พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๐ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๘๗-๒๘๙
สมุคคสูตร
ว่าด้วยนิมิต
[๕๔๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบอธิจิต พึงกำหนดไว้ในใจ ซึ่งนิมิต ๓ ตลอดกาลตามกาล คือ
๑.พึงกำหนดไว้ในใจซึ่ง สมาธินิมิต
๒.พึงกำหนดไว้ในใจซึ่ง ปัคคาหนิมิต
๓.พึงกำหนดไว้ในใจซึ่ง อุเบกขานิมิต
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าภิกษุผู้ประกอบอธิจิต พึงกำหนดไว้ในใจเฉพาะแต่ สมาธินิมิต โดยส่วนเดียวเท่านั้น พึงเป็นเหตุเครื่องให้จิตเป็นไปเพื่อความเกียจคร้าน ถ้าภิกษุผู้ประกอบอธิจิต พึงกำหนดไว้ในใจเฉพาะแต่ปัคคาหนิมิต โดยส่วนเดียวเท่านั้น พึงเป็นเหตุเครื่องให้จิต เป็นไปเพื่อความฟุ้งซ่าน ถ้าภิกษุผู้ประกอบอธิจิต พึงกำหนดไว้ ในใจ เฉพาะแต่อุเบกขานิมิตโดยส่วนเดียว พึงเป็นเหตุเครื่องให้จิตไม่ตั้งมั่น เพื่อความสิ้นอาสวะโดยชอบ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อใด ภิกษุผู้ประกอบอธิจิต กำหนดไว้ในใจซึ่งสมาธินิมิต ตลอดกาลตามกาล กำหนดไว้ในใจซึ่งปัคคาหนิมิต ตลอดกาลตามกาล กำหนดไว้ในใจ ซึ่งอุเบกขานิมิตตลอดกาลตามกาล เมื่อนั้น จิตนั้นย่อมอ่อน ควรแก่การงาน ผุดผ่อง และไม่เสียหายแน่วแน่เป็นอย่างดี เพื่อความสิ้นอาสวะ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนช่างทอง หรือลูกมือช่างทองตระเตรียมเบ้า แล้วติดไฟ แล้วเอาคีมคีบทองใส่ลงที่ปากเบ้าแล้วสูบเสมอๆ เอาน้ำพรมเสมอๆ เพ่งดู เสมอๆ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าช่างทอง หรือลูกมือช่างทอง พึงสูบทองนั้นแต่อย่างเดียว พึงเป็นเหตุให้ทองนั้นไหม้ ถ้าช่างทองหรือลูกมือช่างทอง พึงเอาน้ำพรมแต่อย่างเดียว พึงเป็นเหตุให้ทองนั้นเย็น ถ้าช่างทองหรือลูกมือช่างทอง พึงเพ่งดูทองนั้น แต่อย่าง เดียว พึงเป็นเหตุให้ทองนั้นสุกไม่ทั่วถึง
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อใดช่างทองหรือลูกมือช่างทอง สูบทองนั้นเสมอๆ เอาน้ำพรมเสมอๆ เพ่งดูเสมอๆ เมื่อนั้น ทองนั้นย่อมเป็นของอ่อน ควรแก่การงาน ผุดผ่อง และไม่แตกง่าย เข้าถึงเพื่อการทำโดยชอบ และช่างทองหรือลูกมือช่างทอง มุ่งประสงค์สำหรับเครื่องประดับชนิดใดๆ คือ แผ่นทอง ต่างหู เครื่องประดับคอ หรือดอกไม้ทองก็ดี ย่อมสำเร็จสมความประสงค์ของเขาทั้งนั้น แม้ฉันใด ฉันนั้น เหมือนกันแล
ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบอธิจิต
พึงกำหนดไว้ในใจซึ่งนิมิต ๓ ตลอดกาลตามกาล คือ พึงกำหนดไว้ในใจซึ่งสมาธินิมิต ๑ พึงกำหนดไว้ในใจซึ่ง ปัคคาหนิมิต ๑ พึงกำหนดไว้ในใจซึ่งอุเบกขานิมิต ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ถ้าภิกษุผู้ประกอบอธิจิต พึงกำหนดไว้ในใจเฉพาะแต่ สมาธินิมิต โดยส่วนเดียว พึงเป็นเหตุเครื่องให้จิต เป็นไปเพื่อความเกียจคร้าน
ถ้าภิกษุผู้ประกอบอธิจิต พึงกำหนดไว้ในใจเฉพาะแต่ ปัคคาหนิมิต โดยส่วนเดียว พึงเป็นเหตุเครื่องให้จิต เป็นไปเพื่อความฟุ้งซ่าน
ถ้าภิกษุผู้ประกอบอธิจิต พึงกำหนดไว้ในใจเฉพาะแต่ อุเบกขานิมิต โดยส่วนเดียว พึงเป็นเหตุเครื่องให้จิต ไม่ตั้งมั่นโดยชอบเพื่อความสิ้นอาสวะ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อใด ภิกษุผู้ประกอบอธิจิต
กำหนดไว้ในใจซึ่ง สมาธินิมิต ตลอดกาลตามกาล
กำหนดไว้ในใจซึ่ง ปัคคาหนิมิต ตลอดกาลตามกาล
กำหนดไว้ในใจซึ่ง อุเบกขานิมิต ตลอดกาลตามกาล
เมื่อนั้น จิตนั้นย่อมอ่อน ควรแก่การงาน ผุดผ่อง และไม่เสียหาย ย่อมตั้งมั่น โดยชอบ เพื่อความสิ้นอาสวะ และภิกษุนั้น ย่อมโน้มน้อมจิตไปเพื่อทำให้แจ้ง ด้วย ปัญญาอันยิ่งเองซึ่งธรรม ที่ควรทำให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งเองใดๆ
เธอย่อมสมควรเป็นพยานในธรรมนั้นๆ ในเมื่อเหตุมีอยู่เป็นอยู่ ถ้าภิกษุนั้น พึงหวังว่า เราพึงแสดงฤทธิ์หลายประการ ฯลฯ พึงทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันหาอาสวะมิได้ เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไป ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง ในปัจจุบัน เข้าถึงอยู่ เธอย่อมสมควรเป็นพยานในธรรมนั้นๆ ในเมื่อเหตุมีอยู่เป็นอยู่
|