พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๐ สุตตันตปิฎก หน้าที่
๔๙๑-๔๙๒
พราหมณวรรคที่ ๑
ชนสูตรที่ ๑
ว่าด้วยที่พึ่งในภายหน้า
[๔๙๑] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวันอารามของท่าน อนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ครั้งนั้นแล พราหมณ์๒ คน เป็นคนชรา แก่เฒ่า ล่วงกาลผ่านวัยมาโดยลำดับ มีอายุได้ ๑๒๐ ปีแต่กำเนิด ได้ชวนกันไปเฝ้าพระผู้มี พระภาค ถึงที่ประทับ ได้ปราศรัยกับพระผู้มีพระภาค ครั้นผ่านการปราศรัยพอให้ระลึก ถึงกันไปแล้ว จึงนั่ง ณที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
ครั้นแล้วได้กราบทูลว่า ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ พวกข้าพระองค์เป็นพราหมณ์ ชรา แก่เฒ่า ล่วงกาลผ่านวัยมาโดยลำดับ มีอายุได้ ๑๒๐ ปีแต่กำเนิดแต่มิได้สร้าง ความดีมิได้ทำกุศล มิได้ทำกรรมอันเป็นที่ต้านทานความขลาดไว้ ขอพระโคดมผู้เจริญ ทรงโอวาทสั่งสอนพวกข้าพระองค์ ถึงข้อที่จะพึงเป็นไปเพื่อประโยชน์ และความสุข แก่พวกข้าพระองค์สิ้นกาลนานเถิดพระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ดูกรพราหมณ์ ที่แท้ พวกท่านเป็นคนชรา แก่เฒ่า ล่วงกาลผ่านวัยมาโดยลำดับ มีอายุได้ ๑๒๐ ปีแต่กำเนิด แต่มิได้สร้างความดี มิได้ทำกุศล มิได้ทำกรรมอันเป็นที่ ต้านทาน ความขลาดไว้
ดูกรพราหมณ์ โลกนี้ถูกชรา พยาธิ มรณะ นำเข้าไปอยู่แล เมื่อโลกถูกชรา พยาธิ มรณะ นำเข้าไปอยู่เช่นนี้ ความสำรวมทางกาย ความสำรวมทางวาจา ความ สำรวมทางใจในโลกนี้ ย่อมเป็นที่ต้านทานเป็นที่เร้น เป็นเกาะ เป็นที่พึ่ง เป็นที่ยึดหน่วง ของเขาผู้ละไปแล้ว
ชีวิตถูกชรานำเข้าไปใกล้ความมีอายุสั้น ผู้ที่ถูกชรานำเข้าไปใกล้แล้วย่อมไม่มี ที่ต้านทาน เมื่อบุคคลเล็งเห็นภัยในความตายนี้ ควรทำบุญทั้งหลายอันนำความสุขมาให้ ความสำรวมทางกาย ทางวาจา และทางใจในโลกนี้ ย่อม เป็นไปเพื่อความสุขแก่ผู้ที่ละ โลกนี้ไปแล้ว ผู้ซึ่งสร้างสมบุญไว้แต่เมื่อยังมีชีวิตอยู่
------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๐ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๔๙๑-๔๙๒
ชนสูตรที่ ๒
ว่าด้วยพราหมณ์แก่ ๒ คน
[๔๙๒] ครั้งนั้นแล พราหมณ์ ๒ คน เป็นคนชรา แก่เฒ่า ล่วงกาลผ่านวัยมา โดยลำดับ มีอายุได้ ๑๒๐ ปีแต่กำเนิด ได้ชวนกันเข้ามาเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งครั้นแล้วได้กราบทูลว่า
ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ พวกข้าพระองค์เป็นพราหมณ์ชราแก่เฒ่า ล่วงกาล ผ่านวัยมาโดยลำดับ มีอายุได้ ๑๒๐ ปีแต่กำเนิด แต่มิได้สร้างความดีมิได้ทำกุศล มิได้ทำกรรมอันเป็นที่ต้านทานความขลาดไว้ ขอพระโคดมผู้เจริญทรงโอวาทสั่งสอน ถึงข้อที่จะพึงเป็นไปเพื่อประโยชน์ และความสุขแก่พวกข้าพระองค์ สิ้นกาลนานเถิด พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ดูกรพราหมณ์ พวกท่านเป็นคนชรา แก่เฒ่า ล่วงกาลผ่านวัยมาโดยลำดับ มีอายุได้ ๑๒๐ ปีแต่กำเนิดแต่มิได้สร้างความดี มิได้ทำกุศล มิได้ทำกรรมอันเป็นที่ ต้านทาน ความขลาดไว้ดูกรพราหมณ์ โลกนี้ถูกชรา พยาธิ มรณะแผดเผาแล้ว
ดูกรพราหมณ์ เมื่อโลกถูกชรา พยาธิ มรณะแผดเผาแล้วเช่นนี้ ความสำรวม ทางกาย ความสำรวมทาง วาจา ความสำรวมทางใจในโลกนี้ ย่อมเป็นที่ต้านทาน เป็นที่เร้นเป็นเกาะ เป็นที่พึ่ง และเป็นที่ยึดหน่วงแก่เขาผู้ละไปแล้ว
เมื่อเรือนถูกไฟไหม้ สิ่งของที่นำออกได้ ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์แก่เขา สิ่งของ ที่ถูกไหม้อยู่ในเรือนนั้น หาเป็นไปเพื่อประโยชน์แก่เขาไม่ฉันใด เมื่อโลกถูกชรา และมรณะแผดเผาแล้ว ฉันนั้นเหมือนกัน บุคคลควรนำเอาออกมา ด้วยการให้ทาน สิ่งที่ให้ไปแล้ว ย่อมเป็นอันบุคคลนำออกมาดีแล้ว ความสำรวมทางกาย ทางวาจา และ ทางใจในโลกนี้ ย่อมเป็นไปเพื่อความสุขแก่ผู้ที่ละโลกนี้ไป ผู้ซึ่งได้สร้างสมบุญไว้ แต่เมื่อยังมีชีวิตอยู่
|