พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๐ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๓๐๕
กัมมันตสูตร
ความวิบัติแห่งการงาน
[๕๕๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย วิบัติ ๓ อย่าง นี้ ๓ อย่างเป็นไฉน คือ
๑.
กัมมันตวิบัติ การงานวิบัติ
๒.
อาชีววิบัติ อาชีพวิบัติ
๓.
ทิฏฐิวิบัติ ความเห็นวิบัติ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็กัมมันตวิบัติเป็นไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้ฆ่าสัตว์ ฯลฯ พูดเพ้อเจ้อ ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่า กัมมันตวิบัติ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อาชีววิบัติเป็นไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นคนมีอาชีพ ผิดสำเร็จการเลี้ยงชีพด้วยมิจฉาอาชีวะ ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่า อาชีววิบัติ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ทิฏฐิวิบัติเป็นไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นคน มิจฉาทิฐิ มีความเห็นวิปริตว่า ทานที่ให้แล้วไม่มีผล ยัญที่บูชาแล้วไม่มีผล ฯลฯ ซึ่งทำให้โลกนี้ และ โลกหน้าให้แจ้งชัดด้วยปัญญาอันยิ่งเองแล้ว สอนหมู่สัตว์ให้รู้ตาม ไม่มีในโลก ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่า ทิฏฐิวิบัติ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย วิบัติ ๓อย่างนี้แล
ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัมปทา ๓ อย่างนี้ ๓ อย่างเป็นไฉน คือกัมมันตสัมปทา ความถึงพร้อมแห่งการงาน ๑ อาชีวสัมปทา ความถึงพร้อมแห่งอาชีพ ๑ทิฏฐิสัมปทา ความถึงพร้อมแห่งทิฏฐิ ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็กัมมันตสัมปทาเป็นไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้ เว้นขาดจากการฆ่าสัตว์ ฯลฯ เว้นขาดจากคำเพ้อเจ้อ ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่า กัมมันตสัมปทา ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อาชีวสัมปทาเป็นไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นคนมีอาชีพชอบ สำเร็จการเลี้ยงชีพด้วยสัมมาอาชีวะ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่า อาชีวสัมปทา ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ทิฏฐิสัมปทา เป็นไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นคนสัมมาทิฐิมีความเห็นไม่วิปริตว่า ทานที่ให้แล้ว มีผล ยัญที่บูชาแล้วมีผล ฯลฯ ซึ่งทำให้โลกนี้และโลกหน้าให้แจ้งชัด ด้วยปัญญา อันยิ่งเองแล้ว สอนหมู่สัตว์ให้รู้ตาม มีอยู่ในโลก ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่า ทิฏฐิสัมปทา
ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัมปทา ๓ อย่างนี้แล
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๐ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๓๐๖
โสเจยยสูตรที่ ๑
ว่าด้วยความสะอาด
[๕๖๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความสะอาด ๓ อย่าง นี้ ๓ อย่างเป็นไฉนคือ
๑. กายโสเจยย ความสะอาดกาย
๒.
วจีโสเจยย ความสะอาดวาจา
๓.
มโนโสเจยย ความสะอาดใจ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็กายโสเจยยเป็นไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้ เว้นขาดจากการฆ่าสัตว์ เว้นขาดจากการลักทรัพย์ เว้นขาดจากการประพฤติผิดในกาม ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่ากายโสเจยย
ดูกรภิกษุทั้งหลาย วจีโสเจยยเป็นไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้ เว้นขาดจาก การ พูดเท็จเว้นขาดจากคำส่อเสียด เว้นขาดจาก คำหยาบ เว้นขาดจากคำเพ้อเจ้อ ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่า วจีโสเจยย
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็มโนโสเจยยเป็นไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้ไม่ มาก ด้วยความอยากได้ มีจิตไม่พยาบาท เป็นสัมมาทิฐิ ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่า มโนโสเจยย
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความสะอาด ๓ อย่างนี้แล
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๐ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๓๐๖-๓๐๗
โสเจยยสูตรที่ ๒
ว่าด้วยความสะอาด
[๕๖๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความสะอาด ๓ อย่าง นี้ ๓ อย่างเป็นไฉนคือ
๑.
กายโสเจยย
๒.
วจีโสเจยย
๓.
มโนโสเจยย
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็กายโสเจยยเป็นไฉน ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เว้นขาดจาก การ ฆ่าสัตว์ เว้นขาดจากการลักทรัพย์ เว้นขาดจากกรรม อันเป็นข้าศึกแก่พรหมจรรย์ ดูกรภิกษุทั้งหลายนี้เรียกว่า กายโสเจยย
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็วจีโสเจยยเป็นไฉน ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เว้นขาดจากการ พูดเท็จ เว้นขาดจากคำส่อเสียด เว้นขาดจากคำหยาบเว้นขาดจากคำเพ้อเจ้อ ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่า วจีโสเจยย
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็มโนโสเจยยเป็นไฉน ภิกษุในธรรมวินัยนี้
กามฉันทะ มีในภายใน ก็รู้ว่า กามฉันทะ ของเรามีในภายใน หรือ
กามฉันทะไม่มีในภายใน ก็รู้ว่า กามฉันทะ ของเราไม่มีในภายใน
ย่อมรู้ชัดซึ่งอาการเป็นเหตุเกิดขึ้นแห่งกามฉันทะ ที่ยังไม่เกิดขึ้นรู้ชัดซึ่ง อาการ เป็นเหตุ ละกามฉันทะ ที่เกิดขึ้นแล้ว และรู้ชัดซึ่งอาการ เป็นเหตุไม่เกิดขึ้นได้ ต่อไปแห่ง กามฉันทะ ที่ละได้แล้ว
พยาบาท มีในภายใน ก็รู้ว่า พยาบาทของเรามีในภายใน หรือ
พยาบาทไม่มีในภายใน ก็รู้ว่า พยาบาทของเราไม่มีในภายใน
ย่อมรู้ชัดซึ่ง อาการเป็นเหตุเกิดขึ้นแห่งพยาบาทที่ยังไม่เกิดขึ้น รู้ชัดอาการเป็นเหตุละพยาบาท ที่เกิดขึ้นแล้ว และรู้ชัดซึ่งอาการเป็นเหตุไม่เกิดขึ้นต่อไป แห่งพยาบาทที่ละได้แล้ว
ถีนมิทธะ มีในภายใน ก็รู้ว่า ถีนมิทธะของเรามีในภายใน หรือ
ถีนมิทธะไม่มีในภายใน ก็รู้ว่า ถีนมิทธะของเราไม่มีในภายใน
ย่อมรู้ชัดซึ่งอาการเป็นเหตุเกิดขึ้นแห่งถีนมิทธะ ที่ยังไม่เกิดขึ้น รู้ชัดซึ่งอาการ เป็นเหตุละถีนมิทธะที่เกิดขึ้นแล้ว และรู้ชัดซึ่งอาการเป็นเหตุไม่เกิดขึ้นต่อไป แห่ง ถีนมิทธะ ที่ละได้แล้ว
อุทธัจจกุกกุจจะ มีอยู่ในภายใน ก็รู้ว่าอุทธัจจกุกกุจจะของเรามีอยู่ในภายใน
หรืออุทธัจจกุกกุจจะ ไม่มีอยู่ในภายใน ก็รู้ว่า อุทธัจจกุกกุจจะของเราไม่มีในภายใน
ย่อมรู้ชัดซึ่งอาการเป็นเหตุเกิดขึ้นแห่งอุทธัจจกุกกุจจะ ที่ยังไม่เกิดขึ้นรู้ชัด ซึ่ง อาการ เป็นเหตุละอุทธัจจกุกกุจจะ ที่เกิดขึ้นแล้ว และรู้ชัดซึ่งอาการเป็นเหตุไม่เกิดขึ้น ต่อไป แห่งอุทธัจจกุกกุจจะที่ละได้แล้ว
วิจิกิจฉามีอยู่ในภายใน ก็รู้ว่าวิจิกิจฉาของเรามีอยู่ในภายใน หรือ
วิจิกิจฉาไม่มีในภายใน ก็รู้ว่า วิจิกิจฉาของเราไม่มีในภายใน
ย่อมรู้ชัดซึ่งอาการเป็นเหตุเกิดขึ้น แห่งวิจิกิจฉา ที่ยังไม่เกิดขึ้น รู้ชัดซึ่งอาการ เป็นเหตุละวิจิกิจฉา ที่เกิดขึ้นแล้ว และรู้ชัดซึ่งอาการเป็นเหตุไม่เกิดขึ้นต่อไป แห่ง วิจิกิจฉาที่ละได้แล้ว ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่า มโนโสเจยย
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความสะอาด ๓ อย่างนี้แล
ผู้ที่มีกายสะอาด มีวาจาสะอาด มีใจสะอาด ไม่มีอาสวะ เป็นผู้สะอาด ถึงพร้อมด้วยความสะอาด บัณฑิตทั้งหลาย กล่าวว่า เป็นผู้ล้างบาปเสียแล้ว
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๐ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๓๐๗-๓๐๘
โมเนยยสูตร
ว่าด้วยความเป็นมุนี
[๕๖๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความเป็นมุนี ๓ อย่างนี้ ๓ อย่างเป็นไฉนคือ
๑.
ความเป็นมุนีทางกาย
๒.
ความเป็นมุนีทางวาจา
๓.
ความเป็นมุนีทางใจ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ความเป็นมุนีทางกายเป็นไฉน ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เว้นขาด จากการฆ่าสัตว์ เว้นขาดจากการลักทรัพย์ เว้นขาดจากกรรมอันเป็นข้าศึกแก่พรหมจรรย์
ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่า ความเป็นมุนีทางกาย
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ความ เป็นมุนีทางวาจาเป็นไฉน ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เว้นขาดจากการพูดเท็จ เว้นขาดจากคำ ส่อเสียด เว้นขาดจากคำหยาบ เว้นขาดจาก คำเพ้อเจ้อ ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่า ความเป็นมุนีทางวาจา
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ความเป็นมุนีทางใจเป็นไฉน ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ทำให้แจ้ง ชัดซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันหาอาสวะมิได้ เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไป ด้วยปัญญา อันยิ่งเองในปัจจุบัน เข้าถึงอยู่ ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่า ความเป็นมุนีทางใจ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความเป็น มุนี ๓ อย่างนี้แล ผู้ที่เป็นมุนีทางกาย เป็นมุนีทาง วาจา เป็นมุนีทางใจ ไม่มี อาสวะ เป็นมุนี สมบูรณ์ด้วยความเป็นมุนี บัณฑิตทั้งหลาย กล่าวว่า เป็นผู้ละเสียได้ทุกอย่าง
|