เว็บไซต์ อนาคามี เผยแพร่คำพระศาสดา เผยแพร่คำสอนตถาคต เว็บไซต์เผยแพร่พระสุตรคำสอนของพระพุทธเจ้า คลิปคำสอน คลิปสาธยายธรรม
ค้นหาคำที่ต้องการ            

สวิฏฐสูตร บุคคล ๓ จำพวกนี้มีปรากฏอยู่ในโลก กายสักขีบุคคล ทิฏฐิปัตตบุคคล สัทธาวิมุตตบุคคล 2138
 

พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๐

ปุคคลวรรคที่ ๓
สวิฏฐสูตร

บุคคล ๓ จำพวกนี้มีปรากฏอยู่ในโลก
๑.กายสักขีบุคคล (จิตของผู้ที่สัมผัสวิมุตต เข้าถึงสมาธิด้วยนามกาย)
๒.ทิฏฐิปัตตบุคคล (ผู้บรรลุถึงสัมมาทิฐิแล้ว คือตั้งแต่โสดาบันขึ้นไป)
๓.สัทธาวิมุตตบุคคล (ถึงวิมุตติ หรือหลุดพ้นด้วยสัทธา)

การที่จะพยากรณ์ว่า ใครเป็นผู้งามกว่าและประณีตกว่า ไม่ใช่จะทำได้โดยง่ายเลย เพราะ
บุคคลผู้ ทิฏฐิปัตตะ เป็นผู้ปฏิบัติเพื่อความเป็น พระอรหันต์
บุคคลผู้ สัทธาวิมุตต เป็นพระสกทาคามี หรือพระอนาคามี
และแม้บุคคล ผู้กายสักขี ก็พึงเป็นพระสกทาคามี หรือพระอนาคามี
(บุคคลผู้สัทธาวิมุตต และกายสักขี ก็ปฏิบัติตนเพื่อเป็นพระอรหันต์เช่นกัน)

 

ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๓ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๗๙ (คลิก)

บุคคล ๗ จำพวกมีปรากฎในโลก
๑.อุภโตภาควิมุต บุคคล (ถึงนิพพาน หรือการหลุดพ้น)
๒.ปัญญาวิมุต บุคคล (ถึงวิมมุตติด้วยปัญญา)
๓.กายสักขี บุคคล (จิตของผู้ที่สัมผัสวิมุตต เข้าถึงสมาธิด้วยนามกาย)
๔.ทิฏฐิปัตต บุคคล (ผู้บรรลุถึงสัมมาทิฐิแล้ว คือตั้งแต่โสดาบันขึ้นไป)
๕.สัทธาวิมุต บุคคล (ถึงวิมุตติ หรือหลุดพ้นด้วยสัทธา)
๖.ธัมมานุสารี บุคคล (ผู้แล่นไปตามธรรม เพ่งพินิจในธรรมทั้งหลายด้วยปัญญา)
๗.สัทธานุสารี บุคคล (ผู้แล่นไปตามสัทธา ตั้งมั่นในความสัทธาต่อพระศาสดา)

เรื่องสำคัญของพระพุทธเจ้า
การบำเพ็ญบารมีในอดีตชาติ
การประสูติ แสงสว่าง แผ่นดินไหว
แสวงหาสัจจะบำเพ็ญทุกรกิริยา
ปัญจวัคคีย์หลีก สิ่งที่ตรัสรู้
ตรัสรู้ แสดงเทศนาปัญจวัคคีย์
ปลงสังขาร ปรินิพพาน
ลำดับขั้นการปรินิพพาน
เทวดาแสดงฤทธิ์ขณะถวายเพลิง
แบ่งพระสรีระออกเป็น ๘ ส่วน
 
รวมพระสูตรบุคคลสำคัญ
พระโมคคัลลานะ
พระสารีบุตร
พระเทวทัต
นิครนถ์ปริพาชก
พระมหากัปปินะ
พระอนุรุทธะ
พระอุบาลี
(ดูทั้งหมด)
 
สารบาญพระไตรปิฎก
เล่มที่ ๘-๓๓ (๒๕ เล่ม) ทุกพระสูตร
1. ฉบับหลวง
2. ฉบับมหาจุฬาฯ
3. อรรถกถาไทย
4. ฉบับภาษาบาลี
5. อรรถกถา-บาลี
6. Pali Roman (Roman Script)
7. Atthakatha PaliRoman
 

 


 


พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๐ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๓๕-๑๓๗

ปุคคลวรรคที่ ๓
สวิฏฐสูตร

         [๔๖๐] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อารามของท่าน อนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ครั้งนั้นแล ท่านพระสวิฏฐะ กับ ท่านพระมหา โกฏฐิตะ ได้พากันไปหา ท่านพระสารีบุตร จนถึงที่อยู่ได้ปราศรัยกับ ท่านพระสารีบุตร

         ครั้นผ่านการปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว จึงนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้ว ท่านพระสารีบุตรได้กล่าวกะท่านพระสวิฏฐะว่า

         ดูกรอาวุโสสวิฏฐะ บุคคล ๓ จำพวกนี้มีปรากฏอยู่ในโลก
๓ จำพวกเป็นไฉน คือ
๑.กายสักขีบุคคล
๒.ทิฏฐิปัตตบุคคล
๓.สัทธาวิมุตตบุคคล
         ดูกรท่านผู้มีอายุ บุคคล ๓ จำพวกนี้แล มีปรากฏอยู่ในโลก บรรดาบุคคล ๓ จำพวก นี้ ท่านชอบใจบุคคลจำพวกไหน ซึ่งเป็นผู้งามกว่า และ ประณีตกว่า

         ท่านพระสวิฏฐะ
ได้ตอบว่า ข้าแต่ท่านพระสารีบุตร บุคคล ๓ จำพวกนี้มี ปรากฏ อยู่ในโลก ๓ จำพวกเป็นไฉน คือ กายสักขีบุคคล ๑ ทิฏฐิปัตตบุคคล ๑ สัทธาวิมุตต บุคคล ๑ ข้าแต่ท่านผู้มีอายุ บุคคล ๓ จำพวกนี้แลมีปรากฏอยู่ในโลก บรรดาบุคคล ๓ จำพวกนี้ กระผมชอบใจบุคคลผู้สัทธาวิมุตต ซึ่งเป็นผู้งามกว่าและประณีตกว่า ข้อนั้น เพราะเหตุอะไร เพราะสัทธินทรีย์ของบุคคลนี้ มีประมาณยิ่ง

         ลำดับนั้นแล
ท่านพระสารีบุตร ได้ถามท่านพระมหาโกฏฐิตะว่า ดูกรอาวุโส โกฏฐิตะ บุคคล ๓ จำพวกนี้มีปรากฏอยู่ในโลก ๓ จำพวกเป็นไฉน คือ กายสักขีบุคคล ๑ทิฏฐิปัตตบุคคล ๑ สัทธาวิมุตตบุคคล ๑

         ดูกรท่านผู้มีอายุ บุคคล ๓ จำพวกนี้แลมีปรากฏอยู่ในโลก บรรดาบุคคล ๓ จำพวกนี้ ท่านชอบใจบุคคลจำพวกไหน ซึ่งเป็นผู้งามกว่าและประณีตกว่า ท่านพระมหาโกฏฐิตะ ได้ตอบว่า

         ข้าแต่ท่านพระสารีบุตร บุคคล ๓ จำพวกนี้มีปรากฏอยู่ในโลก ๓ จำพวกเป็นไฉน คือ กายสักขีบุคคล ๑ ทิฏฐิปัตตบุคคล ๑ สัทธาวิมุตตบุคคล ๑ บุคคล ๓ จำพวกนี้แล มีปรากฏอยู่ในโลก

         (ท่านพระมหาโกฏฐิตะได้ตอบว่า) บรรดาบุคคล ๓ จำพวกนี้ กระผมชอบใจ บุคคลกายสักขี ซึ่งเป็นผู้งามกว่า และประณีตกว่า ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะ สมาธินทรีย์ ของบุคคลนี้มีประมาณยิ่ง

         ลำดับนั้นแล ท่าน
พระมหาโกฏฐิตะ ได้ถามท่านพระสารีบุตร บ้างว่า ข้าแต่ท่าน พระสารีบุตร บุคคล ๓ จำพวกนี้มีปรากฏอยู่ในโลก ๓ จำพวกเป็นไฉน คือ กายสักขีบุคคล ๑ ทิฏฐิปัตตบุคคล ๑ สัทธาวิมุตตบุคคล ๑ บุคคล ๓ จำพวกนี้แล มีปรากฏอยู่ในโลก บรรดาบุคคล ๓ จำพวกนี้ ท่านชอบใจบุคคลจำพวกไหน ซึ่งเป็นผู้ง ามกว่า และประณีตกว่า ท่านพระสารีบุตรได้ตอบว่า

         ดูกรท่านโกฏฐิตะ บุคคล ๓ จำพวกนี้มีปรากฏอยู่ในโลก ๓ จำพวกเป็นไฉน คือกายสักขีบุคคล ๑ ทิฏฐิปัตตบุคคล ๑ สัทธาวิมุตตบุคคล ๑ บุคคล ๓ จำพวกนี้แล มีปรากฏอยู่ในโลก

         (พระสารีบุตรตอบว่า) บรรดาบุคคล ๓ จำพวกนี้ ผมชอบใจบุคคลผู้ทิฏฐิปัตตะ ซึ่งเป็นผู้งามกว่าและประณีตกว่า ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะปัญญินทรีย์ของบุคคลนี้ มีประมาณยิ่ง

         ครั้งนั้นแล ท่านพระสารีบุตรได้กล่าวกะท่านพระสวิฏฐะ และท่านพระมหาโกฏฐิตะ ว่า ดูกรอาวุโส เราทั้งหมดด้วยกัน ต่างได้พยากรณ์ตามปฏิภาณของตน มาไปด้วยกันเถอะ เราจักเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค ถึงที่ประทับแล้ว กราบทูลข้อความนี้ พระผู้มีพระภาค จักทรงพยากรณ์แก่เราอย่างไร เราจักทรงจำพระพุทธพยากรณ์ นั้นไว้อย่างนั้น ท่านพระสวิฏฐะกับท่านพระมหาโกฏฐิตะ ได้รับคำท่านพระสารีบุตรแล้ว

         ลำดับนั้นแล ท่านพระสารีบุตร ท่านพระสวิฏฐะ และท่านพระมหาโกฏฐิตะ ได้พากันเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วท่านพระสารีบุตร ได้กราบทูลการเจรจาปราศรัยกับท่าน พระสวิฏฐะ และท่านมหาโกฏฐิตะทั้งหมดแด่พระผู้มีพระภาค

         พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า

         ดูกรสารีบุตร การที่จะพยากรณ์ในข้อนี้โดยส่วนเดียวว่า บรรดาบุคคล ๓ จำพวกนี้ บุคคลนี้เป็นผู้งามกว่าและประณีตกว่า ดังนี้ ไม่ใช่จะทำได้โดยง่ายเลย เพราะข้อนี้ เป็นฐานะ ที่จะมีได้ คือบุคคลผู้สัทธาวิมุตตนี้ เป็นผู้ปฏิบัติเพื่อความเป็นพระอรหันต์
บุคคลผู้เป็นกายสักขี ผู้เป็นทิฏฐิปัตตะ ก็พึงเป็นพระสกทาคามี หรือพระอนาคามี

         ดูกรสารีบุตร การที่จะพยากรณ์ในข้อนี้โดยส่วนเดียวว่า บรรดาบุคคล ๓ จำพวกนี้ บุคคลนี้เป็นผู้งามกว่าและประณีตกว่า ดังนี้ ไม่ใช่จะทำได้โดยง่ายเลย

         เพราะข้อนี้เป็นฐานะที่จะมีได้ คือ
บุคคลผู้ ทิฏฐิปัตตะ เป็นผู้ปฏิบัติเพื่อความเป็น พระอรหันต์
บุคคลผู้ สัทธาวิมุตต เป็นพระสกทาคามี หรือพระอนาคามี
และแม้บุคคล ผู้กายสักขี ก็พึงเป็นพระสกทาคามี หรือพระอนาคามี
(บุคคลผู้สัทธาวิมุตต และกายสักขี ก็ปฏิบัติตนเพื่อเป็นพระอรหันต์เช่นกัน)

         ดูกรสารีบุตร การที่จะพยากรณ์ในข้อนี้โดยส่วนเดียวว่า บรรดาบุคคล ๓ จำพวกนี้ บุคคลนี้เป็นผู้งามกว่า และประณีตกว่า ไม่ใช่จะทำได้โดยง่ายเลย ฯ

 


 





หนังสือพุทธวจน ธรรมะของพระศาสดา
90 90 90 90
พุทธประวัติ ขุมทรัพย์ อริยสัจ
ภาคต้น
อริยสัจ
ภาคปลาย
ปฏิจจ ปฐมธรรม ตถาคต อนาคามี อินทรีย์
สังวร
สัตว์
สัตตานัง
ทาน
สกทาคามี
ฆราวาส
ชั้นเลิศ
มรรควิธี
ที่ง่าย
อริยวินัย เดรัจฉานวิชา กรรม สมถะ
วิปัสสนา
โสดาบัน นา
ปานสติ
จิต มโน
วิญญาณ
ก้าวย่าง
อย่างพุทธะ
ตามรอย
ธรรม
ภพ ภูมิ
พุทธวจน
สาธยาย
ธรรม
สังโยชน์