พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๓๓-๒๓๕
วาเสฏฐสูตร (เรื่องอุโบสถ ๘ ประการ)
อุบาสกชื่อว่าวาเสฏฐะ
[๑๓๔] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ กูฏาคารศาลา ป่ามหาวัน ใกล้พระนครเวสาลี ครั้งนั้นแล วาเสฏฐอุบาสกเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคมแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า ดูกรวาเสฏฐะ อุโบสถอันประกอบด้วยองค์ ๘ ประการบุคคลเข้าอยู่แล้ว ย่อมมีผลมาก มีอานิสงส์มาก มีความรุ่งเรืองมาก มีความแพร่หลายมาก ฯลฯ ไม่มีใครติเตียน ย่อมเข้าถึงสวรรค์
เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว วาเสฏฐะอุบาสกได้กราบทูลพระผู้มี พระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ญาติสาโลหิตผู้เป็นที่รักของข้าพระองค์พึงเข้าอยู่ อุโบสถ อันประกอบด้วยองค์ ๘ ประการ การเข้าอยู่อุโบสถอันประกอบด้วยองค์ ๘ ประการนั้น พึงเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุขตลอดกาลนาน แม้แก่ญาติ และสาโลหิตผู้เป็นที่รักของข้าพระองค์
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญถ้าแม้กษัตริย์ ทั้งปวงพึงเข้าอยู่อุโบสถ อันประกอบด้วย องค์ ๘ ประการ การเข้าอยู่อุโบสถอันประกอบด้วยองค์ ๘ ประการนั้น พึงเป็นไปเพื่อ ประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุขตลอดกาลนาน แม้แก่กษัตริย์ทั้งปวง ข้าแต่พระองค์ ผู้เจริญ ถ้าแม้พราหมณ์ทั้งปวง ฯลฯ แพศย์ทั้งปวง ฯลฯ ศูทรทั้งปวง พึงเข้าอยู่อุโบสถ อันประกอบด้วยองค์ ๘ ประการ การเข้าอยู่อุโบสถอันประกอบด้วยองค์๘ ประการนั้น พึงเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุขตลอดกาล แม้แก่ศูทรทั้งปวง
พ. ดูกรวาเสฏฐะ ถ้าแม้กษัตริย์ทั้งปวงพึงเข้าอยู่อุโบสถอันประกอบด้วยองค์ ๘ ประการ การเข้าอยู่อุโบสถอันประกอบด้วยองค์ ๘ ประการ พึงเป็นไปเพื่อประโยชน์ เกื้อกูล เพื่อความสุข ตลอดกาล แม้แก่กษัตริย์ทั้งปวงถ้าแม้พราหมณ์ทั้งปวง ฯลฯ แพศย์ทั้งปวง ฯลฯ ศูทรทั้งปวง พึงเข้าอยู่อุโบสถอันประกอบด้วยองค์ ๘ ประการ การเข้าอยู่อุโบสถอันประกอบด้วยองค์ ๘ ประการนั้น พึงเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุขตลอดกาลนาน แม้แก่ศูทรทั้งปวง
ดูกรวาเสฏฐะ ถ้าแม้โลก พร้อมด้วยเทวโลก มารโลก พรหมโลกหมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ เทวดาและมนุษย์ พึงเข้าอยู่อุโบสถอันประกอบด้วยองค์ ๘ ประการนั้น พึงเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุขตลอดกาลนาน แม้แก่โลก พร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก แก่หมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ เทวดาและ มนุษย์ ถ้าแม้ท่านผู้มหาศาลเหล่านี้พึงเข้าอยู่อุโบสถอันประกอบด้วยองค์ ๘ ประการ การเข้าอยู่อุโบสถอันประกอบด้วยองค์ ๘ ประการนั้น พึงเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุขตลอดกาลนาน แม้แก่ท่านผู้มหาศาลเหล่านี้ ถ้าหากว่าตั้งใจ จะป่วยกล่าว ไปไยถึงมนุษย์เล่า
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๔๒-๒๔๓
นกุลสูตร (เรื่องอุโบสถ ๘ ประการ)
ว่าด้วยนกุลมาตาคหปตานี
(คฤหบดีนามว่า นกุลมารดา)
[๑๓๘] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ เภสกลามิคทายวัน แขวงเมือง สุงสุมารคีระ แคว้นภัคคชนบท ครั้งนั้นแล คหปตานีชื่อนกุลมารดา เข้าไปเฝ้าพระผู้มี พระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า
ดูกรนกุลมารดา มาตุคามประกอบด้วยธรรม ๘ ประการนี้ เมื่อตายไป ย่อม เข้าถึง ความเป็นสหายแห่งเทวดาเหล่ามนาปกายิกา ธรรม ๘ ประการเป็นไฉน
ดูกรนกุลมารดา มาตุคามในโลกนี้ ที่มารดาบิดามุ่งประโยชน์ แสวงหาความ เกื้อกูล อนุเคราะห์ เอื้อเอ็นดู ย่อมยกให้แก่ชายใดผู้เป็นสามี สำหรับชายนั้น เธอต้อง ตื่นก่อน นอนภายหลัง คอยฟังรับใช้ ประพฤติให้ถูกใจ กล่าวถ้อยคำเป็นที่รัก ฯลฯ เป็นผู้มีการบริจาค มีใจปราศจากมลทิน คือ ความตระหนี่ อยู่ครองเรือน มีจาคะ อันปล่อยแล้ว มีฝ่ามืออันชุ่ม ยินดีในการสละ ควรแก่การขอ ยินดีในการจำแนกทาน
ดูกรนกุลมารดา มาตุคามประกอบด้วยธรรม ๘ ประการนี้แล เมื่อตายไปย่อมเข้า ถึงความเป็นสหายของเทวดาเหล่ามนาปกายิกา สุภาพสตรีผู้มีปรีชา ย่อมไม่ดูหมิ่น สามี ผู้หมั่นเพียร ขวนขวายอยู่เป็นนิตย์ เลี้ยงตนอยู่ทุกเมื่อ ให้ความปรารถนา ทั้งปวง ไม่ยังสามีให้ขุ่นเคือง ด้วยถ้อยคำแสดงความหึง หวง และย่อมบูชาผู้ที่เคารพทั้งปวง ของสามี เป็นผู้ขยัน ไม่เกียจคร้าน สงเคราะห์คนข้างเคียงของสามี ประพฤติ เป็นที่พอใจ ของสามี รักษาทรัพย์ที่สามีหามาได้ นารีใดย่อม ประพฤติตามความชอบใจของสามี อย่างนี้ นารีนั้นย่อมเข้าถึง ความเป็นเทวดา เหล่ามนาปกายิกา
|