เว็บไซต์ อนาคามี เผยแพร่คำพระศาสดา เผยแพร่คำสอนตถาคต เว็บไซต์เผยแพร่พระสุตรคำสอนของพระพุทธเจ้า คลิปคำสอน คลิปสาธยายธรรม
ค้นหาคำที่ต้องการ            

ทูตสูตร เทวทูต ๓ จำพวก เทวทูตที่ ๑ คือความแก่ชรา เทวทูตที่ ๒ คือความเจ็บไข้ เทวทูตที่ ๓ คือความตาย 2146
 

พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๐

ทูตสูตร

เทวทูต ๓ จำพวก

เทวทูตที่ ๑ (ความแก่ความชรา)
ท่านไม่ได้พบเทวทูตที่หนึ่ง ในหมู่มนุษย์หรือ เขาได้ตอบว่า ไม่พบพระเจ้าข้า
สตรีหรือบุรุษมีอายุได้ ๘๐ ปี ๙๐ ปี หรือ ๑๐๐ ปี เป็นคนชรา ท่านไม่ได้พบบ้างหรือ..
ได้พบพระเจ้าข้า ..ท่านเป็นผู้ใหญ่ ไม่คิดบ้างหรือว่าแม้เราก็จักต้องมีความแก่เป็นธรรมดา ไม่พ้นความแก่ ไปได้ เขาตอบว่า ไม่อาจที่จะคิดเห็นได้ เช่นนั้น เพราะมัวประมาทเสีย

เทวทูตที่ ๒ (ความเจ็บไข้)
ท่านไม่ได้พบ เทวทูตที่สอง ในหมู่มนุษย์บ้างหรือ เขาได้ตอบว่า ไม่พบพระเจ้าข้า
สตรีหรือบุรุษที่ป่วยเป็นไข้หนักคนอื่นต้องช่วยพยุง ท่านไม่ได้พบในพวกมนุษย์บ้างหรือ...
ได้พบพระเจ้าข้า ท่านเป็นผู้ใหญ่ ไม่ได้คิดบ้างหรือว่า แม้ตัวเราก็จักต้องป่วยไข้ ไม่ล่วงพ้นความ ป่วยไข้ไปได้ เขาตอบว่า ไม่อาจที่จะคิดเห็นได้ เช่นนั้น เพราะมัวประมาทเสีย

เทวทูตที่ ๓ (ความตาย)
ท่านไม่ได้พบ เทวทูตที่สาม ในพวกมนุษย์บ้างหรือ เขาตอบว่า ไม่พบ พระเจ้าข้า
ดูกรพ่อ สตรีหรือบุรุษที่ตายไป ท่านไม่ได้พบ ในพวกมนุษย์บ้างหรือ ...
ได้พบพระเจ้าข้า ท่านเป็นผู้ใหญ่ ไม่ได้คิดเห็นเช่นนี้บ้างหรือว่า แม้เรา ก็จะต้องมีความตายเป็น ธรรมดา เขาตอบว่า ไม่อาจที่จะคิดเห็นได้เช่นนั้น เพราะมัวประมาทเสีย

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็มหานรกนั้น มี ๔ มุม ๔ ประตู จัดแบ่งออกเป็นห้องๆ มีกำแพง เหล็ก ล้อมรอบ ครอบด้วยฝาเหล็กแดง มีพื้นแล้วด้วยเหล็ก ไฟลุกโชน ประกอบ ด้วยเปลว แผ่ไปไกล ร้อยโยชน์ (1,600 กม.)โดยรอบ ตั้งอยู่ทุกเมื่อ

เรื่องสำคัญของพระพุทธเจ้า
การบำเพ็ญบารมีในอดีตชาติ
การประสูติ แสงสว่าง แผ่นดินไหว
แสวงหาสัจจะบำเพ็ญทุกรกิริยา
ปัญจวัคคีย์หลีก สิ่งที่ตรัสรู้
ตรัสรู้ แสดงเทศนาปัญจวัคคีย์
ปลงสังขาร ปรินิพพาน
ลำดับขั้นการปรินิพพาน
เทวดาแสดงฤทธิ์ขณะถวายเพลิง
แบ่งพระสรีระออกเป็น ๘ ส่วน
 
รวมพระสูตรบุคคลสำคัญ
พระโมคคัลลานะ
พระสารีบุตร
พระเทวทัต
นิครนถ์ปริพาชก
พระมหากัปปินะ
พระอนุรุทธะ
พระอุบาลี
(ดูทั้งหมด)
 
สารบาญพระไตรปิฎก
เล่มที่ ๘-๓๓ (๒๕ เล่ม) ทุกพระสูตร
1. ฉบับหลวง
2. ฉบับมหาจุฬาฯ
3. อรรถกถาไทย
4. ฉบับภาษาบาลี
5. อรรถกถา-บาลี
6. Pali Roman (Roman Script)
7. Atthakatha PaliRoman
 

 


 


พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๐ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๕๖-๑๖๐

ทูตสูตร

             [๔๗๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เทวทูต ๓ จำพวกนี้ ๓ จำพวกเป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลบางคนในโลกนี้ ประพฤติทุจริตทางกายประพฤติทุจริต ทางวาจา ประพฤติทุจริตทางใจ เมื่อแตกกายตายไป ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก เขาย่อมถูก นาย นิรยบาล ฉุดแขน ไปแสดงต่อพระยายมว่า ขอเดชะ ชายผู้นี้เป็น คนไม่เกื้อกูลแก่มารดา ไม่เกื้อกูลแก่บิดา ไม่เกื้อกูลแก่สมณะ ไม่เกื้อกูลแก่พราหมณ์ ไม่อ่อนน้อมต่อผู้หลักผู้ใหญ่ ในสกุล ขอพระองค์จงลงอาชญาแก่ชายผู้นี้เถิด เขาย่อม ถูกพระยายม สอบสวนซักไซ้ไล่เลียงถึงเทวทูตที่หนึ่งว่า

             ดูกรพ่อ ท่านไม่ได้พบเทวทูตที่หนึ่ง ซึ่งปรากฏในหมู่มนุษย์หรือ เขาได้ตอบว่า ไม่พบ พระเจ้าข้า พระยายมจึงได้ถามเขาต่อไปว่า

             ดูกรพ่อ สตรีหรือบุรุษมีอายุได้ ๘๐ ปี ๙๐ ปี หรือ ๑๐๐ ปีก็ดี อันเป็นคนชรา มีโครงคด เหมือนกลอน หลังโกง ถือไม้เท้า เดินงกๆ เงิ่นๆ ผ่านความเป็นหนุ่มสาวแล้ว ฟันหักผมหงอก ศีรษะล้าน หนังเหี่ยว ตัวตกกระ ท่านไม่ได้พบในพวกมนุษย์บ้าง หรือ ชาย นั้นได้ตอบว่า ได้พบ พระเจ้าข้า พระยายมจึงถามต่อไปว่า

             ดูกรพ่อ ท่านซึ่งเป็นผู้รู้เดียงสา เป็นผู้ใหญ่ไม่ได้คิดเห็นเช่นนี้บ้างหรือว่า แม้เรา ก็จัก ต้องมีความแก่เป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความแก่ไปได้ ผิฉะนั้น เราจักทำความดีทาง กาย วาจา ใจ ชายนั้นตอบว่า ไม่อาจที่จะคิดเห็นได้เช่นนั้น เพราะมัวประมาทเสีย พระยายม ได้พูด กะเขาเช่นนี้ว่า

             ดูกรพ่อ ท่านไม่ทำความดีทาง กาย วาจา ใจ เพราะมัวประมาทเสีย ดีละพ่อ ท่านจัก ถูกทำ จนสาสมกับที่ท่านประมาท ก็กรรมชั่วนี้นั้น มารดามิได้ทำให้ บิดามิได้ ทำให้ พี่ชาย น้องชาย มิได้ทำให้ พี่สาวน้องสาวมิได้ทำให้ มิตรอำมาตย์มิได้ทำให้ ญาติสาโลหิตมิได้ทำให้ เทพยดามิได้ทำให้ สมณพราหมณ์มิได้ทำให้ ท่านทำของ ท่านเอง ท่านนั่นแหละจักเสวย วิบากของกรรมชั่วนั้นเอง

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย พระยายมครั้นสอบสวน ซักไซ้ไล่เลียง ถึงเทวทูตที่หนึ่ง กะผู้นั้น แล้ว จึงสอบสวนซักไซ้ไล่เลียง ถึงเทวทูตที่สองต่อไปว่า

             ดูกรพ่อ ท่านไม่ได้พบ เทวทูตที่สอง ซึ่งปรากฏในหมู่มนุษย์บ้างหรือ เขาได้ตอบว่า ไม่พบพระเจ้าข้า พระยายม จึงได้ถามต่อไปว่า

             ดูกรพ่อ สตรีหรือบุรุษที่ป่วย ได้ทุกข์เป็นไข้หนัก นอนจมอยู่ในมูตรคูถของตน อันคนอื่น ต้องช่วยพยุงลุก ช่วยป้อนอาหาร ท่านไม่ได้พบในพวกมนุษย์บ้างดอกหรือ ชายนั้นได้ตอบว่า ได้พบพระเจ้าข้า พระยายมจึงถามต่อไปว่า

             ดูกรพ่อ ท่านนั้นซึ่งเป็นผู้รู้เดียงสา เป็นผู้ใหญ่ ไม่ได้คิดเห็นเช่นนี้บ้างหรือว่า แม้ตัวเรา ก็จักต้องป่วยไข้เป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความป่วยไข้ไปได้ ผิฉะนั้น เราจักทำ ความดีทางกาย วาจา ใจ เขาตอบว่า ไม่อาจที่จะคิดเห็นได้เช่นนั้น เพราะมัวประมาทเสีย พระยายมได้พูดกะเขาเช่นนี้ว่า

             ดูกรพ่อ ท่านไม่ทำความดีทางกาย วาจา ใจ เพราะมัวประมาทเสียดีละพ่อ ท่านจักถูกทำจนสาสมกับ ที่ท่านประมาท ก็บาปกรรมนี้นั้น มารดามิได้ทำให้ บิดามิได้ ทำให้พี่ชายน้องชายมิได้ ทำให้ พี่สาวน้องสาวมิได้ทำให้ มิตรอำมาตย์มิได้ทำให้ ญาติสาโลหิตมิได้ ทำให้เทพยดามิได้ ทำให้ สมณพราหมณ์มิได้ ทำให้ ท่านทำของท่าน เอง ท่านนั่นแหละ จักเสวย วิบากกรรมชั่วนั้นเอง

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย พระยายม ครั้นสอบสวนซักไซ้ไล่เลียงถึงเทวทูต ที่สอง กะบุคคลนั้นแล้ว จึงสอบสวนซักไซ้ไล่เลียง ถึงเทวทูตที่สามต่อไปว่า

             ดูกรพ่อ ท่านไม่ได้พบเทวทูตที่สาม ซึ่งปรากฏในพวกมนุษย์บ้างหรือ เขาตอบว่า ไม่พบ พระเจ้าข้าพระยายม จึงถามต่อไปว่า ดูกรพ่อ สตรีหรือบุรุษที่ตาย ได้วันหนึ่ง สองวัน หรือสามวันก็ดี ขึ้นพองเป็นสีเขียว ชุ่มด้วยน้ำเหลือง ท่านไม่ได้พบ ในพวกมนุษย์บ้างหรือ ชายนั้นได้ตอบว่า ได้พบ พระเจ้าข้า พระยายมจึงถามต่อไปว่า

             ดูกรพ่อ ท่านนั้นซึ่งเป็นผู้รู้เดียงสา เป็นผู้ใหญ่ ไม่ได้คิดเห็นเช่นนี้บ้างหรือว่า แม้เรา ก็จะต้องมีความตายเป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความตายไปได้ ผิฉะนั้น เราจักทำ ความดี ทางกาย วาจา ใจ เขาตอบว่า ไม่อาจที่จะคิดเห็นได้เช่นนั้น เพราะมัวประมาท เสีย พระยายมได้พูด กะเขา เช่นนี้ว่า

             ดูกรพ่อ ท่านไม่ทำความดีทางกาย วาจา ใจ เพราะมัวประมาทเสีย ดีละพ่อ ท่านจัก ถูกทำจนสาสมกับ ที่ท่านประมาท อันบาปกรรมนี้นั้น มารดามิได้ทำให้ บิดามิได้ ทำให้ พี่ชาย น้องชายมิได้ ทำให้ พี่สาวน้องสาวมิได้ ทำให้ มิตรอำมาตย์มิได้ ทำให้ ญาติสาโลหิตมิได้ ทำให้เทพยดามิได้ทำให้ สมณพราหมณ์มิได้ทำให้ ท่านทำของ ท่านเอง ท่านนั่นแหละจักเสวย วิบากกรรมชั่วนั้นเอง

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย พระยายมครั้นสอบสวน ซักไซ้ไล่เลียง ถึงเทวทูต ที่สาม กะ บุคคลนั้น ดังนี้แล้ว ก็นิ่งเสีย

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย ผู้นั้นถูกนายนิรยบาลทั้งหลาย ทำกรรมกรณ์ อันมีเครื่องผูก ๕ อย่าง คือ เอาตาปูเหล็กแดงตอก ที่มือ ที่เท้าที่ท่ามกลางอก เขาได้เสวยทุกขเวทนา อันกล้า แสบเผ็ดร้อน แต่ก็ยังไม่ตายตราบเท่าที่บาปกรรมนั้น ยังไม่สิ้นเขาถูกนาย นิรยบาล ทั้งหลาย เอาผึ่งถาก เขาได้เสวยทุกขเวทนาอันกล้าแสบเผ็ดร้อน แต่ก็ยัง ไม่ตาย ตราบเท่าที่กรรมนั้น ยังไม่สิ้น

             เขาถูกนายนิรยบาลจับเอาเท้าขึ้น เอาหัวลงแล้วเอามีดเฉือน เขาถูกนาย นิรยบาล ยกขึ้นใส่ในรถ แล้วพาแล่นไปมา บนภูมิภาค อันไฟติดแดงลุกโชน ... เขาถูก นายนิรยบาล ไล่ต้อนให้ขึ้นบนภูเขาถ่านเพลิงลูกใหญ่ ซึ่งไฟติดแดง ลุกโชนบ้าง ไล่ต้อน ให้ลงจากภูเขา ถ่านเพลิง ลูกใหญ่ ซึ่งไฟติดแดงลุกโชนบ้าง

             เขาถูกนายนิรยบาลทั้งหลายจับเอาเท้าขึ้นเอาหัวลง แล้วโยนลงในหม้อเหล็ก แดง ไฟติดลุกโชน เขาถูกไฟไหม้ เดือด เป็นฟองน้ำอยู่ในหม้อเหล็กแดงนั้น เมื่อเขา ถูกไฟไหม้ เดือดเป็นฟองน้ำ อยู่ในหม้อเหล็กแดงนั้น ลอยขึ้นข้างบนครั้งหนึ่งบ้าง จมลงภายใต้ ครั้งหนึ่ง บ้าง ไปตามขวางครั้งหนึ่งบ้าง เขาได้เสวยทุกขเวทนาอันกล้า แสบเผ็ดร้อน อยู่ในหม้อเหล็ก แดงนั้น แต่ยังไม่ตายตราบเท่าที่บาปกรรมนั้น ยังไม่สิ้น

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็มหานรกนั้น มี ๔ มุม ๔ ประตู จัดแบ่งออกเป็นห้องๆ มีกำแพง เหล็ก ล้อมรอบ ครอบด้วยฝาเหล็กแดง มีพื้นแล้วด้วยเหล็ก ไฟลุกโชน ประกอบ ด้วยเปลว แผ่ไปไกลร้อยโยชน์โดยรอบ ตั้งอยู่ทุกเมื่อ ฯ

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรื่องเคยมีมาแล้ว พระยายมได้มีความคิดว่า ดูกรท่านผู้เจริญ ได้ทราบว่าผู้ใดกระทำบาปกรรม ไว้ในโลก ผู้นั้นต้องถูกนายนิรยบาล ทำกรรมกรณ์ต่างๆ เห็นปานนี้ โอหนอ เราพึงได้ความเป็นมนุษย์ พระตถาคตอรหันต สัมมาสัมพุทธเจ้า พึงเสด็จ อุบัติขึ้นในโลก ขอให้เราได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค พระองค์นั้น ขอให้พระผู้มีพระภาค พระองค์นั้นพึงทรงแสดงธรรม และขอให้เราพึงรู้ ทั่วถึงธรรมของพระผู้มีพระภาค พระองค์นั้น เถิด

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็เรามิได้ฟังข้อความนั้นต่อสมณะ หรือพราหมณ์อื่น แล้วจึงกล่าว อย่างนี้ แต่ว่าเราได้รู้มาเอง เห็นมาเอง ทราบมาเอง จึงได้กล่าวดังนั้น ฯ

             มาณพเหล่าใดอันเทวทูตทั้งหลาย ตักเตือนแล้ว ยังมัวเมา ประมาท มาณพ เหล่านั้น เป็นคนเข้าถึงหมู่ที่เลวทราม ย่อมเศร้าโศกตลอดกาลนาน ส่วนสัตบุรุษผู้สงบ ระงับ ในโลก นี้ อันเทวทูตตักเตือนแล้ว ย่อมไม่มัวเมาประมาทในอริย ธรรมในกาลไหนๆ เห็นภัยในความถือมั่น อันเป็นแดนเกิด แห่งชาติและมรณะ ย่อมหลุดพ้นในธรรม เป็นที่ สิ้นชาติและ มรณะ เพราะไม่ ถือมั่น สัตบุรุษเหล่านั้นเป็นผู้ถึงความเกษม มีความสุข ดับสนิทในปัจจุบัน ล่วงพ้นเวรและภัย ทั้งปวง ข้ามพ้นทุกข์ทั้งสิ้น

 


 





หนังสือพุทธวจน ธรรมะของพระศาสดา
90 90 90 90
พุทธประวัติ ขุมทรัพย์ อริยสัจ
ภาคต้น
อริยสัจ
ภาคปลาย
ปฏิจจ ปฐมธรรม ตถาคต อนาคามี อินทรีย์
สังวร
สัตว์
สัตตานัง
ทาน
สกทาคามี
ฆราวาส
ชั้นเลิศ
มรรควิธี
ที่ง่าย
อริยวินัย เดรัจฉานวิชา กรรม สมถะ
วิปัสสนา
โสดาบัน นา
ปานสติ
จิต มโน
วิญญาณ
ก้าวย่าง
อย่างพุทธะ
ตามรอย
ธรรม
ภพ ภูมิ
พุทธวจน
สาธยาย
ธรรม
สังโยชน์