พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๐ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๔๘๐-๔๙๐
สัมมุขีสูตร
[๔๘๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะเป็นผู้มีธรรม ๓ ประการ กุลบุตรผู้มีศรัทธา จึงประสบบุญเป็นอันมาก
ธรรม ๓ ประการเป็นไฉน คือ
๑. ศรัทธา
๒.ไทยธรรม
๓. ทักขิไณยบุคคล
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะเป็นผู้มี ธรรม ๓ ประการนี้ กุลบุตรผู้มีศรัทธา จึงประสบบุญเป็นอันมาก
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๐ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๔๘๐-๔๙๐
----------------------------------------------------------------------------------------------
ฐานสูตร
[๔๘๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย พึงทราบบุคคลมีศรัทธาเลื่อมใสโดย
ฐานะ ๓ ประการ ๓ ประการเป็นไฉน คือ
๑. เป็นผู้ใคร่ที่จะเห็นท่านผู้มีศีล
๒. เป็นผู้ใคร่ที่จะฟังธรรม
๓. มีใจปราศจากความตระหนี่อันเป็นมลทิน มีจาคะอันสละแล้วมีฝ่ามือชุ่ม ยินดีในการ สละ ควรแก่การขอ ยินดีในทานและการแจกจ่ายทาน อยู่ครองเรือน
ดูกรภิกษุทั้งหลาย พึงทราบว่าคนมีศรัทธาเลื่อมใสโดยฐานะ ๓ ประการนี้แล
บุคคลผู้ใคร่จะเห็นท่านผู้มีศีล ปรารถนาจะฟังพระสัทธรรม ปราบปรามความ ตระหนี่ อันเป็นมลทินนั้นแล เรียกว่าผู้มีศรัทธา
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๐ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๔๘๐-๔๙๐
----------------------------------------------------------------------------------------------
ปัจจยวัตตสูตร
[๔๘๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ผู้ที่พิจารณาเห็นอำนาจประโยชน์ ๓ ประการ ควรอย่างยิ่งที่จะแสดงธรรมแก่คนอื่นๆ
อำนาจประโยชน์ ๓ ประการเป็นไฉน คือ
๑. ผู้แสดงธรรมรู้แจ้งอรรถด้วย รู้แจ้งธรรมด้วย
๒. ผู้ฟังธรรมรู้แจ้งอรรถด้วย รู้แจ้งธรรมด้วย
๓. ผู้แสดงธรรมและผู้ที่ฟังธรรมทั้งสองฝ่าย รู้แจ้งอรรถด้วย รู้แจ้งธรรมด้วย
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ผู้ที่พิจารณาเห็นอำนาจประโยชน์ ๓ ประการนี้แล ควรอย่างยิ่งที่จะแสดงธรรมแก่คนอื่นๆ
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๐ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๔๘๐-๔๙๐
----------------------------------------------------------------------------------------------
ปเรสสูตร
[๔๘๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะเหตุ ๓ ประการ การเจรจาธรรมเป็นไปได้ ด้วยดี
เหตุ ๓ ประการเป็นไฉน คือ
๑. ผู้แสดงธรรมรู้แจ้งอรรถด้วย รู้แจ้งธรรมด้วย
๒. ผู้ฟังธรรมรู้แจ้งอรรถด้วย รู้แจ้งธรรมด้วย
๓. ผู้แสดงธรรมและผู้ ฟังธรรมทั้งสองฝ่าย รู้แจ้งอรรถด้วยรู้แจ้งธรรมด้วย
ดูกรภิกษุทั้งหลายเพราะ เหตุ ๓ ประการนี้แล เรื่องราวจึงเป็นไปได้
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๐ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๔๘๐-๔๙๐
----------------------------------------------------------------------------------------------
ปัณฑิตสูตร
[๔๘๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๓ ประการนี้ บัณฑิตได้บัญญัติไว้ สัตบุรุษได้
บัญญัติไว้
ธรรม ๓ ประการเป็นไฉน คือ
๑. ทาน
๒. บรรพชา
๓. มาตาปิตุอุปัฏฐาน
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๓ ประการนี้แล บัณฑิตบัญญัติไว้ สัตบุรุษบัญญัติไว้
ทาน การไม่เบียดเบียน ความสำรวม การฝึกตน การบำรุงมารดาและบิดา สัตบุรุษบัญญัติไว้ เหตุที่บัณฑิตเสพ เป็นเหตุของสัตบุรุษผู้เป็นคนดี เป็นพรหมจารีบุคคล ผู้ที่เป็นอริยสมบูรณ์ด้วยทัศนะ ย่อมคบโลกอันเกษม
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๐ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๔๘๐-๔๙๐
----------------------------------------------------------------------------------------------
ศีลสูตร
[๔๘๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย บรรพชิตผู้มีศีล เข้าไปอาศัยบ้านหรือนิคมใดอยู่ มนุษย์ในบ้านหรือนิคมนั้น ย่อมประสบบุญเป็นอันมากด้วยเหตุ ๓ ประการ ๓ ประการเป็นไฉน คือ กาย ๑ วาจา ๑ ใจ ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลายบรรพชิตผู้มีศีล เข้าไปอาศัยบ้านหรือนิคมใดอยู่ มนุษย์ในบ้าน หรือนิคมนั้น ย่อมประสบบุญเป็นอันมากด้วยเหตุ ๓ ประการนี้แล
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๐ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๔๘๐-๔๙๐
----------------------------------------------------------------------------------------------
สังขตสูตร
[๔๘๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย
สังขตลักษณะของสังขตธรรม ๓ ประการ ๓ ประการเป็นไฉน คือ
๑. ความเกิดขึ้นปรากฏ
๒. ความเสื่อมปรากฏ
๓. เมื่อตั้งอยู่ความแปรปรวนปรากฏ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย สังขตลักษณะของสังขตธรรม ๓ ประการนี้แล
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๐ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๔๘๐-๔๙๐
----------------------------------------------------------------------------------------------
อสังขตสูตร
[๔๘๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อสังขตลักษณะ ของอสังขตธรรม ๓ประการนี้ ๓ ประการเป็นไฉน คือ
๑.ไม่ปรากฏความเกิด
๒.ไม่ปรากฏความเสื่อม
๓.เมื่อตั้งอยู่ไม่ปรากฏความแปรปรวน
ดูกรภิกษุทั้งหลาย อสังขตลักษณะของอสังขตธรรม ๓ ประการนี้แล
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๐ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๔๘๐-๔๙๐
----------------------------------------------------------------------------------------------
ปัพพตสูตร
[๔๘๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ไม้แก่นขนาดใหญ่ๆ อาศัยขุนเขาหิมวันต์ ย่อมงอกงามด้วย ความเจริญ ๓ ประการ ๓ ประการเป็นไฉน คือ
๑. เจริญด้วยกิ่ง ใบแก่ และใบอ่อน
๒. เจริญด้วยเปลือก และกะเทาะ
๓. เจริญด้วยกะพี้และแก่น
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ไม้แก่นขนาดใหญ่ๆ อาศัยขุนเขาหิมวันต์ย่อมงอกงาม ด้วยความเจริญ ๓ ประการนี้ ฉันใด
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกัน คนภายในอาศัยพ่อบ้านแม่เรือนผู้มีศรัทธา ย่อมเจริญด้วย ธรรมอันเป็นเหตุเจริญ ๓ ประการ ๓ ประการเป็นไฉน คือ ๑.เจริญด้วยศรัทธา
๒.เจริญด้วยศีล
๓.เจริญด้วยปัญญา
ดูกรภิกษุทั้งหลาย คนภายในอาศัยพ่อบ้านแม่เรือนผู้มีศรัทธา ย่อมเจริญด้วย ธรรมเป็นเหตุเจริญ ๓ ประการนี้แล
ภูเขาศิลามีอยู่ในป่าใหญ่ หมู่ไม้ได้อาศัยภูเขานั้น เจริญงอกงามเติบโต อยู่ในป่า ฉันใด บรรดาบุตรภรรยา เผ่าพันธุ์อำมาตย์ หมู่ญาติและเหล่าชนผู้พึ่งพำนัก เลี้ยงชีพ ต่างอาศัยพ่อบ้านแม่เรือนผู้มีศรัทธา ถึงพร้อมด้วยศีล เจริญอยู่ฉันนั้น ผู้ที่มีปัญญาเป็นเครื่องพิจารณาเห็นศีลจาคะและสุจริต ของพ่อบ้านแม่เรือนผู้มีศีลนั้นเข้า ต่างก็พากันทำตามบุคคลประพฤติธรรม คือ ทางที่ยังสัตว์ให้ไปสุคติไว้ในโลกนี้แล้ว ย่อมเป็นผู้เพลิดเพลิน สมประสงค์ที่น่าใคร่บันเทิงอยู่ในเทวโลก
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๐ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๔๘๐-๔๙๐
----------------------------------------------------------------------------------------------
อาตัปปสูตร
[๔๘๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลควรทำความเพียร เครื่องเผากิเลส ด้วยเหตุ ๓ ประการ ๓ ประการเป็นไฉน คือ
๑. เพื่อความไม่เกิดขึ้นแห่งธรรม ที่เป็นบาปอกุศล ซึ่งยังไม่เกิด
๒. เพื่อความเกิดขึ้นแห่งธรรม ที่เป็นกุศลซึ่งยังไม่เกิด
๓. เพื่ออดกลั้นทุกขเวทนา อันมีในสรีระซึ่งเกิดขึ้นแล้ว กล้า แข็ง เผ็ดร้อน ไม่น่ายินดี ไม่น่าชอบใจ อาจนำเอาชีวิตไป
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะว่าภิกษุทำความเพียรเครื่องเผากิเลส เพื่อความไม่ เกิดขึ้นแห่งธรรมที่เป็นบาปอกุศล ซึ่งยังไม่เกิดเพื่อความเกิดขึ้นแห่งธรรม ที่เป็นกุศลซึ่ง ยังไม่เกิด เพื่ออดกลั้นทุกขเวทนา อันมีในสรีระซึ่งเกิดขึ้นแล้ว กล้า แข็ง เผ็ดร้อน ไม่น่า ยินดี ไม่น่าชอบใจ อาจนำเอาชีวิตไป
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุนี้เราเรียกว่า มีความเพียรเครื่องเผากิเลส มีปัญญา เครื่องรักษาตน มีสติเพื่อทำที่สุดแห่งทุกข์โดยชอบ ฯ
|