พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๑ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๐๒-๑๐๔ ๑๑๔-๑๑๕
นิสันติสูตร
[๙๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๔ จำพวกนี้ มีปรากฏอยู่ในโลก ๔ จำพวก เป็นไฉน คือ บุคคลเป็นผู้
ปฏิบัติเพื่อประโยชน์ตน แต่ไม่ปฏิบัติเพื่อประโยชน์ผู้อื่นจำพวก ๑
ปฏิบัติเพื่อประโยชน์ผู้อื่น แต่ไม่ปฏิบัติเพื่อประโยชน์ตนจำพวก ๑
ไม่ปฏิบัติเพื่อประโยชน์ตนทั้งไม่ปฏิบัติเพื่อประโยชน์ผู้อื่นจำพวก ๑
ปฏิบัติเพื่อประโยชน์ตนทั้งเพื่อประโยชน์ผู้อื่นจำพวก ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อประโยชน์ตน แต่ไม่ปฏิบัติเพื่อ ประโยชน์ผู้อื่นอย่างไร บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้สามารถรู้ได้เร็วในกุศลธรรม ทั้งหลาย มีปรกติทรงไว้ซึ่งธรรมที่ได้สดับแล้ว และใคร่ครวญอรรถแห่งธรรมที่ตนทรงไว้ รู้อรรถรู้ธรรมทั่วถึงแล้ว เป็นผู้ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม แต่ หามีวาจาไพเราะ กล่าว ถ้อยคำอ่อนหวาน ประกอบด้วยวาจาของชาวเมือง อันสละสลวย ไม่มีโทษ ยังผู้ฟังให้ เข้าใจ เนื้อความไม่ หาชี้แจงให้เพื่อนพรหมจรรย์เห็นชัด ให้สมาทาน ให้อาจหาญ รื่นเริงไม่ บุคคลเป็นผู้ปฏิบัติเพื่อประโยชน์ตน แต่ไม่ปฏิบัติเพื่อประโยชน์ผู้อื่นอย่างนี้แล (ทำเพื่อตนแต่ไม่ทำเพื่อผู้อื่น)
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อประโยชน์ผู้อื่น แต่ไม่ปฏิบัติเพื่อ ประโยชน์ตนอย่างไร บุคคลบางคนในโลกนี้ ไม่เป็นผู้สามารถรู้ได้เร็วในกุศลธรรม ทั้งหลาย ไม่เป็นผู้มีปรกติทรงธรรมที่ได้สดับแล้ว ไม่เป็นผู้ใคร่ครวญอรรถแห่งธรรม ที่ตนทรงไว้ หาได้รู้อรรถรู้ธรรมทั่วถึงแล้วปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมไม่ แต่ เป็นผู้มี วาจาไพเราะ กล่าวถ้อยคำอ่อนหวาน ประกอบด้วยวาจาของชาวเมือง อันสละสลวย ไม่มีโทษยังผู้ฟังให้เข้าใจเนื้อความ เป็นผู้ชี้แจงให้เพื่อนพรหมจรรย์เห็นชัด ให้สมาทาน อาจหาญ รื่นเริง บุคคลเป็นผู้ปฏิบัติเพื่อประโยชน์ผู้อื่น แต่ไม่ปฏิบัติเพื่อประโยชน์ตน อย่างนี้แล (ทำเพื่อผู้อื่นแต่ไม่ทำเพื่อตน)
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็บุคคลไม่ปฏิบัติเพื่อประโยชน์ตน ทั้งไม่ปฏิบัติเพื่อ ประโยชน์ผู้อื่น อย่างไร บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้ไม่สามารถรู้ได้เร็ว ในกุศลธรรม ทั้งหลาย ไม่เป็นผู้มีปรกติทรงธรรมที่ได้สดับแล้ว และไม่เป็นผู้ใคร่ครวญอรรถ แห่งธรรม ที่ตนทรงจำไว้ หาได้รู้อรรถรู้ธรรมทั่วถึงแล้วปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมไม่ ทั้งหาเป็นผู้มี วาจาไพเราะ กล่าวถ้อยคำอ่อนหวาน ประกอบด้วยวาจาของชาวเมือง อันสละสลวย หาโทษมิได้ ยังผู้ฟังให้เข้าใจเนื้อความไม่ ทั้งไม่ชี้แจงให้เพื่อนพรหมจรรย์เห็นชัด ให้สมาทาน อาจหาญ รื่นเริง บุคคลเป็นผู้ไม่ปฏิบัติเพื่อประโยชน์ตน ทั้งไม่ปฏิบัติเพื่อ ประโยชน์ผู้อื่นอย่างนี้แล (ไม่ทำเพื่อผู้อื่นและไม่ทำเพื่อตน)
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อประโยชน์ตนทั้งเพื่อประโยชน์ผู้อื่น อย่างไร บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้สามารถรู้ได้เร็วในกุศลธรรมทั้งหลาย มีปรกติ ทรงจำธรรมที่ได้สดับแล้ว มีปรกติใคร่ครวญอรรถแห่งธรรมที่ตนทรงจำไว้ รู้อรรถ รู้ธรรมทั่วถึงแล้ว ปฏิบัติธรรมตามสมควรแก่ธรรม ทั้งเป็นผู้มีวาจาไพเราะ กล่าวถ้อยคำ อ่อนหวาน ประกอบด้วยวาจาของชาวเมือง สละสลวย หาโทษมิได้ ยังผู้ฟังให้เข้าใจ เนื้อความ และเป็นผู้ชี้แจงให้เพื่อนพรหมจรรย์เห็นชัด ให้สมาทาน อาจหาญ ร่าเริง บุคคลเป็นผู้ปฏิบัติเพื่อประโยชน์ตน ทั้งเพื่อประโยชน์ผู้อื่นอย่างนี้แล (ทำเพื่อผู้อื่น และทำเพื่อตน)
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๔ จำพวกนี้แล มีปรากฏอยู่ในโลก
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๑ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๑๖
อัตตหิตสูตร
[๙๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๔ จำพวกนี้ มีปรากฏอยู่ในโลก ๔ จำพวก เป็นไฉน คือ
บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อประโยชน์ตน แต่ไม่ปฏิบัติเพื่อประโยชน์ผู้อื่นจำพวก ๑
ผู้ปฏิบัติเพื่อประโยชน์ผู้อื่น แต่ไม่ปฏิบัติเพื่อประโยชน์ตนจำพวก ๑
ไม่ปฏิบัติเพื่อประโยชน์ตน ทั้งไม่ปฏิบัติเพื่อประโยชน์ผู้อื่นจำพวก ๑
ผู้ปฏิบัติเพื่อประโยชน์ตน ทั้งเพื่อประโยชน์ผู้อื่นจำพวก ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลายบุคคล ๔ จำพวกนี้แล มีปรากฏอยู่ในโลก
|