแช่มชื่น มีความ แช่มชื่น แต่ภายนอก หลงลืมสติ ไม่มีสัมปชัญญะ ไม่มีสมาธิ มีจิตกวัดแกว่งไม่สำรวม อินทรีย์ กำลังเที่ยวบิณฑบาตอยู่ในสำนักของพวกมิลักขะ ซึ่งชุมนุมกันอยู่ ณ สถานที่ ขายโค ครั้นแล้ว เราได้กล่าวกะภิกษุนั้นว่า
ดูกรภิกษุ เธออย่าได้ทำตนให้เป็นคน มักใหญ่ ใฝ่สูง ข้อที่ว่าแมลงวันจักไม่ ไต่ตอม จักไม่กัดตนที่ทำให้มักใหญ่ใฝ่สูง ชุ่มเพราะกลิ่นดิบนั้นแล ไม่เป็นฐานะที่จะมีได้
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ครั้งนั้นแล ภิกษุนั้นอันเราสอนด้วยโอวาทนี้ ได้ถึงความ สลดใจแล้ว เมื่อพระผู้มีพระภาค ตรัสดังนี้ ภิกษุรูปหนึ่งได้ทูลถามว่า ข้าแต่พระองค์ ผู้เจริญ ความมักใหญ่ใฝ่สูงคืออะไร กลิ่นดิบคืออะไร แมลงวันคืออะไร พระผู้มีพระภาค ตรัสตอบว่า
ดูกรภิกษุ
ความมักใหญ่ใฝ่สูง คือ อภิชฌา
กลิ่นดิบ คือ พยาบาท
แมลงวัน คือ วิตกที่เป็นบาปเป็นอกุศล
ดูกรภิกษุ ข้อที่ว่า
แมลงวันจักไม่ไต่ตอม จักไม่กัดตนที่ทำให้มักใหญ่ใฝ่สูง ชุ่มเพราะกลิ่นดิบนั้นแล ไม่เป็นฐานะที่จะมีได้ แมลงวันคือความดำริที่อิง ราคะ จักตอม บุคคลผู้ไม่คุ้ม ครองในจักษุและโสต ไม่สำรวม ในอินทรีย์ทั้งหลาย
ภิกษุผู้ทำตนให้ เป็นคนมักใหญ่ใฝ่สูง ชุ่มเพราะกลิ่นดิบ ย่อมอยู่ห่างไกลจาก นิพพาน เป็นผู้มีส่วนแห่ง ความคับแค้นถ่าย เดียว คนพาลสันดานเขลา ถูกแมลงวัน ทั้งหลาย ไต่ตอม ไม่ได้เพื่อน ที่เสมอตน พึงเที่ยวไปในบ้านบ้าง ในป่าบ้าง ส่วนชนพวก ที่สมบูรณ์ ด้วยศีล ยินดีในธรรม เป็นที่เข้าไปสงบด้วยปัญญา เป็นผู้สงบระงับ อยู่เป็นสุข แมลงวันไม่อาศัยเขา
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๐ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๓๑๘-๓๑๙
ปฏิจฉันนสูตร
ว่าด้วยสิ่งที่ปิดดี เปิดไม่ดี
[๕๗๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย สิ่ง ๓ อย่างนี้ ปิดบังไว้จึงเจริญ เปิดเผยไม่เจริญ ๓ อย่างเป็นไฉน คือ
๑.
มาตุคาม ปิดบังเอาไว้จึงจะงดงาม เปิดเผยไม่งดงาม
๒.
มนต์ของพราหมณ์ ปิดบังเข้าไว้จึงรุ่งเรือง เปิดเผยไม่รุ่งเรือง
๓.
มิจฉาทิฐิ ปิดบังไว้จึงเจริญ เปิดเผยไม่เจริญ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย สิ่ง ๓ อย่างนี้แล ปิดบังไว้จึงเจริญ เปิดเผยไม่เจริญ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย สิ่ง ๓ อย่างนี้เปิดเผยจึงรุ่งเรือง ปิดบังไม่รุ่งเรือง ๓ อย่างเป็นไฉน คือ
๑.
ดวงจันทร์ เปิดเผยจึงรุ่งเรือง ปิดบังไม่รุ่งเรือง
๒.
ดวงอาทิตย์ เปิดเผยจึงรุ่งเรือง ปิดบังไม่รุ่งเรือง
๓. ธรรมวินัย ที่พระตถาคตประกาศไว้แล้ว เปิดเผยจึงรุ่งเรือง ปิดบังไม่รุ่งเรือง
ดูกรภิกษุทั้งหลาย สิ่ง ๓ อย่างนี้แล เปิดเผยจึงรุ่งเรือง ปิดบังไม่รุ่งเรือง
|