พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๐ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๓๕-๑๓๗
ปุคคลวรรคที่ ๓
สวิฏฐสูตร
[๔๖๐] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อารามของท่าน อนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ครั้งนั้นแล ท่านพระสวิฏฐะ กับ ท่านพระมหา โกฏฐิตะ ได้พากันไปหา ท่านพระสารีบุตร จนถึงที่อยู่ได้ปราศรัยกับ ท่านพระสารีบุตร
ครั้นผ่านการปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว จึงนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้ว ท่านพระสารีบุตรได้กล่าวกะท่านพระสวิฏฐะว่า
ดูกรอาวุโสสวิฏฐะ บุคคล ๓ จำพวกนี้มีปรากฏอยู่ในโลก
๓ จำพวกเป็นไฉน คือ
๑.กายสักขีบุคคล
๒.ทิฏฐิปัตตบุคคล
๓.สัทธาวิมุตตบุคคล
ดูกรท่านผู้มีอายุ บุคคล ๓ จำพวกนี้แล มีปรากฏอยู่ในโลก บรรดาบุคคล ๓ จำพวก นี้ ท่านชอบใจบุคคลจำพวกไหน ซึ่งเป็นผู้งามกว่า และ ประณีตกว่า
ท่านพระสวิฏฐะ ได้ตอบว่า ข้าแต่ท่านพระสารีบุตร บุคคล ๓ จำพวกนี้มี ปรากฏ อยู่ในโลก ๓ จำพวกเป็นไฉน คือ กายสักขีบุคคล ๑ ทิฏฐิปัตตบุคคล ๑ สัทธาวิมุตต บุคคล ๑ ข้าแต่ท่านผู้มีอายุ บุคคล ๓ จำพวกนี้แลมีปรากฏอยู่ในโลก บรรดาบุคคล ๓ จำพวกนี้ กระผมชอบใจบุคคลผู้สัทธาวิมุตต ซึ่งเป็นผู้งามกว่าและประณีตกว่า ข้อนั้น เพราะเหตุอะไร เพราะสัทธินทรีย์ของบุคคลนี้ มีประมาณยิ่ง
ลำดับนั้นแล ท่านพระสารีบุตร ได้ถามท่านพระมหาโกฏฐิตะว่า ดูกรอาวุโส โกฏฐิตะ บุคคล ๓ จำพวกนี้มีปรากฏอยู่ในโลก ๓ จำพวกเป็นไฉน คือ กายสักขีบุคคล ๑ทิฏฐิปัตตบุคคล ๑ สัทธาวิมุตตบุคคล ๑
ดูกรท่านผู้มีอายุ บุคคล ๓ จำพวกนี้แลมีปรากฏอยู่ในโลก บรรดาบุคคล ๓ จำพวกนี้ ท่านชอบใจบุคคลจำพวกไหน ซึ่งเป็นผู้งามกว่าและประณีตกว่า ท่านพระมหาโกฏฐิตะ ได้ตอบว่า
ข้าแต่ท่านพระสารีบุตร บุคคล ๓ จำพวกนี้มีปรากฏอยู่ในโลก ๓ จำพวกเป็นไฉน คือ กายสักขีบุคคล ๑ ทิฏฐิปัตตบุคคล ๑ สัทธาวิมุตตบุคคล ๑ บุคคล ๓ จำพวกนี้แล มีปรากฏอยู่ในโลก
(ท่านพระมหาโกฏฐิตะได้ตอบว่า) บรรดาบุคคล ๓ จำพวกนี้ กระผมชอบใจ บุคคลกายสักขี ซึ่งเป็นผู้งามกว่า และประณีตกว่า ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะ สมาธินทรีย์ ของบุคคลนี้มีประมาณยิ่ง
ลำดับนั้นแล ท่านพระมหาโกฏฐิตะ ได้ถามท่านพระสารีบุตร บ้างว่า ข้าแต่ท่าน พระสารีบุตร บุคคล ๓ จำพวกนี้มีปรากฏอยู่ในโลก ๓ จำพวกเป็นไฉน คือ กายสักขีบุคคล ๑ ทิฏฐิปัตตบุคคล ๑ สัทธาวิมุตตบุคคล ๑ บุคคล ๓ จำพวกนี้แล มีปรากฏอยู่ในโลก บรรดาบุคคล ๓ จำพวกนี้ ท่านชอบใจบุคคลจำพวกไหน ซึ่งเป็นผู้ง ามกว่า และประณีตกว่า ท่านพระสารีบุตรได้ตอบว่า
ดูกรท่านโกฏฐิตะ บุคคล ๓ จำพวกนี้มีปรากฏอยู่ในโลก ๓ จำพวกเป็นไฉน คือกายสักขีบุคคล ๑ ทิฏฐิปัตตบุคคล ๑ สัทธาวิมุตตบุคคล ๑ บุคคล ๓ จำพวกนี้แล มีปรากฏอยู่ในโลก
(พระสารีบุตรตอบว่า)
บรรดาบุคคล ๓ จำพวกนี้ ผมชอบใจบุคคลผู้ทิฏฐิปัตตะ ซึ่งเป็นผู้งามกว่าและประณีตกว่า ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะปัญญินทรีย์ของบุคคลนี้ มีประมาณยิ่ง
ครั้งนั้นแล ท่านพระสารีบุตรได้กล่าวกะท่านพระสวิฏฐะ และท่านพระมหาโกฏฐิตะ ว่า ดูกรอาวุโส เราทั้งหมดด้วยกัน ต่างได้พยากรณ์ตามปฏิภาณของตน มาไปด้วยกันเถอะ เราจักเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค ถึงที่ประทับแล้ว กราบทูลข้อความนี้ พระผู้มีพระภาค จักทรงพยากรณ์แก่เราอย่างไร เราจักทรงจำพระพุทธพยากรณ์ นั้นไว้อย่างนั้น ท่านพระสวิฏฐะกับท่านพระมหาโกฏฐิตะ ได้รับคำท่านพระสารีบุตรแล้ว
ลำดับนั้นแล ท่านพระสารีบุตร ท่านพระสวิฏฐะ และท่านพระมหาโกฏฐิตะ ได้พากันเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วท่านพระสารีบุตร ได้กราบทูลการเจรจาปราศรัยกับท่าน พระสวิฏฐะ และท่านมหาโกฏฐิตะทั้งหมดแด่พระผู้มีพระภาค
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า
ดูกรสารีบุตร การที่จะพยากรณ์ในข้อนี้โดยส่วนเดียวว่า บรรดาบุคคล ๓ จำพวกนี้ บุคคลนี้เป็นผู้งามกว่าและประณีตกว่า ดังนี้ ไม่ใช่จะทำได้โดยง่ายเลย เพราะข้อนี้ เป็นฐานะ ที่จะมีได้ คือบุคคลผู้สัทธาวิมุตตนี้ เป็นผู้ปฏิบัติเพื่อความเป็นพระอรหันต์
บุคคลผู้เป็นกายสักขี ผู้เป็นทิฏฐิปัตตะ ก็พึงเป็นพระสกทาคามี หรือพระอนาคามี
ดูกรสารีบุตร การที่จะพยากรณ์ในข้อนี้โดยส่วนเดียวว่า บรรดาบุคคล ๓ จำพวกนี้ บุคคลนี้เป็นผู้งามกว่าและประณีตกว่า ดังนี้ ไม่ใช่จะทำได้โดยง่ายเลย
เพราะข้อนี้เป็นฐานะที่จะมีได้ คือ
บุคคลผู้ ทิฏฐิปัตตะ เป็นผู้ปฏิบัติเพื่อความเป็น พระอรหันต์
บุคคลผู้ สัทธาวิมุตต เป็นพระสกทาคามี หรือพระอนาคามี
และแม้บุคคล ผู้กายสักขี ก็พึงเป็นพระสกทาคามี หรือพระอนาคามี
(บุคคลผู้สัทธาวิมุตต และกายสักขี ก็ปฏิบัติตนเพื่อเป็นพระอรหันต์เช่นกัน)
ดูกรสารีบุตร การที่จะพยากรณ์ในข้อนี้โดยส่วนเดียวว่า บรรดาบุคคล ๓ จำพวกนี้ บุคคลนี้เป็นผู้งามกว่า และประณีตกว่า ไม่ใช่จะทำได้โดยง่ายเลย ฯ
|